ถ้าพูดถึงหนังเรื่อง ‘The Wolf of Wall Street’ (2013) หลายคนก็น่าจะนึกถึงภาพของนักแสดงนำอย่าง ลีโอนาร์โด ดิแคพรีโอ (Leonardo DiCaprio) ในมาดของ จอร์แดน เบลฟอร์ต (Jordan Belfort) โบรกเกอร์หุ้นขั้นเทพที่มีลีลาการขายหุ้นที่เหนือชั้นจนสามารถกอบกู้บริษัทเล็ก ๆ ให้ร่ำรวยได้อย่างมหาศาล จนกระทั่งความร่ำรวยผิดปกติ และความหลงไหลในโลกทุนนิยม ทำให้เขาได้พบกับจุดจบที่เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล

ตัวหนังหลังฉายกลายมาเป็นหนังระดับที่โด่งดังสุดขีดด้วยความสนุกของเรื่องราวที่ดูง่าย ไม่ซับซ้อนแม้จะพูดถึงเรื่องของตลาดหุ้น รวมทั้งความสนุกเร้าใจของตัวเรื่องที่เล่าถึงชีวิตของ ที่มีจังหวะชีวิตขึ้นลงอย่างกับรถไฟเหาะ กลายเป็นภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ที่ทำรายได้สูงมากในปี 2013 และยังเป็นผลงานภาพยนตร์ที่ทำรายได้ทั่วโลกสูงที่สุดของผู้กำกับอย่าง มาร์ติน สกอร์เซซี (Martin Scorsese) ด้วย

Jonah Hill The Wolf of Wall Street
โจนาห์ ฮิลล์ (Jonah Hill) และ ลีโอนาร์โด ดิแคพรีโอ (Leonardo DiCaprio)

มีเรื่องที่เป็นเกร็ดในตอนนั้นเกี่ยวกับค่าตัวของนักแสดงด้วย แม้ว่านักแสดงหลัก ๆ ของหนังเรื่องนี้จะทำผลงานเอาไว้ได้ดีกันทั้งสิ้น แต่หลังจากที่ภาพยนตร์ออกฉาย กลายเป็นว่าดิแคพรีโอนักแสดงหลักของเรื่องนั้นได้รับค่าตัวจากหนังเรื่องนี้ไป 10 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 330 ล้านบาท (ตามอัตราแลกเปลี่ยนในปี 2014) แต่มีนักแสดงอีกคนหนึ่งที่เคียงคู่กับดิแคพรีโอ นั่นก็คือ ดอนนี เอซอฟฟ์ (Donnie Azoff) คู่หูของ จอร์แดน เบลฟอร์ต ที่แสดงโดย โจนาห์ ฮิลล์ (Jonah Hill)

เพราะแม้ว่าฮิลล์เองจะเป็นนักแสดงมากฝีมือที่เคยได้รับการเสนอเข้าชิงรางวัล Oscars มาแล้ว แต่กลายเป็นว่า เขาได้รับเงินค่าตัวจากภาพยนตร์เรื่องนี้ไปเพียงแค่ 60,000 เหรียญ หรือประมาณ 1,900,000 บาท (ตามอัตราแลกเปลี่ยนในปี 2014) เท่านั้นเอง เรียกได้ว่าเป็นอัตราค่าตัวที่น้อยมากสำหรับบทบาทสมทบที่โดดเด่น กับหน้าหนังที่ถือว่าใหญ่โตขนาดนี้

แต่แน่นอนว่าเรื่องนี้มีเหตุผล ซึ่งฮิลล์เองก็ได้เปิดเผยเรื่องนี้กับ ฮาวเวิร์ด สเติร์น (Howard Stern) ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ในรายการ เดอะ ฮาวเวิร์ด สเติร์น โชว์ (The Howard Stern Show) ทางสถานีวิทยุซิริอัส เอ็กซ์เอ็ม (SiriusXM) ว่าเขาเองได้รับค่าตัว 60,000 เหรียญจริง ๆ แถมเป็น 60,000 เหรียญที่ไม่รวมเปอร์เซ็นต์จากรายได้และยังไม่หักภาษีด้วย ซึ่งเขาเผยว่า “พวกเขาให้เงินค่าตัวกับผมน้อยที่สุดเท่าที่ควรจะให้ได้”

ซึ่งคำถามก็คือ ทำไมเขายังตกลงที่จะแสดงหนังทั้งที่ได้ค่าตัวไม่ถึงหลักแสนเหรียญ แถมไม่ยอมต่อรองค่าตัวเลยด้วยซ้ำ นั่นก็เป็นเพราะว่า เขาเองนั้นอยากได้บทสำคัญในเรื่องนี้ และเหนืออื่นใดคือ เขาอยากทำงานกับผู้กำกับ มาร์ติน สกอร์เซซีมาก ๆ มากชนิดที่เรียกว่า เขายอมที่จะกดค่าตัวของตัวเองให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ส่วนที่มาของตัวเลข 60,000 เหรียญนั้น เป็นเงินค่าจ้างขั้นต่ำที่กองถ่ายภาพยนตร์พึงจ่ายแก่นักแสดง ตามข้อบังคับของสหภาพแรงงานสมาคมนักแสดงอาชีพแห่งอเมริกา (Screen Actors Guild (SAG))

Jonah Hill The Wolf of Wall Street
โจนาห์ ฮิลล์ (Jonah Hill) และ มาร์ติน สกอร์เซซี (Martin Scorsese)

“นั่นเป็นข้อเสนอของเขาน่ะครับ ผมก็เลยบอกเขาไปว่า ‘งั้นเดี๋ยวผมเซ็นเอกสารคืนนี้เลย แฟกซ์เอกสารมาให้คืนนี้เลยนะ’ ผมต้องการเซ็นสัญญาให้เขาภายในคืนนี้เลย ก่อนที่พวกเขาจะเปลี่ยนใจ ผมอยากเซ็นสัญญากับเขาก่อนผมเข้านอนคืนนี้ เขาจะได้เปลี่ยนใจไม่ได้

“ผมยอมขายบ้าน ยอมมอบเงินให้หมดตัวเลย เพียงเพื่อจะได้ทำงานกับเขา มันไม่ใช่เรื่องเงินทองแล้ว ผมเล่น ’22 Jump Street’ (2014) ผมเล่นเรื่องอื่น ผมจะทำอะไรก็ได้เพื่อให้มีเงินจ่ายค่าเช่า แต่ผมอยากเล่นหนังเรื่องนี้โดยทันที นี่มันไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินแล้ว แต่มันเป็นการทำสิ่งที่ผมควรทำในสิ่งที่ผมสนใจมากกว่า”

และแน่นอนว่าความกระตือรือร้นของเขา สุดท้ายก็ทำให้เขาได้รับบท ดอนนี เอซอฟฟ์ ในหนังเรื่องนี้ หลังหนังออกฉาย ตัวหนังกลายมาเป็นภาพยนตร์ที่โด่งดังที่สุดเรื่องหนึ่งในปี 2013 และได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ ประจำปี 2014 มากถึง 5 รางวัล และหนึ่งในนั้นก็มีรายชื่อของฮิลล์ ที่ได้เข้าชิงรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมด้วย ซึ่งแม้จะได้เงินค่าตัวน้อย แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าอยู่

Jonah Hill The Wolf of Wall Street

และดูเหมือนว่าฮิลล์เองก็ได้โชคสองชั้นด้วย เพราะหลังจากที่เขาได้เล่นหนังกับผู้กำกับในดวงใจแล้ว เขาเองก็ยังได้ร่วมงานสกอร์เซซีอีกครั้งใน ‘Grateful Dead’ ภาพยนตร์ชีวประวัติของวงดนตรีชื่อดังยุค 60’s ‘เกรตฟูล เดด’ (Grateful Dead) กับทาง Apple TV+ โดยฮิลล์จะได้รับบทเป็น เจอร์รี การ์เซีย (Jerry Garcia) ฟรอนต์แมนผู้ล่วงลับ แถมไอเดียการสร้างหนังเรื่องนี้ของสกอร์เซซีก็เป็นเพราะแนวคิดที่ฮิลล์เป็นเสนออีกนั่นแหละ

Jonah Hill The Wolf of Wall Street

มีเกร็ดอีกเรื่องเกี่ยวกับฮิลล์ในหนังเรื่องนี้ด้วย เพราะตลอด 7 เดือนในการถ่ายทำ เขาเองไม่ได้ยอมกดค่าตัวตัวเองเพื่อให้ได้ทำงานกับผู้กำกับระดับเซียนเพียงเพื่อเครดิตของตัวเองเท่านั้น แต่เขายังทุ่มเทกับการทำงานแบบสุด ๆ โดยเฉพาะการเสพโคเคนเข้าจมูกของดอนนี

โดยฮิลล์ได้เล่าว่า ตลอดการถ่ายทำ เขาต้องสูดผงโคเคนปลอมที่ทำมาจากยาเม็ดวิตามินดีเข้าจมูกจริง ๆ ตลอดการถ่ายทำ จนกระทั่งเขาป่วยด้วยโรคหลอดลมอักเสบจนต้องเข้าโรงพยาบาล เนื่องจากเขาสูดสารแปลกปลอมเข้าไปในปอดในปริมาณมาก

“ตลอดชีวิตผมไม่เคยได้รับวิตามินดีเยอะขนาดนี้มาก่อน ผมว่าผมคงยกรถขึ้นเหนือหัวได้อ่ะ…”


ที่มา: Unilad, Far Out Magazine, Variety, ABC News, Independent

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส