Scary Stories To Tell In The Dark หนังสยองขวัญเรื่องใหม่ ที่เพิ่งลงโรงฉายในบ้านเรา ผลงานจากผู้อำนวยการสร้างกีเยร์โม เดล โตโร ดัดแปลงจากนิยายรวมเรื่องสั้นชื่อเดียวกันที่ชาวอเมริกันรู้จักกันเป็นอย่างดี ในหนังดึงเรื่องสั้นหลายเรื่องจากหนังสือมาเรียงร้อยกันเป็นหนังเรื่องยาว และแต่ละเรื่องก็จะมีปีศาจรูปร่างหน้าตาประหลาดจากไอเดียของอัลวิน ชวาร์ต ผู้ประพันธ์ และสตีเฟน แกมเมล ผู้เขียนภาพประกอบ Scary Stories To Tell In The Dark จึงเป็นหนังสยองขวัญที่เต็มไปด้วยปีศาจน่ากลัวมากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือ The Jangly Man ปีศาจตัวหลุด ผีที่น่ากลัวที่สุดแล้วในเรื่องนี้ จุดเด่นของ The Jangly Man คือเป็นปีศาจที่ประกอบมาจากชิ้นส่วนมนุษย์ แขน ขา หัว ตัว แล้ววิ่งมาต่อกันในลักษณะผิดที่ผิดทาง ทำให้ The Jangly Man วิ่งไปมาด้วยการหงายหลังแล้วคลาน 4 ขา แบบหมา

the jangly man ใน scary stories to tell in the dark

ถ้าใครที่จินตนการตามที่บรรยายมา หรือใครที่ได้ดูหนังแล้วจะต้องคิดว่า ตัว The Jangly Man นี้ต้องใช้เทคนิควิชวลเอฟเฟกต์ในการสร้างภาพมาแน่ แต่ที่จริงแล้วมีวิชวลเอฟเฟกต์แค่บางช็อตเท่านั้น การปรากฏตัวบนจอส่วนใหญ่เป็นการแสดงจริงด้วยความสามารถสุดพิเศษของ ทรอย เจมส์ นักกายกรรมดัดตนวัย 30 ปี ทรอยสามารถทำให้ The Jangly Man เป็นปีศาจที่น่ากลัวที่สุดแล้วในเรื่องนี้ ด้วยการปรากฏตัวและเคลื่อนไหวไปมาได้อย่างน่าสยดสยอง ทรอย เจมส์ เขาเป็นใครมาจากไหน ทำไมถึงทำอะไรแบบนี้ได้ เรามาทำความรู้จักเขาเพิ่มเติมกันครับ

เขาเกิดมาพร้อมกับร่างกายที่บิดงอได้อย่างน่ามหัศจรรย์


“ผมเกิดมาพร้อมกับความสามารถแบบนี้เลย ไม่เคยฝึก ไม่เคยต้องเรียนรู้อะไรเลย” ทรอย เล่าที่มาของความสามารถพิเศษ “ตอนเด็ก ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ที่ผมทำแบบนี้ได้ เป็นความสามารถพิเศษ ผมนึกว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ใคร ๆ ก็ทำกันได้” มีผู้คนบนโลกโซเชียลลงความเห็นว่า ที่ทรอยทำร่างกายบิดงอแบบนี้ได้ เพราะว่าเขาเป็นโรค Ehlers-Danlos syndrome แต่ทรอย ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเขาเจ็บป่วยเดือดร้อนอะไรจากโรคนี้

เขาโดนล้อเลียนตอนเป็นเด็กนักเรียน


ตอนที่เรียนชั้นประถมศึกษา ทรอยโดนแก๊งเด็กเกเรที่โรงเรียน ล้อเลียนเขาเรื่องร่างกายที่บิดงอได้ “รู้สึกอับอายมาก แล้วก็ไม่เผยความสามารถนี้ให้ใครเห็นอีกเลย จนกระทั่งขึ้นชั้นมัธยม ตอนนั้นทัศนคติคนรอบข้างกลับเปลี่ยนไป เพื่อน ๆ มองความสามารถนี้เป็นเรื่องเท่ เจ๋ง แล้วเพื่อน ๆ ก็ชอบให้ผมแสดงให้ดู”

เริ่มโชว์ความสามารถออกทีวีในรายการ SHOWTIME AT THE APOLLO

ครั้งแรกที่เขาเริ่มแสดงความสามารถพิเศษ และชื่อเสียงของเขาเริ่มเป็นที่รู้จัก ทรอย เจมส์ ได้ไปโชว์ในรายการชื่อดัง SHOWTIME AT THE APOLLO มีพิธีกรชื่อดัง สตีฟ ฮาร์วีย์ ดำเนินรายการ ในเดือนมีนาคม 2016 สตีฟ แค่แนะนำผู้ชมว่าให้พบกับ ทรอย เจมส์ แต่ไมได้เตือนคนดูว่าทรอยจะมาแสดงความสามารถอะไร และทรอยก็ไม่ได้พูดแนะนำตัวกับผู้ชม แต่ก็มาบิดร่างให้ดูกันจะ ๆ ไปเลย สร้างความแตกตื่นต่อผู้ชมในห้องส่งเป็นอย่างมาก สตีฟ ถึงกับเอ่ยปากสอบถามกับผู้ชมว่า “นี่เขาเป็นตัวอะไรเนี่ย” โชว์เพียงแค่นาทีกว่า ๆ แต่ได้เสียงชื่นชมจากคนดูเป็นอย่างมาก

Play video

สร้างเสียงลือลั่นในรายการ America’s Got Talent 2018

วันที่โลกรู้จักชื่อของ ทรอย เจมส์ จริง ๆ ก็ในวันที่เขาไปโชว์ความสามารถในรายการระดับโลกอย่าง America’s Got Talent ซีซันที่ 13 ในรอบนี้เขามีประสบการณ์ในการโชว์ผ่านรายการทีวีมาแล้ว ทรอย เลยมีลูกเล่นมากขึ้น และเป็นอีกครั้งที่เขาไม่บอกกรรมการและคนดูว่าเขามาโชว์อะไร และนั่นก็เป็นทริคที่ทำให้ทุกคนในห้องส่งต้องอาปากค้างเพราะไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทรอย เพิ่มความน่าทึ่งมากขึ้น เมื่อเขาเดิน 4 ขาลงบันไดจากเวทีไปหาคนดูและกรรมการ โชว์กระโดดขึ้นเก้าอี้นั่ง แม้ผู้คนบางรายจะปิดตา แต่ก็จบด้วยการที่คนทั้งห้องส่งลุกขึ้นยืนปรบมือ

Play video

เขาคือนักแสดงฮอลลีวู้ด

the void (2016) ผลงานแสดงเรื่องแรกของเขา

แม้ว่าโลกจะรู้จักเขาจากรายการ America’s Got Talent แต่ทีมงานสร้างภาพยนตร์ในฮอลลีวู้ดรู้จักทรอย เจมส์ มาก่อนหน้านั้นนานแล้ว ทรอย เจมส์ มีผลงานแสดงภาพยนตร์มาหลายเรื่องมาก และแน่นอนว่าเขาจะต้องได้รับบทที่ไม่ได้โชว์หน้าตา และได้รับบทพวกสัตว์ประหลาดหรืออสุรกายที่เคลื่อนไหวผิดมนุษย์มนา คอหนังฮอลลีวู้ดก็ได้ผ่านตาผลงานของเขากันไปแล้วหลายเรื่อง เพียงแต่ไม่รู้ว่านั่นคือทรอย เจมส์ ผลงานแสดงเรื่องแรกของเขาคือหนังสยองขวัญ The Void (2016) เล่นเป็น Sleepwalker ร่วมแสดงในทีวีซีรีส์ชื่อดังหลายเรื่อง The Strain , Shadowhunters: The Mortal Instruments , The Flash และล่าสุดเราก็เพิ่งผ่านตาเขาไปใน The Hellboy ทรอย รับบทเป็น Baba Yaga

Baba Yaga ใน The Hell Boy (2019)

และเร็ว ๆ นี้ทรอย จะได้มีส่วนร่วมในโพรเจกต์ใหญ่คือ It Chapter Two ในบทที่ยังไม่เปิดเผย ไว้ไปลุ้นกันว่าทรอยจะรับทเป็นตัวอะไร ซึ่งไม่น่าจะเดายาก ถ้ามีตัวประหลาดที่หงายท้องเดินได้ ก็ต้องเป็นเขาคนนี้ล่ะ ทรอย เจมส์ หลังจากนั้นเขายังมีผลงานที่อยู่ในขั้นตอนหลังการถ่ายทำอีก 2 เรื่อง ความสามารถของเขาเป็นความพิเศษเฉพาะบุคคล และที่สำคัญมันลดต้นทุนการใช้วิชวลเอฟเฟกต์ได้อย่างมาก ทำให้เขาเป็นที่ต้องการของฮอลลีวู้ดมากขึ้น ถึงตรงนี้บรรดาพวกเกเรที่เคยล้อเขาตอนเด็ก ๆ คงพูดไม่ออกแล้วล่ะ