[รีวิว] Under The Queen’s Umbrella |ใต้ร่มราชินี : ซากึกตลกร้าย ทั้งท้องแข็ง ทั้งปวดตับ

Our score

8.6

แนว

ดราม่า | ตลกร้าย | ประวัติศาสตร์

จำนวนตอน

16 ตอน

วันเวลาออกอากาศ

ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 21.00 น.

ช่องทางรับชม

Netflix

Our score

8.6

จุดเด่น

1. เป็นซากึกที่มีบททันสมัย ฉึบฉับไม่เย่นเย้อ ทำให้นึกถึงหัตถาครองพิภพ ละครไทยที่มีบทไม่น่าเบื่อพอ ๆ กัน
2. เรื่องนี้รวมดารามากฝีมือทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ ปล่อยพลังกันหนุบหนับไม่มียั้ง

จุดสังเกต

1. เป็นดราม่าตลกร้ายที่ขายขำมาหลอกจิตเป็นช่วง ๆ แล้วก็พร้อมจะขยี้หัวจิตหัวใจของคนดูได้ง่าย ๆ กันซะะงั้น

• บท

  9.0

• นักแสดง

  9.0

• โปรดักชัน

  8.0

• การดำเนินเรื่อง

  8.0

• ความสนุกตามแนวซีรีส์

  9.0

ชั่วโมงนี้คงไม่มีซีรีส์อิงประวัติศาสตร์เรื่องไหนของเกาหลีที่จะเทียบรัศมีของเรื่องนี้ไปได้ ‘Under The Queen’s Umbrella’ หรือในชื่อภาษาไทย ‘ใต้ร่มราชินี’ ที่ต้องบอกว่าความหมายนี้ช่างเหมาะสม และสร้างความรู้สึกร่วมได้ทันทีเมื่อได้ชมเพียงตอนแรกเท่านั้น เพราะเนื้อหาที่เข้มข้นและหลากความรู้สึกที่ครบรสชนิดที่ตักคำไหนก็อร่อยเด็ดคำนั้น รวมอยู่ที่พระราชินีสุดฮาร์ดคอร์พระองค์นี้พระองค์เดียว

**คำเตือน : บทความต่อไปนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนแต่ไม่ทำให้เสียอรรถรสในการรับชม

ใต้ร่มราชินี : เป็นซากึกที่ใช้ฉากหลังอยู่ในสมัยโชซอน โดยไม่ได้อิงกับบุคคลที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์นะคะ เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นใหม่โดยเล่าเรื่องราวการฟาดแข้งของพระราชินีอิมฮวารยอง (คิมฮเยซู) และพระพันปี (คิมแฮซุก) เรียกว่าเป็นสงครามการต่อสู้ของวังหลังที่ฝ่ายหนึ่งเป็นพระราชินีที่ต้องกางปีกปกป้องพระโอรส ส่วนอีกฝ่ายเป็นพระพันปีที่เกลียดขี้หน้าพระราชินีเสียยิ่งกว่าอะไร เพราะนางไม่ได้เลือกมาด้วยตัวเอง แถมยังต้องฟาดฟันกับพระสนมที่พร้อมจะแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทให้กับลูกของตัวเอง โดยเฉพาะพระสนมฮวังกวีอิน (อ๊กจายอน) บุตรสาวจากตระกูลสูงศักดิ์ที่พระพันปีหมายมั่นปั้นมือจะให้มาเป็นพระราชินี

และสนมอื่น ๆ อีกมากมายที่พร้อมจะงัดกลเม็ดเด็ดพรายมาช่วงชิงตำแหน่งรัชทายาทให้ลูกชายของตน ไม่เว้นแม้แต่พระสนมแทโซยอง (คิมกาอึน) ที่ในอดีตเป็นนางกำนัลในตำหนักที่พระพันปีที่ส่งมาให้ แต่สุดท้ายก็ได้ถวายตัวเป็นพระสนมเข้าจนได้ เรียกว่าเป็นสนมที่ได้ตำแหน่งมาด้วยการถวายตัว ไม่ใช่สนมคัดเลือกแต่มีบทบาทที่น่าติดตามมากกว่าใคร ๆ มากกว่านั้นยังต้องปวดหัวกับบรรดาองค์ชายอีก 4 คนของตัวเอง ที่ก่อเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน

ราชินีเรื่องนี้เรียกว่าเป็นราชินีที่เดินเร็วที่สุดในโชซอนก็ว่าได้ เพราะต้องทำเวลาแข่งกับความป่วนของลูก ๆ ที่ไหนจะโดดเรียนจนเป็นที่โหล่ในสถานศึกษา และร่ำร้องอยากจะโตไว ๆ แม่จะได้ให้แต่งงานไปอยู่นอกวังซะที ไหนจะแอบออกไปเที่ยวตามหอคณิกาให้แม่ต้องตามจิกตามทึ้งอย่างที่ไม่มีองค์ชายของสนมองค์ไหนจะกล้าทำ แต่อย่างไรซะพระราชินีก็ยังมีลูกชายคนโตให้เชิดหน้าชูตากับเขาอยู่คนนึง เพราะองค์รัชทายาท (แบ อินฮยอก) นั้นช่างฉลาดเฉลียว เพียบพร้อมไปซะทุกอย่าง

แต่อยู่มาไม่นานความไม่น่าจะเกิดก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อองค์รัชทายาทเกิดล้มป่วยเป็นโรคเดียวกับรัชทายาทในรัชกาลก่อนที่สวรรคตเพราะโรคนี้ เป็นเหตุให้บัลลังก์ราชินีเริ่มสั่นคลอนตามไปด้วย เพราะแม่เสือหิวอย่างพระพันปี ที่จ้องจังหวะนี้มานานแล้ว ก็สบโอกาสโดยใช้โอรสของบรรดาพระสนมเป็นหมากกระดานใหม่เพื่อแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาท และหาเรื่องเปลี่ยนราชินี ก็เพื่ออำนาจของตัวเองนั่นแหละค่ะ งานหนักก็ตกมาอยู่กับพระราชินีที่ต้องปั้นองค์ชายทั้ง 4 ให้สู้กับบรรดาองค์ชายองค์อื่น ๆ ให้จงได้ ขณะที่บรรดาพระสนมก็พยายามทุกวิถีทางเพื่อผลักดัน ให้บุตรชายของตนได้ผงาดขึ้นไปช่วงชิงตำแหน่งรัชทายาทกับเขาบ้าง สักครั้ง

ดราม่าเข้ม ๆ ที่ตบความฮามาเบา ๆ

เรื่องนี้เปิดฉากมาด้วยชุดแดงแรงฤทธิ์ของราชินีสุดเฟี้ยว ที่กำลังเดินฉับ ๆ เข้าไปในบ้านหลังหนึ่งพร้อมกับปิ่นในมือ แล้วตรงเข้าควักลูกชายของตัวเองที่กำลังนอนหลับอุตุอยู่กับสาวสวยนางหนึ่งออกจากที่นอน และตรงเข้าไปใช้ปิ่นปักผมจี้คอหอยของสาวสวยนางนั้นเมื่อนางถามว่า “ท่านเป็นใคร ทำไมเสียมารยาทเช่นนี้เจ้าคะ” และคำตอบของพระนางก็ทำให้สาวสวยนางนั้น ต้องกลัวหัวหด “…ก็เป็นคนที่ไม่ว่าอยากทำเรื่องบ้าอะไร ก็สามารถทำตามที่ใจอยากได้” จบปะคะอีหนู แหม..เริ่มต้นแบบนี้ มันน่าติดตามดีไหมล่ะ ด้วยฝีมือการแสดงสุดเร้าใจของ คิมฮเยซู ผู้พิพากษาสุดเฮี้ยบจากซีรีส์ ‘Juvenile Justice’ (2022)

เรื่องราวดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้นปนฮา ด้วยวีรกรรมของเหล่าองค์ชายทั้ง 4 ผู้ซึ่งเป็นโอรสของพระราชินี ก็น้องชายจอมแสบทังหลายของรัชทายาทนั่นแหละค่ะ ทั้งหนีเที่ยว ทั้งเกเรียน มีเรื่องชกต่อย จนกิตติศัพท์เลื่องลือในด้านของความไม่เอาไหน สู้บรรดาลูก ๆ ของพระสนมทั้งหลายที่มีมากกว่า 1 โหลของพระราชาไม่ได้เลย คือสนมเยอะมากแถมยังมีพระโอรสมากเช่นกัน แต่ในความฮาที่ว่านั้น มีดราม่าเข้ม ๆ ปะปนอยู่จนกลายเป็นตลกร้ายไปเลยละ

ความละเอียดของบทที่ใส่เข้ามาในช่วงนี้ต้องขอบคุณผู้เขียนบทเขาละค่ะที่ปราณีกับหัวใจคนดูเหลือเกิน เพราะหากขยี้กันให้เต็มเหนี่ยว ทุกไดอะล็อกของเรื่องสามารถเรียกน้ำตาได้เป็นสายกันเลยเชียว เรียกว่าเป็นดราม่าจัดหนักสบาย ๆ แต่ในความดราม่าน้ำตาเกือบแตก เขาสามารถสอดแทรกอารมณ์ขันเข้ามาช่วย ไปพร้อม ๆ กับอารมณ์บีบคั้นที่ตีคู่กันมาอย่างกับเป็นเพื่อนซี้ สลับฉากกับโชะเชะ ส่งจังหวะปรับอารมณ์กันสนุกสนาน แต่การดำเนินเรื่องที่สมูทเอามาก ๆ กลับไม่ได้ทำให้อารมณ์สองขั้วนั้นขัดแย้งกันเลยสักนิดเดียว

ความปลอดภัยเมื่อได้อยู่ใต้ร่มราชินี

ฝนตกก็ไม่เปียก แดดออกก็ไม่ร้อนแน่ ๆ ละค่ะถ้าอยู่ใต้ร่มของราชินีพระองค์นี้ ช็อตอบอุ่นนี้บอกเลยว่าตับไตไส้พุงนี่ปั่นป่วนไปตาม ๆ กัน เพราะระหว่างที่เรากำลังเพลินเพลินกับความรักฉันพี่น้องของคุณชายทั้ง 4 และองค์รัชทายาทพี่ชายของเขา บทก็เริ่มย่ำยีหัวใจคนดูด้วยดราม่าหนักหน่วงแบบไม่มีพักกันเลยเชียว เรียกว่าประเดประดังมาทั้งซ้าย ขวา หน้า หลัง ตั้งแต่การที่ต้องมารู้ความลับของ องค์ชายกเยซอง (ยูซอนโฮ) องค์ชายลำดับ 4 ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอีกคนของราชินี ที่ทรงไว้ใจในเรื่องการเรียนของเขามาก เรียกว่าในบรรดาพี่น้อง นอกจากรัชทายาทแล้วองค์ชาย 4 นี่แหละที่เป็นความหวังของหมู่บ้าน

แต่แล้วความหวังนั้นก็มาพังทลายเมื่อความลับขององค์ชายกเยซอง ถูกเปิดเผยออกมาแบบคาดไม่ถึง เรียกว่าสะพรึงทั้งตัวละครและคนดู เพราะด้วยตำแหน่งองค์ชายแล้ว แถมยังเป็นสมัยนั้นอีกต่างหาก มันน่าสงสารเอามาก ๆ ช็อตนี้ทำอาคนดูลุ้นไปตาม ๆ กันว่าพระราชินีจะจัดการกับเรื่องนี้ด้วยวิธีไหน จะเป็นแม่ที่บังคับและบีบคั้นลูกไหม หรือจะเป็นแม่ที่ปกป้องลูกให้อยู่ใต้ร่มราชินีอย่างปลอดภัย บอกเลยว่าพลาดไม่ได้กับฉากนี้ที่รับประกันให้คนใจบางเลยว่า น้ำตาร่วงแน่นอน โดยเฉพาะบรรดาลูกสาวทั้งหลาย ความซาบซึ้งจะประเคนใส่พานมาถวายถึงหน้าบ้าน

บวกกับความรู้สึกหลากหลายที่ทั้งเข้าใจ เห็นใจทั้งแม่และลูก ความสงสารมันท่วมท้นจนจุกอก ความซาบซึ้งจะเอ่อล้นจนกั้นน้ำตาไม่อยู่ ช็อตนี้นักแสดงทั้งคู่เล่นดีมาก อารมณ์ต่าง ๆ ที่ถ่ายทอดออกมาส่งถึงคนดูได้อย่างจับจิต จนไม่น่าเชื่อว่าลูกเจี๊ยบผู้น่ารักยูซอนโฮ จะมีฝีมือการแสดงที่พัฒนาไปได้ขนาดนี้ และบทก็เรียงร้อยเรื่องราวช่วงนี้ไว้ได้อย่างละเมียดละไม จนเรียกได้ว่าเป็นฉากประทับใจเด็ดดวงของเรื่องนี้เลยทีเดียว แต่..ผู้เขียนบทยังไม่หยุดอยู่แค่นี้ค่ะ นอกจากจะประเคนความซาบซึ้งที่ทำเอาใจสั่น พี่แกยังขยี้หัวใจคนดูด้วยฉากร้าย ๆ ที่กระชากหัวใจราชินีทิ้งไปทั้งดวงอีกด้วย ซึ่งฉากที่ว่านั้นก็นำมาสู่ศึกชิงตำแหน่งรัชทายาทที่เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเอง

ถึงคราวลูก สู้เพื่อแม่

เมื่อผ่านความเศร้าที่ไม่อยากให้เกิด แต่ไม่เกิดก็ไม่ได้แฮะเพราะไม่อย่างนั้นเรื่องก็คงดำเนินไปแบบราบเรียบ ไร้ปมน่าสนใจให้ตามต่อกันน่ะสิ เพราะต่อจากนี้จะเป็นการฟาดฟันระหว่างราชินี พระพันปี และบรรดาพระสนมแบบน่าลุ้น มีหลายจุดให้เราต้องติดตามอย่างไม่ลดละเมื่อราชินีต้องวางแผนในการปกป้องทั้งลูกสะใภ้ คือพระชายาขององค์รัชทายาทและหลาน ๆ ที่เกิดจากรัชทายาทให้รอดปลอดภัย แผนซ้อนแผนที่ราชินีคิดขึ้นจึงผุดออกมาทีละนิดทีละหน่อย แถมยังต้องปลุกใจบรรดาองค์ชายทั้ง 4 ให้ฮึดสู้เพื่อชีวิตของตัวเอง และตำแหน่งราชินีของแม่สักครั้ง

ซึ่งเกมชิงตำแหน่งครั้งนี้ก็มีผู้เข้าชิงมากมายเลยทีเดียว แต่ตัวเต็งที่ต่างมีปมของตัวเอง ได้แปลงร่างเป็นหมากเบี้ยที่น่าสนุกและทำให้เนื้อเรื่องน่าสนใจมากขึ้นไปอีกเริ่มจาก องค์ชายซองนัม (มุนซังมิน) โอรสลำดับที่ 2 ของราชินี องค์ชายซองนัมเป็นน้องที่สนิทกับรัชทายาทที่สุด ปมที่น่าติดตามของเขามีมาตั้งแต่ Ep แรก ๆ ด้วยเรื่องที่เขาถูกส่งออกไปอยู่นอกวังตั้งแต่เกิดและได้กลับมาในฐานะองค์ชายเมื่อวัยเยาว์ แถมมีฉากของการโดนข่มขู่จากพระพันปีมาให้เราสงสัยกันอีกด้วย ซึ่งซีรีส์ก็ไม่ยอมบอกสักทีค่ะว่าเหตุใดองค์ชายซองนัมถึงต้องถูกส่งออกไปอยู่นอกวังในตอนนั้น

ซึ่งถ้าหากใครยังจำ ‘โกกอนพยอง’ ตำรวจสายสืบน้องเล็กประจำทีมปรามปรามยาเสพติดในซีรีส์ ‘My Name’ (2021) กันได้ ก็เขานี่ละค่ะที่รับบทบาทในตอนนั้น มาในเรื่องนี้เราเห็นกันชัด ๆ เลยว่าฝีมือการแสดงของมุนซังมินรุดหน้าไปเยอะ แถมยังได้รับบทสำคัญ กลายเป็นตัวตึงแห่งวังหลวงที่ฉายแววมาตั้งแต่ปมน่าสงสัยในช่วงแรก ว่าเขานี่แหละ คือพระเอกตัวจริงของเรื่องนี้ แฮชแท็กทีมองค์ชายซองนัมต้องเข้าแล้วละค่ะ

ผู้เข้าชิงคนที่ 2 ก็เห็นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก องค์ชายอึยซอง (คังชานฮี) โอรสของสนมฮวังกวีอิน ทีโผล่หน้ามาทีไรก็ทำเอาคนดูเหม็นขี้หน้ากันทุกที แต่บทก็เขียนให้องค์ชายอึยซองมีมุมน่าสงสารเข้าจนได้ เพราะเขาต้องอยู่กับความริษยามาตลอด เหตุเพราะเป็นลูกชายคนแรกของพระราชาแต่ไม่ได้เป็นรัชทายาทเพราะเกิดจากแม่ที่เป็นเพียงพระสนม สองแม่ลูกผูกใจเจ็บว่าตำแหน่งนั้นมันควรเป็นของตนตั้งแต่ต้น เพราะฉันทั้งสูงศักดิ์กว่าแต่ถูกแย่งไปต่อหน้าต่อตา เพียงเพราะพระราชาเป็นคนเลือกเอง

เรื่องนี้คังชานฮีพลิกบทบาทจากบทนักเรียนที่เคยรับมาตลอด โดยเฉพาะในบท ‘ฮวังอูจู’ เด็กหนุ่มเรียนดีจากซีรีส์ SKY Castle (2018) มาเป็นองค์ชายตัวร้ายที่น่าหยุมหัวเป็นที่สุด การแสดงออกที่ทำให้เห็นว่าตัวละครตัวนี้ร้ายทั้งหน้าตาและจิตใจ ถือว่าเป็นการแสดงของนักแสดงที่มีฝีมือและอนาคตไกลแน่ ๆ อีกคนหนึ่ง โดยเฉพาะในช่วงที่เข้าฉากกับ องค์ชายโบกอม (คิมมินกิ) โอรสของพระสนมแทโซยอง

ตัวละครตัวนี้มีปมที่น่าสนใจตรงที่ เป็นองค์ชายที่เกิดจากสนมถวายตัว ไม่ใช่สนมคัดเลือก ถึงแม้ว่าสนมที่ขึ้นตำแหน่งด้วยการถวายตัวอย่างสนมแทโซยองจะมีมากพอ ๆ กับสนมคัดเลือกและทุกนางต่างก็คลอดพระโอรสก็ตาม แต่องค์ชายโบกอม ก็เป็นองค์ชายที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาองค์ชายทั้งหลาย เนื่องจากเป็นนักเรียนหัวกะทิของสถานศึกษา เรียกว่าถ้าอยู่ในชั้นเรียนก็สอบได้ที่ 1 กันเลยละค่ะ ทำให้เป็นที่หมั่นไส้ขององค์ชายอึยซองโดยเฉพาะ

เจอที่ไหนเป็นต้องค่อนขอด ทับถม บูลลี่น้องไม่หยุดหย่อน ด้วยความคับแค้นที่ตัวเองมีแม่ที่ไม่ได้มาจากตระกูลสูงศักดิ์ ก็ทำให้องค์ชายโบกอมอยากจะชิงตำแหน่งรัชทายาทอย่างจริงจังสักครั้ง ก็เรียกว่าเป็นตัวละครตัวสำคัญของเรื่องก็ว่าได้ และรับบทโดยคิมมินกินักแสดงหน้าใหม่ซะด้วยสิ มันน่าสนใจตรงนี้ เพราะพ่อหนุ่มน้อยคนนี้เข้าฉากกับพี่ ๆ ที่เจนเวทีกว่าได้ไม่ขัดเขินเลยทีเดียว

ก็เรียกได้ว่าซีรีส์เรื่องนี้ได้รวบรวมทั้งนักแสดงรุ่นใหญ่มากฝีมือ และนักแสดงรุ่นเล็กที่ฝีไม้ลายมือไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ารุ่นใหญ่เขาเลยทีเดียว อีกทั้งองค์ประกอบฉากที่ครบเครื่อง ไม่แพ้ซากึกเรื่องอื่น ๆ มุมกล้อง แสง สีและเพลงประกอบที่ส่งอารมณ์แต่ละช่วงได้ถูกจังหวะ ‘Under The Queen’s Umbrella :ใต้ร่มราชินี’ จึงเป็นซากึกอีกเรื่องที่สายย้อนยุคไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส