สำหรับแฟน ๆ ของป๋าโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ หลายคนน่าจะเคยได้รับรู้เรื่องที่เขาขอบคุณเบอร์เกอร์คิง ที่ทำให้เขาเกิดสำนึกในการเลิกยาได้เด็ดขาด หลังจากเขมือบเบอร์เกอร์ไปคำโต แล้วใคร่ครวญกับชีวิต แต่ความจริงแล้ว ยังมีบุคคลสำคัญที่เป็นแรงผลักดันสำคัญให้โรเบิร์ต ดาวนีย์ มีแรงฮึดสู้กับชีวิต ก้าวจากนักแสดงเกเร ติดยา เข้าออกคุกกับสถานบำบัด จนไม่มีใครอยากร่วมงานด้วย กลายเป็นนักแสดงค่าตัวสูงสุดของฮอลลีวูดได้ในวันนี้ และเธอผู้นั้นก็คือ ซูซาน เลวิน ที่ปัจจุบันเป็น ซูซาน ดาวนีย์ ภรรยาที่เพียบพร้อมและคุณแม่ของลูกทั้งสองที่น่ารัก เธอคือผู้ยื่นคำขาดกับโรเบิร์ต ในวันที่เขาคบกับเธอแล้วยังกลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาอีก ทำให้โรเบิร์ตเลิกที่จะยุ่งเกี่ยวกับยาเด็ดขาด แล้วรักษาเธอไว้ในชีวิตเขาต่อไป และนั่นคือก้าวสำคัญที่ทำให้เขากลายเป็นคนใหม่ ซึ่งโรเบิร์ตยังสำนึกและให้เกียรติภรรยาที่พาเขามาถึงจุดแห่งความสำเร็จนี้อยู่เสมอ ด้วยวีรกรรมของซูซาน เลวิน นี้ล่ะ ทำให้บรรดาสื่อบันเทิงต่างยกย่องให้เธอเป็น “สิ่งมหัศจรรย์ที่ช่วยชีวิต โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์” the miracle that saved robert downey jr

ครอบครัวดาวนีย์สุขสันต์

ครอบครัวดาวนีย์สุขสันต์

โรเบิร์ตได้รู้จักกับซูซานในช่วงตกต่ำสุดในชีวิต เขาตกเป็นข่าวบ่อย ๆ ว่าถูกจับเข้าคุกบ้าง ถูกจับส่งเข้าสถานบำบัดบ้าง ทำให้เขาแทบไม่มีงานแสดงเลย แต่ก็ยังพอมีโชคอยู่บ้าง ที่ได้มีบทในหนัง Gothika (2003) เป็นหนังสยองขวัญทุนต่ำที่ขายชื่อ ฮัลลี เบอร์รี ในบทนำ โดยมีเงื่อนไขว่า สตูดิโอจะจ่ายค่าแรงบางส่วนให้ก่อน ที่เหลือเกือบทั้งหมดจะจ่ายให้เขาเมื่อหนังปิดกล้อง ซึ่งโรเบิร์ตก็ยินดีกับเงื่อนไขแบบนี้ในวันที่เขาแทบไม่มีงานแสดงแล้ว ก็นับว่าเป็นการตัดสินใจไม่พลาด เพราะการรับงานแสดง Gothika นั้น ถึงแม้จะเป็นหนังเล็ก ๆ เรื่องหนึ่ง แต่นี่คือหนังที่โรเบิร์ตจะต้องจดจำไปชั่วชีวิต เหตุเพราะผู้อำนวยการสร้างของหนังก็คือ ซูซาน เลวิน ทำให้ทั้งคู่ได้พบกันเป็นครั้งแรก

โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ และ ฮัลลี เบอร์รี ใน Gothika

โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ และ ฮัลลี เบอร์รี ใน Gothika

ซูซาน เล่าย้อนอดีตว่าแรกเริ่มเลยที่เธอเจอขานั้น เธอไม่ได้รู้สึกปิ๊งปั๊งกับหนุ่มผู้นี้เลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเธอกับรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ “แปลก” เสียด้วยซ้ำ
“ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาแม้สักนิด แต่สิ่งสำคัญเลยที่ฉันจำได้ดี ว่าตอนที่ได้เห็นเขาครั้งแรกนั้นคือ ผู้ชายคนนี้มันแปลก ๆ ว่ะ แต่ในฐานะนักแสดงคนนึง ฉันก็ชื่นชมว่าเขาเป็นนักแสดงที่มีความสามารถนะ แต่ก็ยังไม่ได้รู้สึกอะไรไปมากกว่านั้น ฉันมองเห็นเขาในภาพของผู้เชี่ยวชาญ หรือไม่ก็พี่ชายคนนึง”

ซูซานได้ขยายความเพิ่มเติมคำว่า “แปลก” ที่เธอรู้สึกต่อโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ว่ามาจากมื้อเย็นวันหนึ่งที่นักแสดงและทีมงานทานอาหารเย็นร่วมกันที่ร้านอาหาร
“ทุกคนสั่งอาหารญี่ปุ่น แต่โรเบิร์ตสั่ง ข้าวโอ๊ต มาทานอยู่คนเดียว แถมยังอวดอ้างสรรพคุณให้ทุกคนฟังว่ามันคือ “Superfood” แล้วทุกวันเขาก็ยังมีกล่องข้าวอาหารกลางวันที่เขาเตรียมมาเองด้วย ในกล่องนั้นก็จะมาข้าวโอ๊ต สมุนไพรแล้วอะไรอีกไม่รู้เต็มไปหมด”

เริ่มควงคู่กันออกงานในรอบปฐมทัศน์หนัง Gothika (2003)

เริ่มควงคู่กันออกงานในรอบปฐมทัศน์หนัง Gothika (2003)

ซูซานเล่าต่อถึงวินาทีที่เธอเริ่มเปลี่ยนมุมมองต่อเขา ซึ่งเกิดอีกประมาณ 2-3 สัปดาห์หลังจากนั้น
“มันมีอยู่วันหนึ่ง หลังเลิกกองแล้ว ฉันกำลังวิ่งออกกำลังอยู่บนสายพาน โรเบิร์ตก็เดินเข้ามาหาฉัน “เลวิน คุณสนใจจะออกไปดินเนอร์กับผมมั้ย” ฉันก็ตอบไปทันทีเลยว่า ฉันเตรียมอาหารกล่องมาทานแล้ว แต่ก็ไม่ได้ล้มเลิกนะ แค่เราเปลี่ยนจากออกไปทานข้างนอก ก็นัดมานั่งทานด้วยกันที่ล็อบบี้ ระหว่างที่นั่งรออยู่ ฉันก็มองไปขณะที่เขาเดินลงบันไดมาหาฉัน จังหวะนั้นล่ะที่มีความรู้สึกแวบเข้ามาในหัว “เออ หมอนี่ก็น่ารักดีเหมือนกัน”

แล้วนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทั้งคู่ต่างมีความสนใจต่อกัน ขณะเดียวกันทั้งคู่ต่างก็รู้ว่าพวกเขามีหลายสิ่งหลายอย่างที่แตกต่างกันมาก อย่างเช่น ซูซานนั้นเรียนจบด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจาก มหาวิทยาลัย เซาท์เทิร์น แคลิฟอร์เนีย ส่วนโรเบิร์ต นั้นเรียนไม่จบระดับมัธยมเสียด้วยซ้ำ ด้วยปัญหาจากเรื่องยา ที่ต้องเข้าออกสถานบำบัดยาวนานนับปี แต่ก็เพราะซูซานนั่นเอง ที่เชื่อในความรู้สึกตัวเองว่าเธอมองคนไม่ผิด และเธอเห็นข้อดีในตัวเขา เธอเชื่อมั่นว่าสิ่งเหล่านี้จะเอาชนะข้อแตกต่างระหว่างทั้งคู่ได้
“ฉันเชื่อว่าถ้าฉันเลือกที่จะวิ่งเข้าหาสิ่งที่ฉันกังวล มันจะต้องได้อะไรกลับมา”

ซูซานตัดสินใจว่าเธอจะให้โอกาสกับความรักครั้งนี้ แทนที่จะมาคอยกังวลกับข้อแตกต่างระหว่างทั้งคู่ เธอเลือกที่จะลงมือจัดการกับข้อแตกต่างเหล่านั้น
“มันมีลางสังหรณ์เล็ก ๆ อยู่เรื่องหนึ่ง ที่ฉันคาดว่าภายในสามเดือนที่คบกับโรเบิร์ตนี่ล่ะ ฉันอาจจะต้องเผชิญกับมัน แล้วมันก็โผล่มาจริง ๆ”
ซูซานมีลางสังหรณ์ว่ามันอาจจะมีบางสิ่งบางอย่างที่โผล่มาทำลายความสัมพันธ์ของเธอและโรเบิร์ต แล้วเธอไม่ต้องการอยู่ค้างคากับมันแบบนี้ตลอดไป หลังจากปิดกล้องได้ไม่นาน โรเบิร์ตก็เริ่มกลับไปสู่วังวนเดิม ๆ ซูซานยืนกรานทันทีว่าเธอไม่ต้องการอยู่กับนิสัยแบบนี้ของเขา

“มันเหมือนกับว่าชั่วขณะหนึ่ง ฉันได้เผชิญกับ ดาร์ธ เวเดอร์ ผู้นำแห่งด้านมืด ที่โผล่มาทันทีหลังจากหนังปิดกล้อง”

ซูซานเล่าวินาทีที่เธอประกาศคำขาดกับโรเบิร์ต

“พอฉันรู้ ฉันก็บอกกับเขาทันทีเลยว่า ถ้าเป็นแบบนี้เรื่องของเรามันไม่เวิร์กแน่นอน ฉันขอบอกให้ชัดเจนตรงนี้เลยนะ ถ้ายังอยากจะอยู่กับฉัน จะต้องไม่มีเรื่องยาอีก”

จากนั้นก็เป็นเรื่องของโรเบิร์ตที่จะต้องต่อสู้กับสำนึกตัวเอง เขาอยากจะกลับไปสู่วังวนชีวิตขี้ยาที่เข้าออกคุกกับสถานบำบัดสลับกันไป หรือจะรักษาซูซาน ผู้หญิงดี ๆ คนหนึ่งที่เข้ามาในชีวิตเขาไว้ ในปี 2003 โรเบิร์ตก็ให้ปฏิญาณกับซูซานว่า เขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีกต่อไป แล้วเขาก็พิสูจน์ให้ซูซานเห็นว่าเขารักเธอจริง ซึ่งเขาก็ทำได้จริง ๆ

ภาพในช่วงแรก ๆ ที่คบกัน

ภาพในช่วงแรก ๆ ที่คบกัน

ซูซานเล่าถึงการตัดสินใจของสามีเธอว่า
“ฉันคิดว่าเขารู้ถึงคุณค่าในสิ่งที่เรามีต่อกันนะ มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่เราไม่อาจสัมผัสได้”
แต่สิ่งมหัศจรรย์ที่ซูซานเอ่ยถึงนั้น สื่อบันเทิงต่างมองต่างว่า สิ่งมหัศจรรย์นั้นไม่ใช่เรื่องลึกลับเหลือเชื่อ แต่สิ่งมหัศจรรย์นั้นก็คือตัว “ซูซาน” นั่นล่ะ ที่ทำให้ชีวิตผู้ชายคนหนึ่งพลิกชีวิตจากตกต่ำสุดสู่จุดสูงสุดได้ ถึงได้ตั้งฉายาให้เธอว่า

“สิ่งมหัศจรรย์ที่ช่วยชีวิตโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์”

แม้แต่ตัวโรเบิร์ตเองก็เห็นด้วยกับฉายานี้ที่สื่อมอบให้ภรรยาเขา
“ผมว่าคำเดียวที่จะอธิบายปาฏิหารย์นี้ได้ก็คือ ผมเปลี่ยนตัวเองให้เหมือนกับเธอมากขึ้น”
นี่ก็น่ารักอีกแล้ว เรื่องดี ๆ โรเบิร์ตมักจะให้เครดิตกับภรรยาเสมอ

ครอบครัวดาวนีย์

ครอบครัวดาวนีย์

โรเบิร์ต ดาวนีย์ กล่าวทิ้งทายสวย ๆ ไว้ระหว่างให้สัมภาษณ์สื่อว่า
“อย่างที่คำโบราณกล่าวไว้นะครับ เบื้องหลังความสำเร็จของผู้ชายคนหนึ่ง มักจะมีผู้หญิงที่อัศจรรย์อยู่เสมอ ความสำเร็จของผมนั้นถ้าไม่ทั้งหมด ก็เกือบทั้งหมดล่ะเป็นผลมาจากซูซาน เราทั้งคู่เปรียบได้กับทีมที่เยี่ยมยอด”

ยินดีกับเส้นทางรักของทั้งคู่ที่ราบรื่นหลังจากนั้น ความรักที่บริสุทธิ์จริงใจจากซูซาน สามารถสร้างแรงใจให้โรเบิร์ตหลุดออกจากวังวนยาเสพติดได้เด็ดขาด ถ้าไม่มีซูซานเข้ามาในชีวิตเขา วันนี้เขาก็อาจจะยังเป็นขี้ยาที่เคยเป็นนักแสดงฮอลลีวูด หรืออาจจะตายไปแล้วก็ได้ ซูซานรอดูพฤติกรรมของโรเบิร์ตไปอีก 2 ปี ว่าเขาไม่กลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาอีก จนกระทั่งปี 2005 เธอจึงยอมเข้าพิธีวิวาห์กับเขา หลังจากหมั้นหมายกันมาแล้วสองปี
ปี 2012 ทั้งคู่มีลูกชายคนแรกด้วยกัน ตั้งชื่อว่า เอ็กซ์ตัน เอเลียส ดาวนีย์ แล้ว แอฟริ โรเอล ดาวนีย์ ลูกสาวคนเล็กก็ตามมาในปี 2014

วันสบาย ๆ ของครอบครัวดาวนีย์

วันสบาย ๆ ของครอบครัวดาวนีย์

วันนี้ถ้าสตูดิโอจะจ้าง โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ให้แสดงหนังเรื่องไหน จะต้องจ่ายค่าตัวก่อนเลย 20 ล้านเหรียญ และส่วนแบ่งจากกำไรของหนังตั้งแต่หนึ่งดอลลาร์แรกอีกด้วย แม้ค่าตัวจะแพงหูฉี่ขนาดนี้ แล้วต่อให้เขาบอกลาบท Iron Man ไปแล้ว โรเบิร์ตก็ยังมีโพรเจกต์ที่รอฉายอีกถึง 4 เรื่อง 2 เรื่องอยู่ในขั้นตอนหลังการถ่ายทำ อีก 2 เรื่องอยู่ในขั้นตอนเตรียมการถ่ายทำ ด้วยรายรับมหาศาลขนาดนี้ ทำให้ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ มีทรัพย์สินส่วนตัวมากถึง 300 ล้านเหรียญ 9,345 ล้านบาท แน่นอนว่าซูซานมีสิทธิ์ชอบธรรมทุกประการในทรัพย์สินของโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ไม่ใช่ในฐานะภรรยา แต่ในฐานะคู่ชีวิตที่แท้จริง เธอไม่ได้เข้ามาในขณะที่เขาเป็น โทนี่ สตาร์ก หรือ เชอร์ล็อก โฮล์มส์ แต่เธอเข้ามาในฐานะหญิงที่เห็นคุณค่าในตัวเขา และยื่นมือไปฉุดเขามาจากนักแสดงขี้ยาคนหนึ่งให้กลับมายืนในแถวหน้าของฮอลลีวูดได้อย่างสง่าผ่าเผย

 

อ้างอิง

อ้างอิง