เชื่อว่าใครหลายคนที่ได้ดูซีัรีส์ ‘Sweet Tooth’ ซีรีส์ดาร์กแฟนตาซีทาง Netflix คงห้ามใจไม่ให้หลงรักเหล่านักแสดงเด็กหน้าตาน่ารักทั้ง “น้องกัส” มนุษย์ไฮบริดกวางสุดน่ารัก หรือจะเป็น “น้องแบร์” สาวน้อยจอมแก่นผู้นำขบวนการปลดแอกมนุษย์ไฮบริด Beartai Buzz ได้รับเกียรติจากทาง Netflix ร่วมสัมภาษณ์นักแสดงนำทั้ง คริสเตียน คอนเวอรี (Christian Convery) และสเตฟาเนีย ลาวี โอเวน (Stefania LaVie Owen) รวมถึงผู้สร้างซีรีส์ชุดนี้อย่าง เบ็ธ ชวาร์ตซ์ (Beth Schwartz) โปรดิวเซอร์และร่วมเขียนบทซีรีส์ และ จิม มิกเคิล (Jim Mickle) โปรดิวเซอร์ ร่วมเขียนบทและกำกับซีรีส์อีกด้วย

Beartai Buzz สัมภาษณ์นักแสดงและผู้สร้าง Sweet Tooth — SWEET TOOTH (L to R) CHRISTIAN CONVERY as GUS in episode 101 of SWEET TOOTH Cr. Kirsty Griffin © 2021

สัมภาษณ์พิเศษ Christian Convery และ Stefania LaVie Owen

คุณมองว่าคาแรกเตอร์กัสและแบร์เหมือนกับตัวตนจริงของพวกคุณในจุดไหนบ้าง

สเตฟาเนีย : แบร์มีส่วนคล้ายฉันหลายอย่างเลยค่ะ โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นนักรณรงค์เพื่อสิ่งแวดล้อม เธออยากเห็นการเปลี่ยนแปลงและโกรธมากกับสิ่งที่มนุษย์ได้กระทำกับสิ่งแวดล้อมมันสะท้อนให้เห็นถึงการเป็นนักกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมจริง ๆ ค่ะ และคาแรกเตอร์นี้ยังทำให้ฉันได้ใส่ชุดเจ๋ง ๆ แต่หากฉันดีไซน์เองคงเป็นชุดหมีแต่มีหลากหลายสีเลยค่ะ คงทำเป็นสีรุ้งไปเลยจะได้สดใสหน่อย (หัวเราะ)

คริสเตียน : ผมคิดว่าผมเองเหมือนกัสในแทบทุกแง่มุมเลยนะครับยกเว้นที่เป็ฺนลูกครึ่งกวาง เราต่างชอบลูกอมขนมหวาน เราชอบวิ่งเล่นและกระโดดโลดเต้น และโดยรวมเราเป็นคนแบบเดียวกันยกเว้นเรื่องทีั่เป็นกวางนะครับ

การถ่ายทำในช่วงการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ท้าทายการทำงานของพวกคุณอย่างไรบ้าง

สเตฟาเนีย : จะไปว่าสถานการณ์โรคระบาดแบบนี้มาเปรียบเทียบกับในซีรีส์มันก็ทำให้เราเข้าใจได้ง่ายขึ้นนะคะ เพราะการใช้ชีวิตในช่วงที่มีโรคระบาดแบบนี้ทำให้เราเห็นภาพวิกฤตการณ์ในเรื่องได้ชัดเจนมาก แต่สิ่งที่ทำให้ฉันลำบากจริง ๆ คงเป็นการที่วันแรกของการมากองถ่ายแล้วเราไม่สามารถโอบกอดกันได้ เราไม่สามารถอยู่ใกล้กันได้อย่างที่ใจต้องการเพราะมันมีกฎข้อห้ามที่บังคับให้กองถ่ายปฏิบัติตามอยู่ นี่แหละค่ะคือจุดที่ทำให้การถ่ายทำในช่วงการระบาดของโควิด 19 มันยากมากสำหรับฉัน

คริสเตียน : การถ่ายทำในช่วงมีโรคระบาดมันท้าทายมากสำหรับผมครับเพราะผมเองก็ไม่เคยมีประสบการณ์ในกองถ่ายแบบนี้มาก่อน เลยต้องทำตัวให้ชินกับการที่อยู่่ใกล้กับใครไม่ได้และกอดเพื่อน ๆ นักแสดงและทีมงานก็ไม่ได้ ขนาดไฮไฟว์กันยังทำไม่ได้เลยครับ แค่เรื่องง่าย ๆ แต่เราทำไม่ได้นี่ก็เป็นเรีื่องยากสำหรับการถ่ายทำซีรีส์ในช่วงมีโรคระบาดแล้วล่ะครับ แต่สิ่งที่ผมรักมากในกองถ่ายนี้คือการที่ทีมงานออกมาตรการที่เราทำตามได้ง่ายและปลอดภัยด้วยครับ

สเตฟาเนีย : ใช่ ฉันยังจำได้เลยว่าตอนเจอคริสเตียนครั้งแรกเขาก็เอาข้อศอกมาให้เราชนกันแทนค่ะ

ในซีรีส์มีเนื้อหาที่กล่าวถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมแล้วพวกคุณได้ทำอะไรเพื่อช่วยโลกของเราบ้าง

สเตฟาเนีย : ทุกวันนี้เวลาอยู่นอกบ้านหากฉันเจอขยะตามพื้นฉันมักจะเก็บมันไปทิ้งถังขยะค่ะ และทุกวันนี้บ้านของฉันก็เริ่มนำขยะพวกเศษอาหารมาทำปุ๋ยหมักค่ะ

คริสเตียน : ผมช่วยโลกด้วยการใช้พลาสติกให้น้อยลงครับ ใช้รถไฟฟ้าในการเดินทาง พยายามทานไม่ให้มีเศษอาหารเหลือและรีไซเคิลให้ได้มากที่สุด ซึ่งผมทำโครงงานเขียนโค้ด HTML ที่ใช้ในการรีไซเคิลขยะที่โรงเรียนด้วยนะครับ เจ๋งสุด ๆ ไปเลย

สเตฟาเนีย : เจ๋งจริง ๆ น้องชาย

สัมภาษณ์พิเศษ Beth Schwartz และ Jim Mickle

โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ (Robert Downey Junior) ในฐานะผู้อำนวยการสร้างบริหารได้แชร์ไอเดียอะไรที่น่าสนใจกับพวกคุณบ้างไหม

จิม : โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ทำงานกับเราในเโปรเจกต์แต่แรกและอยู่ในทุกขั้นตอนของการทำงานจริง ๆ ครับ ตอนมาถ่ายทำที่นิวซีแลนด์เขาก็บินไปหาพวกเราในช่วงเวลาที่ทีมงานกำลังเหนื่อยพอได้เจอเขาก็ตื่นเต้นกันครับ

การถ่ายทำในช่วงการระบาดของโรคโควิด 19 สร้างความท้าทายอะไรให้การทำงานของพวกคุณบ้าง

จิม : คุณอยากเริ่มก่อนมั้ยเบธ

เบธ : ได้เลย..สำหรับฉันมันท้าทายมากค่ะ รวมถึงทุกคนที่ทำงานในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ด้วย ตั้งแต่การทำงานเขีัยนบทที่เปลี่ยนจากห้องประชุมเขียนบทมาสู่การประชุมวีดีโอคอลผ่านโปรแกรมซูม (ZOOM) ซึ่งมันแปลกมากเพราะเปลี่ยนจากการอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมร่วมกันสู่การเจอกันบนจอสี่เหลี่ยมแทนซึ่งบั่นทอนความคิดสร้างสรรค์มาก ๆ ในการเขียนบทตอนแล้วตอนเล่าซึ่งท้าทายมาก (หัวเราะ)

ส่วนเรื่องโปรดักชันก็ท้าทายไม่แพ้กันค่ะตั้งแต่การกำหนดตารางถ่ายทำยังไงให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่โควิด 19 ระบาด และการถ่ายทำถูกเลื่อนจนมาตรการความปลอดภัยออกมาให้เราปฏิบัติตาม และโดยเฉพาะการที่พวกเราถ่ายทำที่ประเทศนิวซีแลนด์ทำให้ทีมงานที่เดินทางจากต่างประเทศต้องกักตัวก่อน 2 สัปดาห์ไปไหนไม่ได้เลย ทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยรวมถึงจิมที่ต้องสวมหน้ากากกำกับซีรีส์ไปด้วย

ซึ่งมันสร้างความท้าทายใหม่ ๆ ในการจัดการกองถ่ายมากเลยค่ะ เดี๋ยวให้จิมพูดเสริมจากฉันนะคะ

จิม : หากมองย้อนกลับไปผมคงต้องกล่าวอีกมุมนึงว่าเราได้รับมือความวุ่นวายครั้งใหม่ครับ รับมือกับความจริงว่าเราไม่สามารถคาดเดาอะไรได้อีกต่อไป โชคยังดีที่เราไม่ต้องยกกองหรือเลื่อนวันถ่ายทำแต่ก็ได้ฝึกเผื่อใจหากมันจะเกิดขึ้นนะครับ ตอนแรกเราเกือบได้ใช้ฉาก LED ที่เหมือนโควิด 19 กระตุ้นให้เกิดเทคโนโลยีนี้แต่โชคดีที่เรายังได้ถ่ายทำในสถานที่จริงซึ่งถือเป็นโชคดีของเราแต่อย่างน้อยเราก็ได้เปิดใจรับเทคโนโลยีใหม่ที่มาเปลี่ยนโฉมหน้างานโปรดักชันได้อย่างน่าสนใจครับ