ไอดอลใครบอกว่าต้องน่ารัก ใครบอกว่าไอดอลต้องสดใส ไม่ซีเรียส คิดบวก พูดแต่เรื่องสว่าง ๆ เพื่อพิสูจน์เรื่องนี้ เราสนใจความเป็นไอดอลสายดุของวง AKIRA-KURØ จิกะไอดอล หรือไอดอลใต้ดินที่มีความแตกต่างในภาพลักษณ์ที่ดูเข้มข้น คอนเซ็ปต์ของวงที่ดูจริงจัง และเพลงแนวร็อก เมทัลดุดันกับเนื้อหาที่มักสอดแทรกเนื้อหาเข้มข้นจริงจัง ข้าง ๆ เวที Idol Exchange ไท้ไทย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

ก่อนที่เมมเบอร์ทั้งห้าอย่าง IYM (อิ่ม), FERYN (เฟริน), NACCHII (นัชชี่), PUNCH (พันช์) และ BAMBIE (แบมบี้) จะได้ขึ้นไปโชว์ เราขอโอกาสชวนพวกเธอมาคุยเรื่องซีเรียส ๆ ของวงการไอดอลไทย (และรวมถึงชีวิตของไอดอล และสังคมไทย) กันแบบจริงจังสุด ๆ ทั้งคนสัมภาษณ์ และคนถูกสัมภาษณ์

แต่ถึงแม้ว่าบทสัมภาษณ์จะดูเครียดแบบหนักกบาลทั้งคนถามและคนตอบ แต่เชื่อเถอะว่า อ่านแล้วต้องมีรอยยิ้มกันบ้างแหละน่า

จริง ๆ นะ 😀


(เรียงจากซ้ายไปขวา) IYM (อิ่ม), FERYN (เฟริน), NACCHII (นัชชี่), PUNCH (พันช์), BAMBIE (แบมบี้)

ก่อนอื่น ไม่แน่ใจว่าทุกคนเห็นคำถามที่ส่งให้หรือยัง

(ตอบพร้อมกัน) เห็นคร่าว ๆ แล้วค่ะ

มันมีคำถามหนึ่งที่อยากถาม แต่ไม่มีในนี้หรอก แต่อยากถามเพราะว่าอย่างที่พวกเรารู้กันก็คือ วงการไอดอลไทยตอนนี้อยู่ในช่วงฟองสบู่แตก ทั้งมีคนที่ประกาศแกรดฯ และมีการยุบวงด้วย

(ตอบพร้อมกัน) เมื่อวานวงเราก็เพิ่งมีสมาชิก ก็คือชูการ์ (Sugar AKIRA-KURØ) แกรดฯ ไป (หัวเราะ)

ใช่ ก็เลยอยากถามในแง่โดยรวม ๆ ของวงการไอดอลไทยหน่อยว่า ทุกคนรู้สึกอย่างไรที่เวลาเห็นเมมเบอร์ที่ต้องแกรดฯ ออกไป หรือเห็นการยุบวงไอดอลกะทันหัน

BAMBIE : เท่าที่พวกเราเห็นการแกรดฯ ของวงไอดอลวงอื่น ๆ ก็รู้สึกว่าใจหายทุกครั้งค่ะ ที่เห็นเมมเบอร์วงอื่น ๆ ตัดสินใจแกรดฯ ออกไป หรือว่าประกาศยุบวงเลยก็มี จนทุกวันนี้ ก็มาถึงวันที่เมมเบอร์ของวงเราประกาศแกรดฯ ออกไป มันเป็นความรู้สึกที่…เสียใจและก็เสียดายค่ะ

เพราะว่าพวกเรา หรือเมมเบอร์คนอื่น ๆ ที่เขาพยายามกันมาก็เกือบ 2 ปีแล้ว ซึ่งมันก็มีอุปสรรค และมันก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ทุกคนอยากจะทำหรอก แต่ว่าด้วยสถานการณ์ต่าง ๆ มันก็บีบบังคับน่ะค่ะ

PUNCH : สำหรับพันช์ คงต้องพูดว่าแล้วแต่กรณี เพราะคนอื่นเขาก็มีเหตุผลส่วนตัวของเขา แต่โดยรวมแล้ว ยังไงพันช์ก็รู้สึกว่า สามารถมองและรู้สึกถึงความเสียดายได้ทั้งสองมุมค่ะ มุมหนึ่งก็คือ วงการไอดอลในประเทศไทยมันอาจจะไม่สามารถพยุงเขาให้อยู่ตรงนี้ไว้ได้ ให้เขารักษาความฝันไว้ให้ได้ค่ะ

อีกมุมหนึ่งก็คือ เสียดายในแง่ที่เขาอาจไม่ได้เชื่อมั่นในตัวเอง เหมือนว่าไม่ได้มีอะไรมาทำให้เขาเชื่อมั่นในตัวเองมากเพียงพอที่จะสามารถอยู่ตรงนี้ได้ เพราะว่าการที่เรามาเป็นไอดอล มันต้องใช้ความกล้า ต้องคุยกับตัวเองมาแล้วระดับหนึ่ง ตอนแรกเขาคงต้องมีความเชื่อในความฝันของตัวเองพอสมควรนั่นแหละค่ะ แต่พอมาถึงจุดหนึ่ง เขาก็คงอาจจะหมดไฟ หรือด้วยอะไรหลาย ๆ อย่าง ซึ่งมันก็เป็นความรู้สึกที่หนูเห็นใจและเข้าใจเขานะคะ

แต่ว่าการอยู่ มันก็อาจจะยิ่งบั่นทอนเขา เพราะฉะนั้นการแกรดฯ ออกไปก็อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดี

แน่นอนว่าในมุมของแฟนคลับ เราก็ไม่เข้าใจหรอกว่า ณ โมเมนต์ที่เขาตัดสินใจแกรดฯ ไอดอลคนนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ ซึ่งแต่ละคนคงยังไม่ได้ตัดสินใจแกรดฯ ตอนนี้หรอก แต่อยากรู้ในมุมของไอดอลบ้างว่า อะไรน่าจะเป็นจุดเปลี่ยนที่ใหญ่ที่สุดที่จะทำให้เมมเบอร์คนหนึ่งตัดสินใจที่จะหยุดการเป็นไอดอลได้

BAMBIE : คำถามนี้เหมาะกับดิฉันมากค่ะ (หัวเราะทั้งวง) เพราะเพื่อน ๆ จะรู้กันว่า พออยู่ ๆ ไปสักพัก แบมก็จะบ่นว่า จะออกแล้ว ไม่ไหวแล้ว อะไรแบบนี้ อยู่เนือง ๆ จนตอนนี้ก็ยังไม่ออกสักที (หัวเราะ) ช่วงเวลานั้นมันก็คงเป็นช่วงที่เราอาจจะเจอปัญหาส่วนตัวที่เรารู้สึกว่ามันมาบั่นทอนเรา

และในวงการไอดอล ก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นเรื่องยาก สำหรับวงที่ไม่ได้มีค่ายใหญ่มาหนุนหลัง มันก็อาจจะทำให้เรารู้สึกว่าหมดไฟ เวลาที่เราเจอกับอุปสรรค มันเหมือนกับว่าเราไม่มีใครเลย อยู่ตัวคนเดียว ต้องช่วยกันเอง ทำกันเอง มันก็มีความท้อบ้างค่ะ แต่เหตุผลที่ทำให้แบมยังไม่ได้ออก ก็เพราะว่าแบมเองก็อยู่วงนี้มาตั้งแต่เดบิวต์ค่ะ มาถึงตอนนี้ก็สองปีแล้ว ผ่านอะไรมาก็มากมาย แล้วก็สร้างอะไรไว้ก็เยอะมาก

ถ้าเราจะแกรดฯ ออกไปตอนนี้ หนึ่งก็คือ เราคงเสียดายแน่ ๆ ทั้งที่เราเองก็อยากทำต่อ และใจเราก็มีความรักในด้านนี้ แล้วทำไมจะต้องออก สองก็คือ เราไม่อยากทิ้งเมมเบอร์คนอื่น ๆ ไป เพราะถ้าเราออก ก็เท่ากับว่าเมมเบอร์คนอื่น ๆ ก็ต้องแบกวงต่อ

สำหรับแบม AKIRA-KURØ ไม่ใช่แค่อีเวนต์ แต่มันคือการที่คนมีฝันมารวมกัน

PUNCH : หนูมองไปถึงวงการไอดอลบ้านเรา ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า ตลาดของวงการนี้ในบ้านเราไม่ได้เติบโตถึงขนาดนั้น มันก็คงเป็นปกติที่เราจะรู้สึกว่า เฮ้ย นี่มันคือการเอาเวลาว่างของเรามาใช้ เอาเวลาของเราไปให้กับคนอื่น ซึ่งเราเองก็ไม่ได้มีแรงขนาดนั้น แต่เราก็ต้องมอบพลังให้คนอื่น ซึ่งหลาย ๆ ครั้งมันก็ทำให้เราเหนื่อย

แต่พันช์กลับมองว่า ถ้าเรามองมันเป็นเหมือนกับงานที่เรารัก เป็นงานอดิเรกอย่างหนึ่ง ที่ไม่จำเป็นต้องหวังผลตอบแทนอะไรขนาดนั้น อย่างน้อย ๆ ก็ได้กำลังใจกลับมา มันก็สร้างคุณค่าให้กับชีวิตของเราได้

FERYN : สำหรับหนู มันก็เหมือนกับอาชีพหนึ่ง ที่เวลาชีวิตของเรามันก็ผ่านไปเรื่อย ๆ การที่คน ๆ หนึ่งจะแกรดฯ ออกไปก็มีหลายสาเหตุ อาจจะด้วยเรื่องของจังหวะชีวิตในช่วงหนึ่ง ที่เราคิดว่า ถ้าเราออกไปอาจจะดีกว่าอยู่ตรงนี้ หรืออาจจะมาถึงจุดที่คิดได้ว่า การอยู่ตรงนี้มันอาจจะไม่ตอบโจทย์ ก็เลยรู้สึกว่า พอแล้วแหละ ถ้าแกรดฯ ออกไป อาจจะมีเส้นทางที่ตอบโจทย์เขาได้มากกว่านี้ ที่เขาจะใช้ชีวิตในช่วงอายุนี้ได้อย่างคุ้มค่ากว่า

เครียดแฮะ

BAMBIE : จริงจังค่ะ วงเราเป็นวงจริงจัง (หัวเราะทั้งวง)

IYM : อาจจะเป็นเพราะว่าวงเราส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว

NACCHII : วงเราส่วนใหญ่จะเป็นแก๊งที่เรียนจบกันหมดแล้ว

น่าคิดเหมือนกันนะว่า ความเป็นผู้ใหญ่มันมีผลไหมกับการที่ วงเราเองก็โตกว่าวงอื่น และเวลาในการเป็นเมมเบอร์ก็อาจจะน้อยลง

(ตอบพร้อมกัน) มีอยู่แล้วค่ะ มีอยู่แล้ว

IYM : ตอนที่เราเรียน มันไม่ได้มีกิจกรรมอะไรที่เราทิ้งมันมาอยู่ตรงนี้ได้ โอเค อาจจะมีเรื่องสอบเรื่องอะไร แต่ว่ามันก็จัดการได้ง่ายกว่า ยังพอจะแบ่งมาทำงานอดิเรกได้ เพราะว่าเราก็ผ่านการเรียนมาแล้ว

BAMBIE : ตอนเรียน เรายังพอจะรู้ตารางว่า ตื่นเช้ามาวันนี้จะต้องทำอะไรบ้าง ชีวิตเราเป็นแบบนี้ ๆ แต่พอโตมา เราก็จะมีภาระหน้าที่มากขึ้น ทีนี้เราก็ต้องคิดแล้วว่าจะแบ่งเวลายังไงให้สามารถบาลานซ์กับเมมเบอร์คนอื่น ๆ ในวงที่ยังเรียนอยู่ได้

PUNCH : ด้วยความที่ไอดอลมันไม่ใช่งานหลัก เราไม่สามารถทำงานไอดอลให้เป็นอาชีพหลักได้ในช่วงที่ตลาดไอดอลยังเป็นแบบนี้อยู่ แต่ว่าเมื่อวันไหนที่ตลาดวงการไอดอลสามารถทำให้คนเข้ามาทำสิ่งนี้เป็นอาชีพหลัก เป็นงานประจำได้ ก็มองว่าน่าจะทำให้อาชีพไอดอลมันง่ายขึ้นกว่านี้อีกเยอะเลย โดยเฉพาะเรื่องการจัดการเวลาของชีวิต

NACCHII : เครียดกว่าที่คิดใช่ไหมคะ (หัวเราะ)

กำลังพยายามทำให้ผ่อนคลายอยู่

(หัวเราะทั้งวง)

BAMBIE : นี่คือข้อความที่เราอยากจะสื่อให้ทุกคนได้รับรู้ค่ะ (หัวเราะ)

IYM : อันนี้สัมภาษณ์หรือปรับทุกข์คะเนี่ย (หัวเราะทั้งวง)

งั้นขอคำถามเบาหน่อย อะไรที่ทุกคนคิดว่า เป็นความท้าทายที่สุดในการเป็นเมมเบอร์ของวง AKIRA-KURØ

IYM : ของอิ่มน่าจะเป็นเรื่องของศักยภาพของตัวเอง และสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ ครั้งแรกตอนที่เข้ามาอยู่ในวงการไอดอล ก็คืออยู่ตลอดว่าจะทำยังไงดี เพราะเรามีไม่เท่าคนอื่น คิดมาตลอดว่าเราเองก็เต้นไม่เป็น การร้องก็พอถู ๆ ไถ ๆ หน้าตาเมื่อก่อนตอนนั้นก็ไม่ไหวมาก ๆ (หัวเราะ)

FERYN : แปะรูปด้วยค่ะ (หัวเราะ)

IYM : ตอนที่เดบิวต์ครั้งแรกตอนนั้นคือไม่ไหวจริง ๆ ได้แต่นั่งคิดว่า ติดเข้ามาได้ไงวะ ติดเข้ามาได้ยังไง มันก็เลยท้าทายตรงที่ เราต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา 24 ชั่วโมงจริง ๆ เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

NACCHII : ส่วนตัวเองจบไม่ตรงสายด้านนี้เลย เกิดมาไม่มีความสามารถด้านนี้เลย เกิดมาก็ไม่เคยเต้นมาก่อน การร้องก็ไม่ค่อยมั่นใจ เมมเมอร์ทุกคนจะรู้ว่านัชชี่เป็นคนที่ไม่ค่อยมั่นในในการพบปะเผชิญหน้ากับผู้คน แต่ว่าการมาเป็นไอดอล มันคือความฝัน

การขับเคลื่อนทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นตัวเรา ก็เลยต้องมีความสามารถในการพบปะแฟนคลับ ต้องมีพลังงานที่สูง ต้องคอยให้พลังงานบวกกับพวกเขา ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นคนที่แบตเตอรี่ต่ำตลอดเวลา แล้วก็ต้องเจอกับการเต้นการร้องทีไม่มั่นใจ แต่เราก็ต้องทำให้ได้เพื่อที่จะอยู่ตรงนี้

PUNCH : สำหรับพันช์ก็เหมือนกับทุกคนเลยค่ะ เพราะว่าต้้งแต่เริ่มแรกหนูก็ไม่เคยร้องเพลงมาก่อน เพิ่งจะมาร้องเพลงจริงจังก็คือตอนที่เข้าวงนี้เลย ก็พยายามฝีกมาโดยตลอด ส่วนความท้าทายอีกอย่างหนึ่งของวงเรา ถ้าเป็นแฟนคลับก็จะเห็นว่า พวกเราทำกันเองทั้งหมดเลย เกือบทุกอย่างที่เห็นก็เป็นไอเดียของพวกเรา อาจจะไม่ใช่ทั้งหมด แต่ว่าพวกเราก็มีส่วนร่วมอยู่ในทุกจุดเลย ซึ่งแน่นอนว่ามันก็เป็นงานที่หนักมากขึ้น ประกอบกับว่าเมมเบอร์ก็น้อยลงด้วย อย่าง MV ซิงเกิลล่าสุด เพลง ViVA LA RESiSTANCE ก็ได้พี่นัชชี่เป็นผู้กำกับ

NACCHII : ซึ่งถามว่าจบอะไรมา…จบบัญชี (หัวเราะ)

PUNCH : อย่างหนูเองก็ไม่ได้เต้นเก่งอะไร ก็พอเต้นได้ สุดท้ายพอเข้ามาในวงนี้ ก็ต้องรับผิดชอบในการดูแลเรื่องการเต้นด้วย ถึงเวลาก็ต้องมาซ้อม มาคิดท่าเต้นกันเอง ซึ่งมันก็หนักและท้าทายอยู่เหมือนกันค่ะ แต่ก็ทำให้เรารู้สึกว่า เออ…เรานี่ก็เก่งเหมือนกันเนอะ (หัวเราะ)

IYM : อยู่มาถึง 2 ปีได้นี่ก็เก่งเหมือนกันเนอะ (หัวเราะ)

FERYN : ของเฟรินคิดว่า เราต้องคิดว่าจะต้องทำยังไง ที่เราจะสามารถช่วยให้วงอยู่รอดต่อไปได้ เพราะว่าพวกเราทุกคนก็ต้องทำทุกอย่างกันเองหมด คือแรก ๆ หนูเป็นคนที่ไม่กล้าออกความคิดเห็นเลย ทั้ง ๆ ที่ในหัวหนูก็คิดโน่นคิดนี่อยู่ตลอดเวลา ตอนหลัง ๆ ก็พยายามที่จะออกความคิดเห็นมากขึ้น ช่วยคิดโน่นคิดนี่

อีกอย่างก็คือเรื่องของสกิลของหนู อย่างการร้อง หนูก็ไม่ได้เป็นมาตั้งแต่แรก ก็ต้องหัดเอาเองมาเรื่อย ๆ ส่วนการเต้น ก็โอเค พอได้ แต่อาจจะไม่ได้เต้นเก่งมาก ก็ต้องพัฒนาขึ้นมาเรื่อย ๆ จากจุดนั้น ให้คนเห็นว่าเรามีความสามารถนะ

BAMBIE : ส่วนของแบมก็คือ ในเรื่องการทำงาน การที่มาอยู่ตรงนี้ ส่วนตัวแบมเองคิดว่าไม่ได้ติดอะไรเลย เพราะตอนเด็ก ๆ แบมเองก็เป็นเด็กกิจกรรม ทำโน่นทำนี่มาตลอด ก็เลยรู้สึกเอ็นจอยในการที่จะทำอะไรตรงนี้

แต่ความยากของแบมก็คือ เรื่องอายุด้วย และการแบ่งเวลา แบมจะค่อนข้างมีปัญหาเวลาที่ต้องแบ่งเวลาให้ชีวิตส่วนตัวกับเรื่องงาน ซึ่งก็ยังทำได้ไม่ค่อยดี ก็เลยต้องคิดว่าจะแบ่งเวลาส่วนตัวกับเวลางานอย่างไรให้บาลานซ์กับช่วงเวลาของเรา แล้วก็ยังได้ทำในสิ่งที่เราฝันอยู่

อยากให้เล่าถึงซิงเกิลใหม่ “ViVA LA RESiSTANCE” ที่เพิ่งปล่อยออกมาหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้าง

NACCHII : เพลงนี้ก็เป็นเพลงที่เราได้วง Nobuna มาแต่งเพลงนี้ให้นะคะ ซึ่งตอนช่วงที่แต่ง ก็เป็นช่วงที่เหตุการณ์การเมืองกำลังร้อนระอุ พวกเขาก็เลยนำเสนอเพลงแนวนี้มา ซึ่งพวกเราก็โอเค เพราะว่าตัวเพลงมันเท่มาก เนื้อหาก็จะพูดถึง…จะพูดว่าไงดี (ทำเสียงเข้ม) มันเหมือนมีอำนาจ อำนาจที่กำลังจะเข้ามา (หัวเราะ) ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดี เราก็ต้องต่อต้าน ต่อสู้เพื่ออิสรภาพ ต่อสู้เพื่อตัวเราเอง ตัวเนื้อเพลงก็จะมีท่อนที่ทำให้รู้สึกฮึกเหิม รู้สึกถึงการรวมตัวกันของประชาชน ซึ่งเป็นเพลงที่เท่มากค่ะ

แล้วด้วยความที่วง Nobuna เป็นคนทำเพลง แต่งเพลงนี้ให้ ก็เลยได้รับเกียรติจากน้องหนุ่ม (ชนน รัตนวิโรจน์ (ตำแหน่งร้อง Scream วง Nobuna) มาร้องท่อนว๊ากให้ด้วย แล้วก็ได้ Virgil (จิล – ญาณเดช ทองรัตน์แก้ว อดีตมือกลอง วง Nobuna) ซึ่งภาษาที่เขาเขียนมันสวยงามมาก ๆ

IYM : ตอนแรกที่เห็นเนื้อเพลงคือ มันเป็นศัพท์ที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน (หัวเราะ) มันเป็นภาษาอังกฤษจริง ๆ เหรอเนี่ย (หัวเราะทั้งวง)

NACCHII : ซึ่งก็ต้องบอกว่าพวกเราดีใจมาก ๆ ค่ะที่ได้วง Nobuna มาทำเพลงนี้ให้

ซึ่งซิงเกิลเพลงนี้ก็ถูกปล่อยในวันที่มีชุมนุมทางการเมืองด้วย นี่คือบังเอิญหรือตั้งใจ

NACCHII : ตั้งใจค่ะ ตอนแรกพวกเราเล็งกันว่าจะปล่อยวันที่ 13 ตุลาคม เพราะกลัวว่า Traffic ของวันที่ 14 ตุลาคมมันจะแรงเกินไป แต่จริง ๆ เราลืมไปว่า วันที่ 13 น่ะ แรงกว่าอีก (หัวเราะ) ถ้างั้น ไหน ๆ ก็ไหน ๆ จะมาทางนี้แบบเต็มที่แล้ว ก็ปล่อยวันที่ 14 ไปเลยแล้วกัน ซึ่งมาเปลี่ยนหลังจากตัดเสร็จประมาณ 3 -4 วันสุดท้ายก่อนปล่อยว่า จะเอายังไงกันดีพี่ (หัวเราะ) ก็เลยอ่ะ โอเค สิบสี่ก็สิบสี่ค่ะ แล้วก็กลายเป็นว่าพอเราปล่อยวันนั้นก็กลายเป็นความเท่ไปเลย

ได้ยินมาว่า นัชชี่เป็นคนกำกับ MV เพลงนี้เองด้วย มันเริ่มมาได้ยังไง เล่าเบื้องหลัง วิธีการทำงานให้ฟังหน่อย

NACCHII : จุดเริ่มต้นก็คือ วงของเราจริง ๆ แล้วมีหลายคอนเซ็ปต์ ทั้งคอนเซ็ปต์ทีพี่พล (สุริยา สุภีกิจ ผู้ก่อตั้งวง) วางไว้ และคอนเซ็ปต์ที่มาจากเมมเบอร์แต่ละคนด้วย ซึ่งเราก็จะมีการประชุมกันว่าคอนเซ็ปต์ไหนที่ดีที่สุดที่จะเหมาะกับเพลง ซึ่งเพลงนี้คอนเซ็ปต์มันก็ไปจบที่ การประท้วง การต่อต้าน เหมือนที่เห็นใน MV ที่จะมีการประท้วง ต่อต้าน การฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง

นัชชี่ก็เลยได้ไปปรึกษากับคุณชายอดัม หม่อมราชวงศ์เฉลิมชาตรี ยุคล ว่าเรามีคอนเซ็ปต์ประมาณนี้ พี่อดัมมีทีมงานสำหรับรองรับไหมคะ ในหัวนัชชี่ตอนนั้นก็คือ หาคนมาทำ MV พี่อดัมก็เลยลองฟังเพลง อ่านเนื้อเพลง แล้วก็บอกว่า (เลียนแบบเสียงคุณชายอดัม) “ผมว่านัชชี่ทำเองได้นะ เอากล้องในออฟฟิศผมไป เอาทีมงาน ทีมตัดผมไป แล้วเดี๋ยวผมไปช่วยดู” (หัวเราะ)

IYM : ซึ่งก็ไปช่วยดูจริง ๆ แล้วก็เล่นเกม Star Wars (หัวเราะ)

PUNCH : ตอนช่วงที่พี่นัชชี่เขายุ่ง ๆ ไม่ทันได้เห็นเพราะว่าต้องทำหลายอย่าง จริง ๆ คุณชายก็ดุเหมือนกันนะคะ (หัวเราะ) (เลียนแบบเสียงคุณชายอดัม) “เอาใหม่ครับ…ยังไม่ได้ครับ…เอาใหม่ครับ….”

NACCHII : ใช่ ๆๆ (หัวเราะ) พี่อดัมเขาจะเป็นคนที่ค่อนข้าง Perfectionist ในระดับหนึ่ง เขาก็เลยมี Vibe แบบนี้ ด้วยความที่เขาอยู่วงการ นั่งหน้ามอนิเตอร์มานาน 20 ปี เขาจะรู้ว่าอะไรมันเจ๋งหรือไม่เจ๋ง เห็นมาเยอะกว่าเรา แต่สุดท้ายทุกคนก็เชื่อนัชชี่…ที่จบบัญชี ไม่มีพื้นฐานอะไรเลย ไม่เคยอยู่ในสายงานโพรดักชันหรือถ่ายวีดิโอมาก่อน แต่ทุกคนก็เชื่อมั่นว่านัชชี่จะสามารถทำ MV นี้ออกมาได้ดี

IYM : แล้วมันก็ออกมาดีจริง ๆ เห็นแล้วน่าประทับใจมาก

NACCHII : ถ้าเอาตามเครดิต จริง ๆ นัชชี่ก็จะเป็น Director เป็นคนคิดเรื่องทุกอย่าง ว่าซีนนี้จะเริ่มยังไง แล้วก็จะมีเนื้อเรื่องที่เป็นซีนเด่น ๆ ของแต่ละคน อย่างเช่นอิ่มก็จะมีซีนที่ลุกขึ้นมาแล้วผลักกลับ ของพันช์ ก็จะเป็นคนที่พาแก๊งประท้วงมา ของแบมก็จะเป็นซีนที่เตะกระป๋องแก๊สน้ำตาออกไป ส่วนเฟรินก็จะดำเนินเรื่องไปอีกเส้นหนึ่ง

FERYN : เป็นเหมือนตัวเชื่อมเรื่องราวอีกเส้นเข้าด้วยกัน

NACCHII : ส่วนของชูการ์ ที่แกรดไปแล้ว ก็จะเป็นซีนที่โดนจับ โดนทรมาน แล้วก็ส่งสายตาที่จะไม่ยอมโดนทรมานอีกต่อไป แล้วก็เอาเนื้อเรื่องของแต่ละคนมารวมกันตอนตัด ซึ่งก็ต้องมานั่งดูว่า ถ้าเรามีซีนนี้ และเล่าทุกอย่างในซีนนี้ มันจะพอกับเวลาของเพลงไหม จะมีเนื้อที่พอสำหรับความยาวเพลง 3 นาทีกว่าหรือเปล่า ซึ่งมันก็มีดีเทลพอสมควรนะคะเนี่ย (หัวเราะ)

แล้วนัชชี่ก็ต้องดูเรื่องการตัดต่อและการเกรดสีด้วย พยายามที่จะเลือกโทนสีที่ควรจะเป็น ต้องมีการปรับเปลี่ยนกันหน้างานพอสมควร เพื่อให้ออกมาดูบาลานซ์และดูสวย

BAMBIE : พูดง่าย ๆ ก็คือ พี่นัชชี่คือผู้ควบคุมการผลิตทั้งหมดค่ะ (หัวเราะ)

พูดถึงซิงเกิล ViVA LA RESiSTANCE คำว่า Resistance มันแปลว่าการต่อต้าน ก็เลยอยากถามทุกคนว่า อะไรในชีวิตเราที่เราคิดว่าควรต่อต้านมากที่สุด

(ทุกคนพูดพร้อมกัน) อื้อหืออออ…..

PUNCH : สำหรับหนูคือระบบซีเนียร์ค่ะ เพราะว่าถ้าลองมาดูกันจริง ๆ ชีวิตเราอยู่กับระบบนี้มาตั้งแต่เกิดจนตาย แล้วพันช์เองเคยมีประสบการณ์ค่ะ เป็นประสบการณ์ที่…คือด้วยคนไทยอาจจะรู้สึกชินกับระบบนี้ไปแล้ว ถ้าไปเล่าให้คนอื่นฟัง เขาก็อาจจะรู้สึกว่า เด็กคนนี้นี่มันหัวแข็งจัง หนูเคยมีประสบการณ์โดนรุ่นพี่หงุดหงิดใ่ส่ แล้วหนูเลือกที่จะถามว่า ทำไมทำกับหนูแบบนี้คะ ปรากฏว่าเขาโมโห แล้วก็มีคนโทรมาบอกว่าให้ไปขอโทษเขาบ้างอะไรบ้าง

ซึ่งทุกครั้งหนูก็จะไม่เข้าใจว่า ทำไมเขาถึงทำไม่ดีกับหนูได้ แต่พอหนูไม่โอเค ไม่ยอมรับในสิ่งที่เขาทำ ทำไมหนูถึงโดน มันทำให้หนูคิดวนเวียนถึงระบบนี้มาก ๆ ซึ่งพอคิดย้อนไปตั้งแต่เด็ก ก็ถึงรู้ว่า จริง ๆ เราอยู่กับระบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว กลายเป็นว่าไม่ว่าจะอยู่ในระบบไหนของสังคม มันก็จะมีเรื่องนี้ปะปนอยู่ตลอด

BAMBIE : สำหรับแบม แบมจะอินมากในเรื่องของการยอมรับตัวเอง และการให้เกียรติผู้อื่น คือแบมเองโตมาในครอบครัวคนจีน แล้วก็เป็นลูกสาวคนโต เป็นลูกสาวคนแรกของบ้าน เขาก็จะมีความคาดหวังเล็ก ๆ ว่า อ่ะ ลูกสาวคนจีนต้องเป็นแบบนั้น ต้องแต่งตัวแบบนี้ ปรากฏว่า เป็นทรงนี้เลยค่ะ (ชี้ไปที่ผมทรงสกินเฮด) เราก็เลยรู้สึกว่า เราจะทำในสิ่งที่ใจเราบอกว่าใช่ และเป็นสิ่งที่ไม่ทำให้คนอื่นหรือตัวเราเองเดือดร้อน

แล้วด้วยสังคมสมัยนี้ที่เปิดกว้างขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัว ทรงผม อาชีพอะไรก็ตาม เราควรตระหนักว่าเราไม่ควรจะไปตัดสินคนอื่นเพียงเพราะว่าเขาเป็นแบบนั้น เขาตัดผมแบบนั้น ชีวิตแต่ละคนไม่มีอะไรที่ตายตัว ชีวิตใครชีวิตมัน และอย่าสร้าความเดือดร้อนให้คนอื่นก็พอ

IYM : อิ่มคิดว่าสิ่งที่เราควรต่อต้านไม่ใช่อะไรเลย มันก็คือความไม่ถูกต้องที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม ถ้าเรามองเห็นว่ามันไม่ถูกต้อง ไม่ตรงกับ Common Sense ที่เรารู้สึกว่า อันนี้มันไม่ถูกต้องนะ ควรจะต่อต้าน แม้ว่าจะเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นขับรถฝ่าไฟแดง อาจจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ แต่มันก็ไม่ถูกต้อง

PUNCH : บางทีคนเราก็ชอบมองข้ามเรื่องเล็ก ๆ แล้วก็บ่นว่า รถติดไม่ดีเลย การเมืองไม่ดีเลย ไอ้โน่นไอ้นี่ไม่ดี แต่ว่าบางทีเขาก็ลืมว่าบางทีมันต้องเริ่มจากคนทุกคนจริง ๆ ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนของสังคม ทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการรักษากฏระเบียบให้มันถูกต้อง บางทีเรามัวแต่ไปชี้หน้าว่าคนอื่นว่าเราทำผิดอย่างโน้นอย่างนี้ แต่บางทีเราก็ลืมว่าตัวเราเองทำผิดหรือเปล่า

คำถามสุดท้าย ในฐานะที่ AKIRA-KURØ เป็นวงไอดอลสายดุ เลยอยากจะให้โปรโมตซิงเกิล ViVA LA RESiSTANCE ขอแบบดุ ๆ สั้น ๆ 1 ประโยค

NACCHII : ………………..(เซ็นเซอร์)…………………………..

(ทุกคนพูดพร้อมกัน) เฮ้ย ! ว้าว…

จะเอาลงได้มั้ยล่ะเนี่ย…

NACCHII : (ถามทุกคน) ไม่ติดนะ คิดว่าลงได้หรือเปล่าล่ะ

BAMBIE : แล้วสมาชิกวงก็คือหัวรุนแรงกันทุกคนอ่ะ ไม่มีใครค้านใครเลย

IYM : ใช้ได้ ให้ผ่าน

NACCHII : ทุกคนให้ผ่าน แต่พี่ (ผู้สัมภาษณ์) ลงได้หรือเปล่าเนี่ยสิ (หัวเราะ)

IYM : (พูดอีกหนึ่งประโยค) ………………..(เซนเซอร์)…………………………..

NACCHII : เฮ้ย ใจเย็น…หรือจะเอาท่อนเพลงดีอ่ะ

“เพื่อความรัก เพื่ออิสรภาพ For the love, For the freedom. เราจะลุกขึ้นสู้จนกว่าจะสิ้นใจ”

อันนี้โอเค ปลอดภัย

(หัวเราะทั้งวง )


ติดตามวง AKIRA-KURØ ได้ที่ Facebook : AKIRA-KURØ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส