[รีวิว] vincenzo Ep1-4 : Black Comedy เข้มข้นถึงพริกถึงขิง

Our score

8.8

จุดเด่น

สบายใจได้กับการแสดงของซงจุงกิที่บทโหดหน้าละอ่อนยังเอาอยู่และหาใครมาทดแทนได้ยาก
คุ้ม ๆ ไปกับการแสดงของ จอนยอบิน ที่เรื่องนี้พิสูจน์ฝีมือแล้วว่านางเอกคนนี้ไม่ธรรมดา
ปมหลักในเรื่องใหญ่โต เนื้อเรื่องเข้มข้น จิกกัดเสียดสีได้เจ็บแสบ และไม่สามารถเดาทางที่จะเกิดในตอนต่อ ๆ ไปได้เลย
เปิดตัวบอสเร็วมากและหวังว่าจะมีเซอร์ไพรส์มากกว่านี้ได้อีก

จุดสังเกต

แนวซีรีส์เป็น Black Comedy เพราะฉะนั้นไม่ใช่ซีรีส์อาชญากรรมล้วน ๆ และไม่ได้ขายขำตะพึดตะพือนะคะ เรียกได้ว่าเป็นขนมผสมน้ำยาที่ไม่มีการทิ้งใครไว้ข้างหลังให้อ้างว้าง

ความสมบูรณ์ของบท

8.0
คุณภาพงานสร้าง

8.0
คุณภาพนักแสดง

10.0
คุณภาพการเล่าเรื่อง

8.0
ความคุ้มค่าในการรับชม

10.0

เมื่อความอยุติธรรมเกิดขึ้นในสังคม ทนายมาเฟียสุดโหดจากอิตาลี จึงจำใจมาเป็นผู้พิทักษ์ความยุติธรรมเอาไว้เอง

เรื่องราวของ วินเชนโซ กาซาโน (Song Joong-Ki) ทนายความที่ปรึกษามาเฟียชาวอิตาลี หลังจากทำภารกิจสุดท้ายที่ทำให้มาเฟียอิตาลีต้องจดจำเขาไปชั่วชีวิตแล้ว เขากลับไปยังบ้านเกิดที่เกาหลี และเรื่องราวที่นั่นทำให้เขาต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องราวที่ต้องต่อสู้ด้วยกฎหมาย กับบาเบลกรุ๊ปกลุ่มบริษัทผลิตยายักษ์ใหญ่ และตกกระไดพลอยโจนต่อสู้เพื่อความยุติธรรม โดยร่วมมือกับ ทนายสาว ฮงชายอง (Jeon Yeo-Bin)

เปิดตัววินเซนโซ

เรื่องนี้ถูกจั่วหัวไว้แต่แรกแล้วนะคะว่าเป็นซีรีส์แนว Black Comedy ก็คือ ซีรีส์ที่มีความตลกและเสียดสีอยู่ในเนื้อหา เปิดเรื่องมาด้วยความสาแก่ใจเข้มปึ้ดของ วินเซนโซ พระเอกของเรื่องกันเลยทีเดียวจ้ะ กับมาดสุดเหี้ยม ฉลาด เด็ดขาดในการกำราบคู่ต่อสู้ ในฐานะทนายของกลุ่มมาเฟียตระกูลกาซาโน ที่ทำงานอย่างภักดีและเฉียบขาดให้พ่ออุปถัมภ์ ณ จุดนี้คนดูตบเข่าฉาด โอ้โห แค่เริ่มต้นก็เข้มข้นขนาดนี้

หลังจากพ่ออุปถัมภ์ได้ตายไป ปัญหาขัดแย้งกันเองในตระกูลมาเฟียก็เกิดขึ้น ฮีก็ทิ้งความทรงจำที่ยากจะลืมเลือน ไว้ให้มาเฟียอิตาลีแล้วกลับเกาหลีเลยจ้ะ ไม่ได้สำนึกรักบ้านเกิดแต่อย่างใด แต่เป้าหมายมีเพียงหนึ่งเดียวคือการระเบิดตึก คากึมพลาซ่า เพื่อนำทองคำที่ซ่อนไว้ไปเสพสุข จากความตั้งใจเดิมที่จะมาเพียงสิว ๆ โกยทองแล้วจากไป ก็เริ่มผิดไปจากที่คิดตั้งแต่ก้าวแรกที่เหยียบแผ่นดินเกาหลีใต้เลยทีเดียว จากทนายมาเฟียสุดโหดที่จัดการปัญหาแบบไม่กะพริบตา ต้องมากะพริบตาถี่ ๆ จากการต้อนรับของมิจฉาชีพเกาหลีซะได้

ฮาาา เสียงฮาแบบปัดโธ่เอ้ย เริ่มนับจากนี้เป็นต้นไปกันเลย เป็นความฮาที่ต้องร้องว่า วินเซนโซ หนูจะมาเสียท่าแบบนี้ไม่ได้นะลูก!! คืออยู่ ๆ ก็เปลี่ยนอารมณ์กันดื้อ ๆ บินหรูมาดเข้มบนเครื่องบินอยู่ดี ๆ พอเท้าแตะถึงพื้นเท่านั้นแหละ ทนายของเราก็เสียกระบวนไปเล็กน้อยค่ะเมื่อมาเจอกับผู้เช่าสุดเพี้ยน ที่ไล่ไม่ยอมไปแห่งตึก คากึมพลาซ่า จุดนี้ซีรีส์ใส่มุกตลกหน้าตายของพระเอก ความเรื่องมาก ขี้เก๊ก เจ้าระเบียบและปากร้ายอย่างที่สุด เสริมทัพด้วยตลกพกถาดของบรรดาผู้เช่าทั้งหลาย ที่พระเอกของเราต้องอดทนกับปัญหาของพวกเขา เพื่อภารกิจขนทองให้สำเร็จ จะทำเหี้ยมโหดแบบในอิตาลีก็ไม่ได้อีก มันน่าเห็นใจอยู่ไหมล่ะ

ออร์เดิร์ฟเสิร์ฟ 2 ตอน

สำหรับใครที่คาดหวังว่าจะได้เห็นฉากที่ วินเซนโซฟาดฟันอย่างถึงพริกถึงขิงตามแบบฉบับซีรีส์มาเฟียแดนคนดุ สองตอนแรกยังไม่ขนาดนั้น แต่บททำให้เรามั่นใจได้ว่าเราจะได้พบเห็นอะไรแบบนั้นแน่ ๆ ด้วยแอกติ้งของซงจุงกิและฝีมือจัดการอันธพาลที่เก่งกาจ ฉับไวจนต้องอ้าปากค้าง สองตอนแรกจะเป็นการปูพรมที่ผูกปมตะปุ่มตะป่ำไว้ตามทางเดิน ปมวินเซนโซในวัยเด็ก ปมของการตัดสินใจในเส้นทางสายยุติธรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ปมความคิดและตัวตนที่แท้จริงของวินเซนโซ และเหตุของการร่วมมือกันกับ ฮงชายอง นางเอกของเรื่อง

เป็นออร์เดิร์ฟ 2 ตอนยาว ๆ ที่ไม่น่าเบื่อแต่อย่างใด เพราะเนื้อหาส่วนนี้จะใส่ความเป็นดราม่าให้รับรู้ถึงความคิดความรู้สึก ของตัวละครแต่ละตัว พระเอกที่เย็นชา นางเอกที่ทำงานเพื่อเงิน แต่สุดท้ายกลับมาร่วมมือกัน ตัวร้ายที่ร้ายสุด ๆ ชนิดที่เผยตัวตนจนกลายเป็นซีรีส์ที่ รวมทุกอารมณ์ไว้หมดแล้วจ้ะ ขำ ๆ อยู่น้ำตารื้น กำลังซึ้งอยู่ดี ๆ ก็เกิดจะฮากันขึ้นมา ซีรีส์ปล่อยไหลไปกับความต้องการของวินเซนโซที่ทำให้เรารู้ว่า เขามาอย่างมีจุดประสงค์และไม่ได้คิดจะยุ่งเกี่ยวกับคดีความของใครเลย แต่สุดท้ายแล้วอะไรทำให้วินเซนโซ ร่วมมือกับ ฮงชายอง นางเอกของเรื่อง จัดการกับกลุ่มอิทธิพลของเกาหลีใต้ในเรื่องจนได้ ซีรีส์เฉลยให้เราได้รู้ใน Ep3 เป็นต้นไปนี่แหละ

มันก็คือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่บอกเรามาตลอดในสองตอนแรกนี่แหละค่ะ และเมื่อถึงตอนที่ 3 ซีรีส์ก็สร้างความรู้สึกใหม่ให้เราจนได้ เมื่อเนื้อเรื่องเริ่มไต่ระดับความเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ และกำลังจะเป็นไปตามแบบฉบับของซีรีส์ทนายความ สืบสวนเกาหลีเรื่องอื่น ๆ แต่สุดท้ายก็ผิดคาด เพราะในขณะที่เรากำลังอินกับบทบาทและเรื่องราวที่กำลังเข้มข้นอยู่ดี ๆ ก็สามารถร้องกรี๊ดออกมาได้ด้วยความตกตลึง และเศร้าเสียใจในทันทีเมื่อผลของความตกตะลึงสัมฤทธิ์ผล จุดนี้มีการตัดฉับไปอย่างไม่คาดคิดว่าหวยจะออกมาในรูปนี้ พร้อมกับความรู้สึกต่อจากนี้ว่า เอาแล้ว Ep หน้ารอแซบกับการเอาคืนของวินเซนโซได้เลย

อาหารจานหลักเริ่มเสิร์ฟนับจากนี้

ด้วยความที่เป็น Black Comedy อาหารจานหลักที่ซีรีส์เสิร์ฟออกมาจึงเป็นเนื้อย่างเกาหลีรสชาติเข้มข้น ที่มีเครื่องเคียงเป็น Giardiniera และไวน์แดง เนื้อเรื่องจงใจเสียดสีความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นในสังคมอย่างเห็นได้ชัด มีการเปิดเผยสันดานดิบอันน่ารังเกียจของชนชั้นในสังคม และสะท้อนความจริงที่ว่า ทุกคนล้วนทำเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง แต่สุดท้ายความจริงที่ว่า เบื้องลึกในหัวใจไม่อาจเปลี่ยนก็สามารถกลบสันดานและเปิดเผยตัวตนในด้านดีออกมาได้

ความเข้มข้นที่เริ่มไต่ระดับมาจาก Ep3 จะเข้มปึ้ดขึ้นเรื่อย ๆ ใน Ep4 และดำเนินเรื่องไปอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเร่งฝีเท้าได้หนักแน่นขึ้น ความเป็นวินเซนโซทนายโหดในอิตาลีถูกนำมาใช้ใน Ep นี้อย่างสาแก่ใจอีช้อยยิ่งนัก กลเม็ดเด็ดพรายที่นำมาใช้ช่างรอบคอบอย่างนึกไม่ถึง แต่ก็ยังไม่ทิ้งความเป็นคอมเมดี้ไปซะทีเดียว ยังคงเกาะกลุ่มความรู้สึกเอาไว้อย่างเหนียวแน่น และไปถึงจุดพีคที่การเปิดตัวบอสแบบร้องเฮ้ย!! เพราะคาดไม่ถึง เรียกได้ว่าซีรีส์ใช้เวลาในตอนเดียวคลี่ปมต่าง ๆ ที่สร้างไว้ใน 3 ตอนแรกอย่างหมดเปลือก แต่เรื่องไม่จบแค่นี้แน่นอนค่ะเพราะเพิ่งจะ 4 ตอนเองไง นับจากนี้เป็นต้นไปเชื่อว่า ความดุเดือดจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน

ซีรีส์วางคาแรกเตอร์ของวินเซนโซไว้ให้เป็นคนเย็นชา แต่ซ่อนปมขมขื่นเรื่องความรักและการถูกทอดทิ้งเอาไว้ จุดประสงค์ที่ใส่ให้ตัวละครตัวนี้กลับมาบ้านเกิดเพียงเพราะทองคำแท่งกองมหาศาลจึงสมเหจุสมผลไปโดยปริยาย แต่ในที่สุดความอบอุ่นและมิตรภาพที่ ทนายฮงยูซาน (Yoo Jae-Myung ) พ่อของนางเอกมอบให้ก็ขุดด้านดีของวินเซนโซออกมาได้ จนทำให้เขากลายเป็นปีศาจล่าปีศาจที่เกิดมาเพื่อทวงแค้น คืนความยุติธรรมแบบสะใจคนดูในที่สุด

เอฟเฟกต์สวยงามซาวด์ประกอบโดนใจ

ซีรีส์วางเนื้อเรื่องให้วินเซนโซเป็นทนายที่ทำงานให้มาเฟีย ด้วยวิธีการแบบมาเฟียมาก่อน เพราะฉะนั้นการทำงานของเขาจึงออกมาในรูปแบบที่ทำลายล้างเย้ยกฎหมาย เอฟเฟกต์ส่วนนี้เราเห็นตั้งแต่ Ep แรกเลยค่ะ และทำออกมาได้สวยงามสาแก่ใจสมกับเป็นซีรีส์มาเฟียสมชื่อเรื่อง มาแบบนี้ถือว่างามได้เลย ในอิตาลีอาจทำได้แต่เกาหลีนั้นเป็นเรื่องยาก และเริ่มแรกเขาไม่ได้คิดจะทำแบบเดียวกัน เพราะจุดประสงค์หลักคือการมาเอาทองแล้วจากไปแบบเนียน ๆ แต่ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว จะจัดการอย่างไรกับคนชั่วให้สาแก่ใจก็ต้องใช้สมองมากขึ้นอีกหน่อย เพราะกลุ่มคนชั่วที่ต้องเผชิญในเกาหลีใต้นั้นช่างซับซ้อนและพวกเยอะซะจริง ๆ

เพราะในจำนวนคนเหล่านั้นมีทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ กระบวนการยุติธรรม หรือแม้แต่หมอที่ควรจะช่วยเหลือชีวิตคนแต่กลับหาประโยชน์จากการเจ็บป่วย บวกกับความรู้สึกที่ต้องเอาคืนเพราะดันผูกพันกับใครบางคนไปแล้ว การเอาคืนแบบวินาสสันตะโรจึงเกิดขึ้น ชนิดที่ว่ามาเฟียเกาหลีตัวร้ายแทบสิ้นเนื้อประดาตัวได้ง่าย ๆ ฉากสะใจนี้ เอฟเฟกต์ ทำดีอีกแล้วจ้ะ ฉากนี้ทำให้คนดูอย่างเรา ๆ เผลอปรบมือให้กับความสวยงามที่มาจากความพินาศได้หน้าตาเฉย บราโว!!

แถมซีรีส์ยังตอกย้ำความน่ายินดีนั้นด้วยซาวด์โอเปร่าแบบอลังการไปอีกจ้ะ พร้อมกับเผยให้เห็นเหตุผลแห่งความพินาศที่คนชั่วสมควรได้รับในเวลานั้นใว้อย่างซาบซึ้ง คือไม่ยอมทิ้งความคอมเมดี้ที่จั๊กจี้หัวใจไปเลยจริง ๆ เป็นตลกร้ายที่มีดราม่าเกาะติดเป็นเงาตามตัว พร้อมกับพกความเป็นตลกหน้าม่านเอาไว้แทบทุก ฉากแบบไม่ยอมทิ้ง แต่มันช่างลงตัวอย่างบอกไม่ถูก ให้ตายสิ เอฟเฟกต์ว่าดีแล้ว ซาวด์ประกอบแต่ละซีนในเรื่องช่างกลมกลืน ถูกจริต เข้าบรรยากาศ แต่ก็แฝงความเยอะเย้ยไว้ในตัวด้วยแบบเนียน ๆ