• นี่คือหนังม้ามืดที่ได้เสียงฮือฮาจากเทศกาลซันแดนซ์
  • นี่คือหนังที่ได้คะแนนโหวตในเว็บ rottentomatoes สูงถึง 99% นักวิจารณ์ให้มะเขือเทศสด 223 คน ให้มะเขือเทศเน่าเพียงคนเดียว
  • นี่คือหนังที่ขึ้นอันดับ 1 ได้ในสัปดาห์แรกที่เข้าฉาย เตะแชมป์เก่าอย่าง The Lego Batman Movie ลงไปอันดับที่ 2
  • นี่คือหนังที่ใช้ทุนสร้างเพียง 4.5 ล้านเหรียญ ใช้ดารานำหน้าใหม่ทั้งสิ้น ใช้เวลาถ่ายทำเพียง 28 วัน แต่ทำเงินไปแล้วถึง 155 ล้านเหรียญ
  • นี่คือหนังที่เป็นผลงานกำกับเรื่องแรกของ จอร์แดน พีล ดาราตลกที่เปลี่ยนแนวมาเขียนบทและกำกับหนังสยองขวัญได้ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยมีจุดเริ่มต้นเพียงแค่มุกตลกสั้น ๆ จากเอ็ดดี้ เมอร์ฟีย์ จากเวทีเดี่ยวไมโครโฟน ที่เขาเล่าเรื่องตอนไปเยี่ยมพ่อแม่แฟนผิวขาว

หนังมีพลอตง่าย ๆ เรื่องของคริส และโรส คู่รักต่างสีผิวที่กำลังรักกันดูดดื่ม แล้วโรสก็ต้องการพาคริสไปรู้จักกับพ่อแม่ในวันสุดสัปดาห์ คริสรู้สึกประหม่าเพราะโรสไม่ได้บอกว่าเขาเป็นคนผิวดำ แต่สุดท้ายคริสก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากพ่อแม่ และเจเรมี น้องชาย แต่คริสเริ่มรู้สึกแปลก ๆ กับจอร์จีนา และวอลเตอร์ คนรับใช้ที่มองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ และมีพฤติกรรมที่ดูน่าสงสัย ยิ่งพอเข้าวันที่ 2 ที่เป็นเทศกาลรวมญาติพี่น้องเพื่อนฝูงของครอบครัวอาร์มิเทจ คริสก็ได้พบกับ แอนดรูว์ คนผิวดำคนแรกในหมู่บ้านนี้ แต่แล้วเขาก็ได้พบกับปฎิกิริยาชวนช็อค จนคริสรู้สึกว่าเขาอยู่ที่บ้านหลังนี้ต่อไม่ได้แล้ว แต่คริสจะได้ออกไปไหม?

เป็นหนัง 100 นาทีที่เรื่องราวเดินหน้าได้เร็ว ครึ่งแรกหยอดพฤติกรรมชวนสงสัยจากผู้คนรอบข้างมาตลอดทั้งพ่อแม่ คนรับใช้ กดดันให้คนดูยิ่งอยากรู้ว่าจุดประสงค์ของครอบครัวนี้คืออะไร มีใครรู้เห็นเป็นใจกันบ้าง แล้วโรสแฟนของเขาล่ะยังรักยังเป็นพวกเขาไหม ยิ่งนานขึ้นก็ยิ่งเพิ่มตัวละครมาทวีความน่าสงสัยใคร่รู้ให้มากขึ้น จนไปเผยในครึ่งหลังแบบค่อย ๆ ปล่อยเซอร์ไพรส์ออกมา 2-3 ขั้น เป็นหนังที่ดูไปเดาไปได้อย่างสนุกสนาน ในฐานะคนที่ชอบดูหนังสยองขวัญก็ต้องยอมรับว่าเดาผิดไปเยอะครับ ก็ชื่นชมที่ว่าผลงานสยองขวัญเรื่องแรกของ จอร์แดน พีล นั้นเขียนออกมาได้อย่างมีชั้นเชิงไม่ตื้นขนาดเดาทางไปได้ทั้งหมด แม้จะมีช่องโหว่อยู่บ้างแต่ก็อยู่ในมาตรฐานฮอลลีวู้ดที่ไม่น่าเกลียดเกินไปนัก งานตามสูตรหนังสยองขวัญมาครบ ทั้งความโหด เลือด ฉากเงียบให้ลุ้น และตุ้งแช่ที่มีแบบพอควร แต่ผู้กำกับก็รู้ว่าหนังออกจะเครียดเกินไปก็เลยให้บท รอด วิลเลียมส์ เพื่อนตุ้ยนุ้ยผู้น่ารักของคริส ทำหน้าที่เป็นตัวยิงมุกให้หนังทุกครั้งที่โผล่หน้ามา อลิสัน วิลเลียมส์ ที่มารับบทโรส นางเอกของเรื่องก็สวยดี และเรื่องนี้ก็เป็นหนังโรงเรื่องแรกของเธอเลย นอกนั้นเป็นดาราหน้าใหม่เกือบหมด มีรู้จักอยู่คนเดียวคือ แคทเธอรีน คีเนอร์ ในบทมิสซี่ แม่ของโรส

ที่ชอบมากคือการปูบรรยากาศไม่น่าไว้ใจ ค่อย ๆ กดดันคริส ส่งให้คนดูรู้สึกอึดอัดตามไปได้ หลาย ๆ องค์ประกอบล้วนทำหน้าที่ได้ดีทั้งเพลงประกอบแบบหลอน ๆ ภาพครึ้มทะมึน และการแคสติ้งตัวแสดงที่เลือกแต่ละคนมาได้ดูโรคจิตดี โดยเฉพาะเบ็ตตี้ กราเบียล ผู้รับบทจอร์จีนา คนรับใช้ รายนี้โผล่มาทีไรหลอนทุกที เธอเล่นได้ดีมากและผู้กำกับก็รู้ว่าเธอเข้าถึงบทได้ดี ถึงกับยกซีนหนึ่งให้เธอไปเลย ด้วยการโคลสอัพหน้าจอร์จีน่าที่แสดงออกถึงความรู้สึกสับสนที่ตีกันทั้งหัวเราะร้องไห้ แต่โดยรวมแล้วชวนหลอนมาก ทั้งหมดล้วนทำให้เราเข้าถึงความรู้สึกที่คริสตกอยู่ในแวดล้อมของกลุ่มคนน่าสงสัยที่ค่อย ๆ บีบคั้นจนต้องระเบิดออก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เขียนให้คริสเป็นพระเอกที่เก่งเวอร์แบบซูเปอร์แมน หนังจบแบบเผยทุกปริศนาได้หมดจด การวางพื้นฐานอาชีพของตัวพ่อตัวแม่ และบรรดาเพื่อนบ้านล้วนมาลงตัวกับบทเฉลย และปิดจบแบบไม่ต้องเหลืออะไรไว้ให้ต่อภาค 2

จอร์แดน พีล ผู้กำกับและเขียนบท

เนื่องด้วยเป็นหนังฟอร์มเล็ก ไร้ดาราขายชื่อ ไร้สเปเชี่ยลเอฟเฟ็คต์ นอกจากชื่อเสียงของตัวหนังเองที่สั่งสมมาจากฝั่งอเมริกา หนังน่าจะเข้าฉายบางโรงและออกภายในหนึ่งสัปดาห์ ถ้าใครเป็นคอหนังสยองขวัญแล้วพลาดไปเสียดายแทน เพราะมันเป็นหนังที่ตอบสนองคอหนังสยองขวัญได้อย่างอิ่มเอม โดยเฉพาะถ้าดูในโรง ถ้าปีที่แล้ว Don’t Breathe เป็นหนังสยองขวัญสร้างเซอร์ไพรส์ ปีนี้ก็เป็นปีของ Get Out ล่ะครับ หนังเข้าฉายวันที่ 6 เมษายน นะครับ

Play video