เป็นข่าวช็อกสำหรับแฟนเพลงเมื่อ ‘The Yers’ (เดอะเยอร์ส) วงร็อกชื่อดังจากค่ายจีนี่ เรคคอร์ดส (genie records) ออกมาประกาศยุบวงผ่านโซเชียลมีเดียของวง โดยทางวงได้แถลงว่าตัดสินใจยุบวงด้วยเหตุผลส่วนตัวของสมาชิกแต่ละคนที่ปรึกษากันมาอย่างยาวนานและถี่ถ้วนแล้ว พร้อมทั้งขอบคุณแฟน ๆ สำหรับ  “ตลอด 14 ปีที่ผ่านมาในวงการ เป็นประสบการณ์ที่สวยงามมากที่สุดที่เกิดขึ้นในชีวิตพวกเราทุกคน เราขอใช้พื้นที่นี้ ขอบคุณทุก ๆ ท่าน ทุก ๆ เหตุการณ์ ทุก ๆ กำลังใจ” พร้อมทิ้งท้ายเอาไว้ว่าในกลางปีนี้ทางวงจะปล่อย EP Album สุดท้ายของวงที่ใช้ชื่อว่า ‘PYNT’ ที่วงตั้งใจทำร่วมกันในช่วงเวลาที่ทำอัลบั้ม ‘PRAY’ ที่ผ่านมา

ในโอกาสนี้เพื่อย้อนกลับไปสัมผัสกับวงดนตรีอันเป็นที่รักและชื่นชมของแฟน ๆ เราจะมาสำรวจทุกท่วงทำนองของ The Yers ตลอด 14 ปีบนเส้นทางสายดนตรีกัน

“The Yers” คือ ?

The Yers เป็นวงดนตรีร็อกสัญชาติไทยที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2546 ประกอบด้วยสมาชิกปัจจุบันทั้งหมด 4 คนคือ อู๋ – ยศทร บุญญธนาภิวัฒน์ (ร้องนำ, กีตาร์), ต่อ – พนิต มนทการติวงค์ (กีตาร์, ร้องประสาน), โบ๊ท – นิธิศ วารายานนท์ (กีตาร์เบส) และ บูม – รัฐ ภู่ม่วง (กลอง) เริ่มเป็นที่รู้จักจากการปล่อยเพลงแรกของวงคือเพลง “การสื่อสาร” (2552) และมีผลงานเปิดตัวอัลบั้มแรกชื่อว่า ‘Y’ (2554) กับค่ายสมอลล์รูม (Smallroom) ปัจจุบันเป็นศิลปินในสังกัดค่ายจีนี่ เรคคอร์ดส และมีผลงานออกกับทางค่ายเป็นสตูดิโออัลบั้มอีก 3 ชุด และอีพีอัลบั้มอีก 1 ชุด ก่อนจะตัดสินใจยุบวงในปี พ.ศ. 2566

แนวดนตรีของ The Yers  มีส่วนผสมของแนวดนตรีอินดี้ ร็อก (Indy Rock), นิวเวฟ (New Wave) และ โพสต์พังก์ริไววัล (Post-Punk Revival)  ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากวงดนตรีทางฝั่งสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา โดยมีวงดนตรีที่ The Yers  ได้รับอิทธิพลคือ Joy Division, The Cure, Editors, White Lies, Arcade Fire, Interpol, Queens of the Stone Age ส่วนเนื้อหาโดยรวมในบทเพลงทั้งหลายของ The Yers จะออกไปในทางมืดหม่น เล่าถึงความรักที่ไม่สมหวัง ความเจ็บปวดจากการอกหัก ความรักที่ไม่สดใส ในบางทีก็มีน้ำเสียงที่ประชดประชันหรือบางครั้งก็แอบแฝงด้วยข้อคิดให้กำลังใจ

จุดเริ่มต้นของ The Yers

The Yers ก่อตั้งขึ้นเมื่อพ.ศ. 2546 เกิดจากการรวมตัวกันของอู๋กับ 2 อดีตสมาชิกคือ โจ๊ก – วัทธิกร เขียนด้วง (กลอง) และ เหน่ง – อรรถพร วิบูลย์กุลพันธ์ (กีตาร์เบส) ที่เรียนมัธยมศึกษาที่โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) 2 ด้วยกัน เนื่องจากอู๋ต้องการให้วงมีสีสันมากขึ้น อู๋จึงชักชวนอีกหนึ่งอดีตสมาชิกวงคือ เต๋า – ธนา กุสุมภ์ มาเล่นคีย์บอร์ดกับเพอร์คัสชัน และโจ๊กก็ชักชวนต่อมาเล่นกีตาร์ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นสมาชิกของวงจนถึงปัจจุบัน

ช่วงแรกที่รวมตัวกัน The Yers ได้เก็บประสบการณ์จากการประกวดดนตรีแต่ก็ยังไม่ชนะสักเวที จนได้ไปประกวดดนตรีที่อิมพีเรียล สำโรง นั่นคือเวทีแจ้งเกิดของวง The Yers จากนั้นวงก็เล่นดนตรีกันแบบโนเนมมาประมาณ 3-4 ปี ถึงได้เข้ามาอยู่ที่ค่ายสมอลล์รูม และเซ็นสัญญาออกซิงเกิลแรกในปี 2552

ส่วนที่มาของชื่อวงนั้นเกิดจากการที่ต้องหาชื่อเพื่อนำไปใช้ในการแสดงสดครั้งแรกที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ โดยนำคำว่า ‘เหยอะ‘ ซึ่งเป็นคำอุทานของพล่ากุ้ง แล้วมาเติมคำว่า The ไว้ข้างหน้า เติม s ไว้ข้างหลัง เพื่อที่จะ Tribute ให้กับวงดนตรีโพสต์พังก์ริไววัลในยุค 2000 ที่ The Yers ชอบทุกวง อย่างวง The Strokes, The Killers, The White Stripes ซึ่งมักขึ้นต้นด้วย The แล้วลงท้ายด้วย s

“การสื่อสาร” และ อัลบั้ม ‘Y’ ท่วงทำนองแรกที่หนักแน่นของ The Yers

ในปีพ.ศ. 2552 สมอลล์รูม 007 บูติค (Smallroom 007 Boutique) คือโปรเจกต์อัลบั้มรวมศิลปินอันดับที่ 7 ของค่ายสมอลล์รูม ซึ่งต้องการนำเสนอแนวเพลงที่แปลกใหม่ โปรดิวเซอร์ที่ดูแลโปรเจกต์นี้คือบู้ วง Slur (ซึ่งเป็นพี่ชายของอู๋) ได้ชักชวนให้ The Yers ลองส่งเดโมให้พี่รุ่ง (รุ่งโรจน์ อุปถัมภ์โพธิวัฒน์) ผู้บริหารสมอลล์รูมฟัง ปรากฏว่าเข้าหูพี่รุ่งจึงได้เซ็นสัญญากับค่ายสมอลล์รูม ออกซิงเกิลแรกของตัวเองที่ชื่อว่า “การสื่อสาร” และเริ่มต้นทำอัลบั้มแรกของวงในเวลาต่อมา

ช่วงที่ปล่อยอัลบั้มชุดแรกภายใต้สังกัดสมอลล์รูม ทางวงได้พบกับประสบการณ์แปลกใหม่อย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อนเช่นได้ไปทัวร์กับ ก๊อต จักรพันธ์, เปาวลี ได้เล่นปิดให้พระมหาสมปองที่โคราช ซึ่ง The Yers บอกว่าช่วงเวลานี้นับเป็น ‘ช่วงพีก’ ช่วงหนึ่งของการทำวงเลย ส่วนเพลง “การสื่อสาร” นั้นได้รับการนำไปเปิดในคลื่น 104.5 Fat Radio (ปัจจุบันคือ Cat Radio) ทำให้ทางวงเริ่มเป็นที่รู้จักของคนฟังอย่างมากจนเพลงได้ขึ้นอันดับสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในคลื่นนี้นานถึง 1 สัปดาห์

ต่อมาเนื่องจากโจ๊กกับเหน่งติดภารกิจส่วนตัวทำให้เล่นดนตรีต่อไม่ได้ อู๋จึงได้ชวนโบ๊ทเพื่อนร่วมวงสมัยเรียนมัธยมเข้ามาร่วมวงในตำแหน่งเบส กับบูมเพื่อนสมัยเรียนที่มหาวิทยาลัยศิลปากรเข้ามาร่วมวงในตำแหน่งกลอง เดินหน้าทำอัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกชื่อว่า ‘Y’ ออกวางจำหน่ายในวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 เพลงที่ได้รับความนิยมในอัลบั้มนี้ได้แก่ “ระหว่างขับรถ” และ “คืนที่ปวดร้าว”

อัลบั้ม Y

YOU’ สู่บ้านหลังใหม่

ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 เดอะเยอร์สได้ย้ายมาเซ็นสัญญากับค่ายจีนี่ เรคคอร์ดส จากการตัดสินใจร่วมกันในวงเพื่อหาคำตอบให้กับคำถามที่ว่า “ถ้าวงอยู่ในที่ที่เพลงสามารถไปไกลได้มากขึ้นจะมีแฟนเพลงเพิ่มมากขึ้นอีกเยอะมั้ย” จากนั้นจึงปล่อย 2 ซิงเกิลแรกจากอัลบั้มใหม่ชื่อว่า “คืนที่ฟ้าสว่าง” และ “เสพติดความเจ็บปวด” ได้รับความนิยมจากแฟนเพลงใหม่เป็นจำนวนมากและติดอันดับ 1 ในชาร์ตแคท 30 ทั้ง 2 เพลง นอกจากนี้ The Yers ยังได้มีโอกาสขึ้นคอนเสิร์ตบนเวทีใหญ่อย่างจีนี่เฟสต์ 16 ปีแห่งความร็อก (G16) เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ซึ่งเป็นประสบการณ์ครั้งสำคัญที่ทำให้วงได้เล่นดนตรีในสเกลที่ใหญ่แบบที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน

อัลบั้ม YOU

หลังจากปล่อยซิงเกิลที่ 2 ของอัลบั้มใหม่ได้ไม่นาน The Yers ก็ได้ทำเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง ‘ฉลุย แตะขอบฟ้า’ โดยนำเพลง “ก็มันเป็นอย่างนั้น” ของบิลลี่ โอแกน มาเรียบเรียงใหม่ในรูปแบบของตนเอง จากนั้นในกลางปีต่อมา The Yers ได้ประกาศชื่ออัลบั้มใหม่ในชื่อว่า ‘YOU’ ผ่านทางหน้าเฟซบุ๊กของวง พร้อมเล่าถึงที่มาและแรงบันดาลใจของการทำเพลง “เพียงหนึ่งครั้ง” ซึ่งเป็นซิงเกิลที่ 3 ในอัลบั้มนี้ก่อนที่จะปล่อยมิวสิกวิดีโอใน 2 วันต่อมา

และในช่วงปลายปี The Yers ได้จัดแสดงคอนเสิร์ตขนาดเล็กของตัวเองเป็นครั้งแรกที่ ร็อกอะเดมี่ (Rockademy) ในวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ใช้ชื่อคอนเสิร์ตว่า “ยู” ซีเครตเซสชันส์ (“YOU” Secret Sessions) ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตลับที่จำกัดผู้เข้าชมเพียง 200 คน โดยทางวงเล่นเพลงทุกเพลงของอัลบั้ม ‘YOU’ ก่อนวันวางจำหน่ายอัลบั้มเต็มและเล่าถึงที่มาของแต่ละเพลงในอัลบั้มนี้ รวมถึงเล่นเพลงที่ได้รับความนิยมจากอัลบั้ม ‘Y’ เกือบทุกเพลง ในเดือนถัดมา The Yers ได้ปล่อยซิงเกิลที่ 4 “แอบรอ” พร้อมประกาศวางจำหน่ายอัลบั้ม ‘Y’ อย่างเป็นทางการ

จง ‘CRY’ แล้วจะผ่อน ‘คลาย’

ในปี 2560 The Yers ได้ปล่อยข่าวดีเกี่ยวกับการทำอัลบั้มที่ 3 ว่าจะเป็น “อัลบั้มอะคูสติก” เป็นอัลบั้มพิเศษที่นำเพลงเก่ามาทำเป็นเวอร์ชันอะคูสติก พร้อมทั้งปล่อยซิงเกิลแรกที่ชื่อว่า “พายุหมุน” หลังจากนั้นทางวงได้ประกาศว่า ‘เต๋า’ ได้ตัดสินใจออกจากวงก่อนถ่ายมิวสิกวิดีโอเพลงพายุหมุนไม่กี่วัน ในช่วงเดือนกันยายนจึงเป็นเดือนสุดท้ายของการทัวร์ของเต๋า จากนั้นในปีถัดมา The Yers ได้ปล่อยซิงเกิลที่ 2 ที่ชื่อว่า “เกลียด” ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก ในปีเดียวกันทางวงได้ปล่อยเพลงในโปรเจกต์อัลบั้ม Play 2 Project คือเพลง “ดื่ม” ต้นฉบับจากวง Skalaxy มาเรียบเรียงใหม่ และต่อมาได้ปล่อยซิงเกิลชื่อว่า “เสียง”

ในที่สุดอัลบั้มพิเศษซึ่งเป็นอัลบั้มชุดที่ 3 ของวงก็ได้มาถึงนั่นคือ ‘CRY’ (คลาย) มีทั้งหมด 9 เพลง พร้อม Bonus Track อีก 2 เพลง และมีคอนเสิร์ตเปิดอัลบั้ม CRY ชื่อ CRY SECRET SESSION ที่ ABOUT STUDIO ลงทะเบียนเข้าชมได้ 600 คน โดยที่ทางวงเล่นสดทุกเพลงในอัลบั้มชุดนี้

สาเหตุที่อัลบั้มชุดนี้เป็นอะคูสติกนั้น อู๋เคยให้สัมภาษณ์ว่าเป็นเพราะ “ค่ายอยากให้มีผลงานปีนี้ครับ แต่เราไม่อยากมี”  เลยอยากเบรกแบบไม่ทำเพลงไปซักพักหนึ่ง แต่ปรากฏว่าเพื่อน ๆ ในวงเห็นไปในทิศทางเดียวกันกับค่าย อู๋ก็เลยหาจุดตรงกลางระหว่างอัลบั้มที่ผ่านมากับอัลบั้มใหม่จึงนึกถึงอัลบั้มอะคูสติกซึ่งเป็นทางออกของการมีผลงานต่อเนื่องที่ง่ายที่สุด โดยมีโจทย์ก่อนเริ่มทำอัลบั้มคือฟังแล้วต้องหลับ ต้องเป็นดนตรีที่ใช้ใจใช้สมาธิในการฟัง ฟังแล้วดิ่งลงไปในอัลบั้มจริง ๆ โดยมีอัลบั้ม ‘Flaws’ ของวง Bombay Bicycle Club เป็น reference ของอัลบั้มนี้

อัลบั้ม ‘CRY’

แต่ถึงอย่างนั้นความยากของการทำอัลบั้มนี้ก็คือการที่ต้องซีเรียสกับการอัดมากกว่าเดิม เพราะไม่ได้มีเสียงแตกที่มากลบรายละเอียดในการเล่น เวลาที่เป็นอะคูสติกแล้วจะสังเกตได้ง่ายเวลาที่เล่นผิด อีกความยากคือตอนแรกวงตั้งใจทำเพลงเก่าหมดเลยและทำเพลงใหม่แค่ 2 เพลง แต่ทำไปทำมากลับมีเพลงใหม่เยอะขึ้นเรื่อย ๆ จนต้องถอนเพลงเก่าที่เรียบเรียงไว้ออกเกือบหมด เลยกลายเป็นอัลบั้มพิเศษที่มีเพลงใหม่เยอะกว่า

ส่วนสาเหตุที่อัลบั้มนี้มีชื่อว่า ‘CRY’ นั้นเป็นเพราะว่าตอนทำอัลบั้มนี้อู๋ร้องไห้เยอะให้กับเรื่องต่าง ๆ ที่เข้ามาในช่วงเวลานั้น เลยคิดขึ้นมาได้ว่าอัลบั้มนี้ขับเคลื่อนด้วยความเสียใจของอู๋ล้วน ๆ เพลงทุกเพลงจึงมาจากโมเมนต์ที่แอบร้องไห้ที่บ้านคนเดียวตลอดโดยที่เพื่อนไม่รู้ แฟนไม่รู้ ใคร ๆ ก็ไม่รู้ อัลบั้มนี้เลยมีความส่วนตัวและเป็นเสมือนการบำบัดช่วยผ่อนคลายความเครียดในช่วงเวลานั้น ผนวกกับอยากให้ทุกอัลบั้มมีตัว Y อยู่ซึ่งไปสอดคล้องพอดีกับคำว่า ‘Cry’ อีกทั้งดนตรีในอัลบั้มนี้ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย คำว่า ‘CRY’ (คลาย) จึงเป็นชื่อที่ตอบโจทย์ที่สุด

ครบรอบ 10 ปี The Yers

ในปีพ.ศ. 2562 ทางวงได้ปล่อยเพลงจากโปรเจกต์ DARK ROOM TRILOGY ชื่อว่า “ห้องที่ไม่เคยสว่าง” เพลงได้ถูกนำไปสร้างเป็นหนังสั้นโรแมนติกทริลเลอร์เขย่าขวัญเรื่อง “REDECORATE” ที่กำกับโดย โอ๋ – ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ และในปีเดียวกันนี้ทางวงได้จัดคอนเสิร์ตใหญ่ครบรอบ 10 ปีของวง โดยใช้ชื่อว่า ‘ไทยประกันชีวิต Presents HALL OF FAN Sunday Evening Concert ตอน The Yers 10 Years’ ที่ GMM Live House @CentralWorld 8th Floor เป็นคอนเสิร์ตใหญ่เต็มรูปแบบที่จะเล่นทุกเพลงของวง โดยมีแขกรับเชิญคือวง Slur ซึ่งมีบู้ – ธนันต์ บุญญธนาภิวัฒน์ มือเบสของวงเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของอู๋ และได้มีการเซอร์ไพรส์ช่วง Encore ก็คือ “เต๋า – ธนา กุสุมภ์” ได้กลับขึ้นมาบนเวทีเซอร์ไพรส์แฟนเพลง และร่วมเล่น 2 เพลงสุดท้ายร่วมกัน

ล่าสุด Slur ได้โพสต์ถึงความประทับใจในช่วงเวลานั้น หลังจาก The Yers ได้ออกมาประกาศยุบวง โดยโพสต์ของ Slur มีใจความว่า

“อันที่จริงแล้วพวกเราคิดว่าไม่จำเป็นต้องเขียนอะไรซึ้ง ๆ ถึง The Yers คงเป็นเพราะความที่สนิทกันมาก เป็นเพื่อนกัน เป็นพี่น้องกัน วงไม่ได้ทะเลาะกัน สมาชิกทุกคนยังคงใช้ชีวิตกันต่อไปบนวงโคจรของนักดนตรีในประเทศไทย จะซึ้งแค่ไหนวันข้างหน้าเจอกันก็หัวเราะใส่กันเหมือนเดิม แต่พูดก็พูดเถอะ พวกเราเสียดายเหลือเกินที่ประเทศไทยจะไม่ได้ฟังเพลงใหม่ ๆ จากวงดนตรี วงนี้อีกแล้วหลังสิ้นปี 2023

ขอบคุณ The Yers ที่ชวน SLUR ไปเล่นด้วยกันในวันคอนเสิร์ตใหญ่ ดีใจที่มอบหมายหน้าที่นี้ให้พวกเราในวันที่สำคัญของพวกคุณ”

ครบรอบ 10 ปีอัลบั้ม ‘Y’

ในปี 2564 ‘Y’ อัลบั้มชุดแรกของวงได้เดินทางมาครบ 10 ปีหรือ 1 ทศวรรษ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่เดินทางมา The Yers ได้สร้างผลงานที่สร้างความประทับใจให้แฟน ๆ อย่างต่อเนื่องทำให้ 10 ปีนี้เป็น 10 ปีที่เข้มข้นและเป็นช่วงเวลาของการบ่มเพาะความเป็นศิลปินของพวกเขาที่แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่เข้มแข็ง

ในวันที่อัลบั้ม ‘Y’ ได้มีอายุครบ 10 ปีพวกเขาได้สร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับแฟน ๆ ด้วยการทำบางสิ่งกับอัลบั้มชุดนี้ที่ไม่ใช่แค่การ re-issue นำมาผลิตใหม่ หากแต่เป็นการ “re-recording” หรือบันทึกเสียงใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก ด้วยประสบการณ์และทักษะที่เพิ่มพูนตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาของ The Yers ทำให้การบันทึกเสียงครั้งนี้เป็นอะไรที่ประทับใจแฟน ๆ อย่างมาก โดยทางวงได้เปิด Pre-Order พร้อมกันทั่วประเทศทั้งในรูปแบบเทป ซีดี และไวนิลในวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2564

แผ่นเสียงอัลบั้ม Y เวอร์ชัน re-recording

PRAY’ ท่วงทำนองของความรักและศรัทธา  

ในช่วงเวลาใกล้เคียงกันกับการเปิด Pre-Order ครบรอบ 10 ปีอัลบั้ม ‘Y’ อู๋ได้ประกาศว่าอัลบั้มที่ 4 ของ The Yers ได้เสร็จเรียบร้อยตั้งแต่ปีพ.ศ. 2563 ซึ่งวงใช้เวลาในการบันทึกเสียงในช่วงวิกฤตโควิด-19 ซึ่งในปีนั้นวงไม่ได้ออกมาเคลื่อนไหวอะไรในโซเชียลมากนัก ไม่ได้ออกไปแสดงสดที่ไหนแม้แต่คอนเสิร์ตรูปแบบออนไลน์ (ยกเว้นงานคอนเสิร์ตออนไลน์ของค่าย) วงจึงใช้เวลาในการทำงานอัลบั้ม จนบันทึกเสียงเสร็จสิ้นตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2563

ในวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2564 วงได้ปล่อยเพลงที่มีชื่อว่า “ตำรับยา” ซึ่งเป็นซิงเกิลแรกจากอัลบั้มใหม่ แต่หลังจากนั้นวงได้พักการปล่อยเพลง เนื่องจากวิกฤตของโควิด-19 ที่กลับมาระบาดหนักอีกครั้ง และค่อย ๆ ทยอยปล่อยซิงเกิลอื่น ๆ ในเวลาต่อมาได้แก่ “ล้างแค้น” , “ถูกเวลา” , “พร้อมยอมตาย”  และ “ปริศนา”

และในวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2565 วงได้วางแผงอัลบั้มชุดที่ 4 โดยมีชื่อว่า ‘PRAY’ มีทั้งหมด 10 เพลง จำหน่ายในรูปแบบ ซีดี, ดิจิทัลดาวน์โหลด , เทป , แผ่นเสียง และในวันเดียวกัน วงได้มีคอนเสิร์ตเปิดอัลบั้มโดยใช้ชื่อว่า ‘The Yers “PRAY” Album Launch Concert’ ก่อนที่ต่อมาจะปล่อยซิงเกิลที่ 6  “แสดงความเสียใจ” ต่อด้วยซิงเกิลที่ 7  “มีเพียงคนที่รักกันเท่านั้น”

คำตอบอยู่ภายในใจ แค่นึกและภาวนา ศรัทธาจะพาเราไป ขอบคุณที่ทำให้ฉันค้นพบและช่วยฉันไว้

นี่คือท่อนร้องจากบทเพลง “แด่เบื้องบน” บทเพลงเปิดอัลบั้ม ‘PRAY’ ซึ่งเป็นบทเพลงสุดท้ายที่เพิ่มเข้ามาในตอนท้ายเพื่อขอบคุณสิ่งที่พวกเขาศรัทธาและช่วยให้คอนเซ็ปต์ของอัลบั้ม PRAY ชัดเจนยิ่งขึ้น

อัลบั้ม PRAY

‘PRAY’ ซึ่งมีความหมายตรงตัวว่า ‘ภาวนา’ คือผลงานที่วงยกให้เป็นผลงานระดับ ‘มาสเตอร์พีซ’ ที่สะท้อนตัวตนแท้จริงของวง อันเป็นผลพวงจากการหยุดพักเพื่อไตร่ตรองและตกผลึกความคิดออกมาเป็นผลงานชิ้นนี้ ที่ช่วยให้พวกเขาได้เติบโตและก้าวสู่จุดที่เข้าใจความเป็นไปมากขึ้น

อัลบั้มชุดนี้มีที่มาจากการภาวนาขอพรต่อพระเจ้าผู้ได้มอบมุมมองและความเข้าใจในชีวิตให้แก่อู๋หลังจากที่เขาได้เข้าสู่ศาสนาอิสลาม ผลพวงจากความศรัทธานำมาซึ่งบทเพลงทั้งหลายในอัลบั้มนี้ เนื้อเพลงส่วนใหญ่อิงกับความเชื่อเรื่องความตาย ความศรัทธา และความรัก ต่างไปจาก 3 อัลบั้มก่อนหน้าที่เน้นเล่าถึงแง่มุมความผิดหวังจากความรัก ความพิเศษของอัลบั้มนี้คือการที่สมาชิกทุกคนได้เข้ามามีส่วนในการคิด ผลิต สร้างมากกว่าที่เคย จากแต่เดิมที่อู๋เป็นผู้นำ ครั้งนี้ทุกคนได้กลั่นเอาตัวตนมาผนวกเข้าด้วยกันจนต้องนิยามว่านี่คืออัลบั้มที่ดีที่สุดตั้งแต่เคยทำกันมา

สู่จุดหมายสุดท้ายของ The Yers

ในวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 วงได้ออกประกาศยุบวงด้วยเหตุผลส่วนตัวของสมาชิกทั้ง 4 คน โดยยังคงรับงานแสดงคอนเสิร์ตต่อไปถึงวันที่ 31 ธันวาคม และจะมีอีพีอัลบั้มชุดสุดท้าย โดยมีชื่อว่า ‘PYNT’ ซึ่งเป็นอีพีอัลบั้มที่บันทึกเสียงพร้อมกับอัลบั้ม PRAY ที่ผ่านมา และยังไม่ได้วางจำหน่าย โดยมีกำหนดวางจำหน่ายในช่วงกลางปี พ.ศ. 2566 การประกาศยุบวงครั้งนี้ถือได้ว่าสร้างความสะเทือนต่อแฟน ๆ และวงการดนตรีไทยอย่างมาก แฟนเพลง ศิลปินในหลากสาขา และคนดนตรีทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง ต่างโพสต์แสดงความรู้สึกต่อการประกาศยุบวงในครั้งนี้

คำกล่าวของพี่นิค วิเชียร ฤกษ์ไพศาล อดีตผู้บริหารค่ายเพลงจีนี่ เรคคอร์ดส คงเป็นตัวแทนของความรู้สึกและความเชื่อมั่นที่ทุก ๆ คนมีต่อ The Yers ได้เป็นอย่างดี

“The Yers เป็นวงที่รักใคร่กลมเกลียวกันดี มีอุดมการณ์ทางดนตรีในทิศทางเดียวกัน ไม่เคยมีความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ใด ๆ นับเป็นศิลปินตัวจริงที่เกิดมาเพื่อสร้างสรรค์งานศิลปะโดยแท้ การยุบวงครั้งนี้จึงน่าจะเป็นเรื่องการแยกย้ายไปทำงานที่ตัวเองถนัดในอีกด้าน  จะชั่วคราว ยาวนาน แค่ไหนผมไม่อาจคาดเดา แต่ผมมั่นใจว่าพวกเค้ายังคงวนเวียนอยู่ในแวดวงคนดนตรีไม่มีทางไหนไกลอย่างแน่นอน ผมจึงไม่ขอกล่าวคำอำลาใด ๆ เพราะเชื่อว่าวันนึงข้างหน้า The Yers  ก็คงมีการรวมตัวกันอีกแน่นอน ถ้าโชคดี เราอาจได้ฟังเพลงใหม่ที่พวกเค้าต่างคนต่างทำกันมาก็ได้”

ที่มา

ป๋าเต็ดทอล์ก

Thairath

Dailynews

The Momentum

Unlockmen

Fungjaizine

The Yers

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส