เรียกว่าเป็นความเคลื่อนไหวอันรุนแรงที่มาพร้อมกับการฉลองครบรอบ 100 ปี หลังจากที่มีข่าวว่า บริษัทอุตสาหกรรมบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง วอลต์ ดิสนีย์ (Walt Disney) ได้ประกาศปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ ด้วยการปลดพนักงานตามแผนการลดต้นทุนบริษัท และพยุงธุรกิจสตรีมมิงให้มีกำไร โดยในจำนวนนั้นมีรายชื่อของ ไอแซก ‘ไอก์’ เพิร์ลมัตเทอร์ (Isaac ‘Ike’ Perlmutter) ประธานบริษัท มาร์เวล เอนเตอร์เทนเมนต์ (Marvel Entertainment) นับเป็นผู้บริหารระดับสูงที่โดนปลดจากตำแหน่ง ตามแผนการเลิกจ้างของ Disney ด้วยเช่นกัน

The New York Times รายงานว่า เพิร์ลมัตเทอร์ วัย 80 ปี ผู้บริหารของ มาร์เวล เอนเตอร์เทนเมนต์ (Marvel Entertainment) ซึ่งเป็นแผนกที่ดูแลด้านการจัดพิมพ์หนังสือคอมิก รวมทั้งของเล่น และสินค้า Merchandise ภายใต้ลิขสิทธิ์ของ Marvel ที่บริหารแยกต่างหากจาก Marvel Studios ที่ดูแลงานด้านผลิตภาพยนตร์โดยเฉพาะ ได้ถูกปลดออกจากตำแหน่งแล้ว เมื่อวันพุธที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา รวมทั้งผู้บริหารระดับสูงของแผนกทั้ง โรเบิร์ต สเตฟเฟนส์ (Robert Steffens) ผู้บริหารร่วม และ จอห์น ตูริตซิน (John Turitzin) หัวหน้าที่ปรึกษาออกจากตำแหน่งด้วยเช่นกัน

Disney Isaac Perlmutter Marvel Entertainment
ไอแซก ‘ไอก์’ เพิร์ลมัตเทอร์

ส่วน แดน บักลีย์ (Dan Buckley) ประธานกรรมการ จะยังคงอยู่ต่อไปโดยไม่ได้ถูกปลดออก แต่จะทำงานขึ้นตรงกับ เควิน ไฟกี (Kevin Feige) ผู้บริหารของ Marvel Studios ต่อไป ท่ามกลางกระแสข่าวว่า อาจมีการยุบแผนก Marvel Entertainment มาอยู่ภายใต้การดูแลของ Marvel Studios อย่างเบ็ดเสร็จสมบูรณ์

บ็อบ ไอเกอร์ ซีอีโอของ Disney

การถูกปลดออกของเพิร์ลมัตเทอร์ และทีมผู้บริหารของ Marvel Entertainment เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ของ Disney ตามแผนการรัดเข็มขัดเพื่อลดต้นทุนของ บ็อบ ไอเกอร์ (Bob Iger) ซีอีโอที่หวนกลับมานั่งตำแหน่งอีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้ โดยมีแผนในการปลดพนักงานทั่วโลกรวม 7,000 คน หรือราว 3.6% จากพนักงานทุกแผนก 166,000 อัตราในสหรัฐอเมริกา และประมาณ 54,000 อัตราในต่างประเทศ

โดยเริ่มทยอยปลดพนักงานระลอกแรกไปแล้วเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา และจะทยอยปลดพนักงานเพิ่มเติมอีก 2 ระลอก ในเดือนเมษายน และช่วงก่อนเริ่มฤดูร้อนของสหรัฐอเมริกา (ประมาณเดือนมิถุนายน – สิงหาคม) จนครบ 7,000 คนตามเป้าหมาย ซึ่งจะสามารถลดรายจ่ายลงได้มากกว่า 5,500 ล้านเหรียญ อันเกิดจากการที่ผู้ถือหุ้นมองว่า ธุรกิจสตรีมมิงของบริษัทใช้งบประมาณมากเกินไป รวมทั้งการที่มีสมาชิกของสตรีมมิง Disney+ ที่ลดลงกว่า 2.4 ล้านราย ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2022 นับเป็นการสูญเสียผู้ใช้บริการเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เริ่มให้บริการมาตั้งแต่ปี 2019

รวมทั้งการปรับโครงสร้างของบริษัทออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ ๆ ประกอบไปด้วยหน่วยธุรกิจบันเทิง ที่จะครอบคลุมทั้งภาพยนตร์ โทรทัศน์ และแพลตฟอร์มสตรีมมิง หน่วยธุรกิจ ESPN ที่เน้นคอนเทนต์กีฬาเป็นหลัก และหน่วยธุรกิจสวนสนุก และผลิตภัณฑ์ Merchandise ต่าง ๆ

เควิน ไฟกี ผู้บริหารของ Marvel Studios

เพิร์ลมัตเทอร์ได้เข้ามาเป็นคณะกรรมการของ Marvel Entertainment ตั้งแต่ปี 1993 และก้าวขึ้นมาเป็นประธานของบอร์ดในปี 1995 โดยเป็นผู้ที่มีส่วนในการขายลิขสิทธิ์คาแรกเตอร์ของ Marvel ไปให้กับสตูดิโอผลิตภาพยนตร์หลายค่าย และเป็นผู้ผลักดันการขายกิจการ Marvel ให้กับ Disney ในราคา 4,000 ล้านเหรียญเมื่อปี 2009 และมีส่วนในการผลักดัน เนลสัน เพลตซ์ (Nelson Peltz) ผู้ถือหุ้นที่รู้จักกับเขาให้ขึ้นไปนั่งในบอร์ดบริหารของ Disney

นอกจากนี้ในปี 2015 ไอเกอร์ได้เปิดเผยว่า หลังจากที่เพิร์ลมัตเทอร์ล้มเหลวในการพยายามผลักดันเพลตซ์ขึ้นเป็นบอร์ดบริหาร รวมทั้งการที่ตนเองไม่มีอำนาจตัดสินใจในด้านการบริหารและงบประมาณในการสร้างภาพยนตร์ของ Marvel หลังจากที่ไฟกีได้เข้ามาบริหาร Marvel Studios ทำให้เพิร์ลมัตเทอร์มีความพยายามจะไล่ไฟกีออก และทำให้ไอเกอร์ได้เข้ามาแทรกแซงด้วยการนำ Marvel Studios ไปอยู่กับ อลัน ฮอร์น (Alan Horn) ประธานของ Walt Disney Studios ในเวลานั้นเป็นผู้ดูแล


ที่มา: The New York Times, Variety

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส