“คิดถึงทุกคนนะ….เรากลับไปเจอกันที่เกาะนั้นไหม?“

ข้อความสำคัญที่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งเรื่องราวทั้งหมดของ “REMEMBER 15” ซีรีส์ Thriller จากผู้สร้างมากประสบการณ์ อย่าง “ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล” หรือ “คุณชายอดัม” และ “ไป๋-เอกภพ ไป๋อารีย์” ที่รั้งตำแหน่งผู้กำกับการแสดง ที่ได้เปิดตัวตอนแรก เมื่อวันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา บนแพลตฟอร์ม Viu

“REMEMBER 15” เป็นเรื่องราวของกลุ่มวัยรุ่น 12 คน ที่เดินทางไปเกาะร้างแห่งหนึ่งเพื่อรำลึกถึง “ไลลา” เพื่อนสาวที่ประสบเหตุจมน้ำเสียชีวิตด้วยอายุเพียง 15 ปี เมื่อ 5 ปีก่อน เมื่อครั้งที่มาแคมปิ้งกับเพื่อน ๆ บนเกาะร้างแห่งหนึ่ง และโดยที่ไม่มีใครคาดคิด เพื่อน ๆ ทั้ง 12 คนก็ได้รับข้อความปริศนาดังกล่าว ที่เป็นจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมอันน่าสะพรึงกลัว ก่อนที่ปริศนาทั้งหมด (หรือส่วนใหญ่) ของเรื่องราวใน “REMEMBER 15” จะค่อย ๆ ถูกตีแผ่ผ่านเรื่องราวทั้ง 12 ตอน “คุณชายอดัม” พร้อมด้วยเหล่านักแสดงจาก “REMEMBER 15” จะพาเรากลับไปยังเรื่องราว และความลับเบื้องหลังเหตุการณ์ระทึกขวัญบน “เกาะนั้น” ใน ซีรีส์ Viu Original เรื่องนี้กัน

นัท-ธีรารัตน์ วราเจริญภิวัตน์ รับบท : โซนาร์
Instagram : https://instagram.com/nutwch

ภาพทรงจำ / ความในใจ / ความลับ กับ “REMEMBER 15” นัท-ธีรารัตน์ วราเจริญภิวัตน์ รับบท : โซนาร์

ภาพทรงจำ / ความในใจ : “ถ้าให้พูดถึงว่าเวลาเรา Remember ก็จะนึกถึงความสัมพันธ์อะไรต่าง ๆ ที่เราทำกับคนอื่น เช่นเดียวกัน ถ้าให้พูดถึงซีรีส์ Remember 15 เราก็จะนึกถึงเพื่อน ๆ นึกถึงความสัมพันธ์ที่มันเกิดขึ้นแล้วก็ยังคงอยู่ถึงตอนนี้”

ความลับ : “ไม่รู้จะดูออกกันรึเปล่าว่าจริง ๆ นัทเป็นคนย้ำคิดย้ำทำ ถ้าเวลาไม่ได้อยู่ในสภาพปกตินัทจะเดินเก็บขยะ คือจะเห็นสิ่งที่มันสกปรกไม่ได้พอผ่านไปสักพักก็จะเก็บไปเรื่อย ๆ ยิ่งเวลาไม่มีสติก็จะถามว่าอันนั้นกินอยู่รึเปล่า ไม่กินก็เก็บนะแล้วจะเดินถือถุงแล้วก็เดินวนรอบคนอื่นตามหาขยะ

“ยังไงก็ฝากซีรีส์เรื่อง Remember 15 ไว้ด้วยอยากให้ทุกคนได้ดูกันจนครบทุกอีพีเลยเพราะว่าทุก ๆ คนก็คือทุ่มเทมาก ๆ ก็คือพูดซ้ำหลายรอบมากทุ่มเทมาก ๆ แต่ว่าอยากให้เห็นความตั้งใจของพวกเราจริง ๆ ค่ะในเรื่องนี้ขอบคุณค่ะ”

เพียว-เพียวรินทร์ กอศิริวลานนท์ รับบท: มายด์
Instagram : https://www.instagram.com/purepwr.g

เพียว-เพียวรินทร์ กอศิริวลานนท์ รับบท: มายด์

ภาพทรงจำ / ความในใจ : “ถ้าพูดถึง Remember ก็จะคิดถึงความทรงจำอะไรอย่างนี้ค่ะ แต่ก็ถ้าพูดถึงเรื่อง Remember 15 ก็จะนึกถึงความโหดร้าย หดหู่ แต่ก็แทรกมาด้วยมิตรภาพดี ๆ แล้วก็ความทรงจำที่ครั้งหนึ่งในชีวิตเราได้ทำสิ่งนี้ลงไป ได้รู้สึกแบบนี้ ได้ทำสิ่งนี้ ได้ใช้เวลากับคนกลุ่มนี้ “สำหรับเรื่องราวตอนถ่ายทำที่รู้สึกประทับใจมาก ๆ คือ ทุกคนตั้งใจมากในการตั้งชื่อพันธุ์ให้แต่ละคน เช่น พี่ซีก็เป็น ไซบีเลียน ส่วนไตเติลก็จะเป็นโกลเด้น แล้วก็จินนี่ก็เป็นชามอย เราก็จะแบบสนุกมากในการตั้งชื่อสายพันธุ์ให้แต่ละคน”

ความลับ : “เพียวเป็นคนชอบลบเมมค่ะ เวลาที่แบบง่วงหรือแบบว่าไม่ค่อยมีสติ ถ้าสมมุติว่าดื่มกับเพื่อน ๆแก๊ง ๆ Remember เราก็จะจำไม่ได้ว่าแบบเราพูดอะไรไปบ้างในคืนนั้น แล้วเราทำอะไรเป็นบ้าง ไม่คือแบบว่าปกติเป็นคนจำได้นะ แต่ถ้าสมมุติว่ามีอะไรที่อย่าง่วงอย่างนี้ก็เรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างตอนที่ง่วงก็จะจำไม่ได้จำไม่ได้เลยแบบลบเมมก็พี่ปิ่นก็ด่าบ่อย ๆ ว่าเปรี้ยวอย่าลบเมมได้ไหม เพื่อนก็จะเรียกว่าเพียวลบเมม

“มีวันนึง วันนั้นกลับห้องกับพี่ปิ่นแล้วก็พี่ปิ่นจะซื้อของที่เซเว่นข้างล่างใช่ไหมคะ หนูอยู่คอนโดนะ หนูก็เลยบอกว่าอ้าวพี่ปิ่นงั้นเอาคีย์การ์ดไปนะแล้วเดี๋ยวขอขึ้นห้องไปก่อน เพราะว่าเพียวไม่ไหวแล้วก็เลยเดินขึ้นห้องไป พี่ปิ่นก็เอาคีย์การ์ดไปตื่ นเช้ามาเพียวโวยวายคีย์การ์ดหาย พี่ปิ่นเอาคีย์การ์ดออกจากกระเป๋าเพียวทำไม โวยวายจริงจังมาพี่ปิ่นเป็นค้นกระเป๋าเพียวเหรอ พี่ปิ่นเอาคีย์การ์ดเพียวออกไปทำไมแล้วแบบวันนี้เพียวไปทำงานเพียวกลับขึ้นห้องไม่ได้โวยวายเลยร้องไห้ พี่ปิ่นก็บอกเพียวจำไม่ได้เหรอเมื่อคืนน่ะเพียวเป็นคนยื่นให้พี่เอง (หัวเราะ)

“สุดท้ายนี้ก็อยากฝาก Remember 15 ให้ทุกคนได้รับชมเพราะว่าทุกตัวละครมีมิติ มีเบื้องหลังของตัวละครแล้วก็รู้สึกว่าอยากให้ติดตามการแสดงของพวกเราด้วยค่ะเพราะว่าพวกเราเนี่ยฝึกกันมานานมากแล้วก็ต้องยอมรับว่าพวกเราใหม่มาก ๆ เลยในเรื่องแบบการแสดงซีรี่ส์หรืออะไรแบบนี้ หลาย ๆ คนก็เป็นเรื่องแรกด้วยก็อยากให้ทุกคนดูแล้วก็สามารถติชมได้ค่ะ เพราะว่าพวกเราก็อยากจะรู้จุดเด่นและจุดด้อยของตัวเองเพื่อจะเอามาพัฒนาตัวเองในอนาคตค่ะขอบคุณค่ะ”

สายรุ้ง-ประภากร ไชยรักษ์ รับบท : ลิลลี่
instagram : https://www.instagram.com/sairungppk

สายรุ้ง-ประภากร ไชยรักษ์ รับบท : ลิลลี่

ภาพทรงจำ / ความในใจ : “ถ้าพูดถึงเบื้องหลังของ Remember 15 ก็คงเป็นความยากลำบากของพวกเราที่ทำมาด้วยกัน แล้วก็ทีมงานทุก ๆ คนซึ่งพร้อมที่จะบ้าไปกับนักแสดงมาก ๆ ก็คงนึกถึงความบ้าที่เราทำร่วมกันมิตรภาพใด ๆ แต่ถ้าเป็นเรื่องของ Remember 15 ตัวเนื้อเรื่องหนูก็นึกถึงความรัก และความเจ็บปวด ก็จะเป็นความทรงจำของทุกคนที่อิมแพ็กต์ต่อเนื้อเรื่อง เหมือนพอทุกคนอยู่บนเกาะความทรงจำเล็ก ๆ น้อย ๆ เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ มันกลับกลายเป็นเรื่องใหญ่เฉยเลย เพราะทุกคนเริ่มแบบสติแตกหรือว่าเสียสติอยู่บนเกาะมาก ๆ อะไรอย่างนี้ค่ะ

“ที่จำได้แม่นก็คือการทำงานที่แสนลำบากมาก ๆ คือมันลำบากทุกอย่างเลยค่ะ สภาพแวดล้อมที่นั่นหรือว่าการเดินทางทุกอย่างมันแบบมันยากไปหมดแล้วยิ่งเวลาเราเข้าบทร่วมร่วมกัน 13 คน หลายคัดติ้งมากคือมันต้องถ่ายหลายคัตแล้วก็มันจะมีเรื่องการ Hold อารมณ์คือมันมีอะไรลึกขึ้นคือหนูรู้สึกว่าการทำงานเรื่องนี้มันยากแล้วมันก็ทรมานมากไม่ว่าจะเป็นทางด้านร่างกายและจิตใจ เพราะว่ามันไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกและแบบอยู่บนเกาะไปนาน ๆ มันก็ยิ่งเสียสติ เป็นฟิล ๆ นี้”

ความลับ : “ความลับของสายรุ้งก็จะเชื่อมกับพี่นัทเลย คือหนูเป็นคนห้องรกมาก คือหนูเป็นคนชอบเอฟเสื้อผ้ามาก แล้วยิ่งเอฟเสื้อผ้ามันก็ยิ่งเยอะ แล้วจนตอนนี้หนูไม่มีที่เก็บเสื้อผ้าแล้วก็จะกองไว้ แล้วพี่นัทก็คือเป็นคนเจ้าระเบียบหนึ่งเดินเข้ามาในห้องแล้วก็แบบสายรุ้งไม่ได้ต้องเก็บ พี่นัทก็นั่งพับผ้าให้แล้วก็เก็บเข้าตู้ให้แล้ว คือหนูแปลกใจมากขึ้นหนูพยายามพับแล้วอ่ะแต่มันเก็บไม่ได้นะแต่พอเป็นพี่นัทพับมันเก็บได้คือพี่นัทเป็นคนสุดยอดมาก

“ก็อยากจะฝากซีรี่ส์เรื่อง Remember 15 ด้วยทุก ๆ คนตั้งใจกันมากแล้วก็อยากให้รับชมการแสดงของพวกเราจริง ๆ เพราะว่าก็ฝึกแล้วก็ workshop กันมาเป็นปีก็อยากให้รับชมกันจริง ๆ ค่ะเพราะเราตั้งใจกันมากขอบคุณค่ะ”

เรย์-เวณิตา ลอยวัฒนกุล รับบท : ไลลา
Instagram : https://instagram.com/rayyingray

เรย์-เวณิตา ลอยวัฒนกุล รับบท : ไลลา

ภาพทรงจำ / ความในใจ : “ถ้าพูดถึงคำว่า Remember 15 สิ่งแรกที่คิดเลยคือบรรยากาศในกอง เพราะว่าในกองมันแบบว่าอบอุ่นมากเหมือนไปเที่ยวเล่นมากกว่าไปทำงานเลยเพราะทุกคนใจดีมาก ๆ และก็คิดถึงแบบว่าตอนที่เราต้องไปติดเกาะกันไปเหมือนเราไปเข้าค่าย 15 วันเลยเพราะว่าเลย์ไม่เคยไปนอนค้างข้างนอกที่แบบไม่มีแม่ ก็อยากรู้สึกตื่นเต้นและประทับใจมาก ๆ

“นอกจากนั้นสิ่งที่กลับไปแล้วยังนึกถึงและยังฝากรอยแผลเป็นอยู่ก็คือมันเคยเกิดอุบัติเหตุครั้งหนึ่งคือเหมือนแบบเป็นซีนที่ต้องตกผา รู้สึกว่าเหมือนตอนนั้นถ้ามันสโลโมชันเหมือนตัวเองจะตายแล้วจริง ๆ เลย แล้วพอหลังจากอันนั้นพอกลับมาที่กรุงเทพฯ ก็ต้องถ่ายซีนนั้นไปประมาณอีก 2-3 รอบก็เหมือนน้ำตกผาแบบว่าวนซ้ำไปซ้ำมา ซึ่งเจ็บคอมาก เพราะพี่เขาสอนให้เซฟตี้พอถึงเวลาตกจริงแล้วก็เอาหัวไปปึ้กเจ็บแบบหัวโนเลย 2 วันแนะ Remember สุดเลย นึกถึงแผลเป็นยังเต็มตัวหมดเลย”

ความลับ : “หนูชอบบาร์บี้มาก ๆ ขนาดเสื้อที่ใส่มาวันนี้ก็ยังเป็นบาร์บี้แล้วก็คือตอนเด็ก ๆ ดูทุกตอนเลย พอตอนโตมาก็ยังดูอยู่ แล้วที่ตลกก็คือตอนเด็ก ๆ เพื่อนก็ชอบดูบาร์บี้เหมือนกันแล้วจะมีตัวหนึ่งเด่นสุดสีชมพู แล้วก็จะแย่งกันก็เคยแบบว่าทะเลาะกันกับเพื่อน เพราะว่าฉันจะเป็นเจ้าหญิงตัวนี้สีชมพูอะไรอย่างงี้ แล้วก็มีงอนแบบจริงจังเลย แต่สุดท้ายก็ไม่ยอม ก็ได้เป็นสีชมพู เพื่อนก็เป็นสีฟ้า สีเหลือง แทนพอมาย้อนคิดก็แบบว่าเราก็สุดอยู่เหมือนกันนะอะไรอย่างงี้ค่ะ

“เรย์ก็ขอฝากซีรีส์เรื่อง Remember 15 ด้วยนะคะคือทุกคนตั้งใจทำกันมากทุกคนรับชมไม่ผิดหวังกันแน่นอนฝากรับชมได้ทางแพลตฟอร์มViu นะค่ะทุกวันอังคารและก็วันพุธ เวลา 20:00 น. แล้วก็สามารถรับชมได้ทางSF สาขา Central World เท่านั้น เวลา 6 โมงนะคะ ออน 2 EP รวดเลย ฝากติดตามด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ”

ไตเติ้ล-ธนธร เสนางคนิกร รับบท : โบโซ่
instagram : https://www.instagram.com/title_tnt/

ไตเติ้ล-ธนธร เสนางคนิกร รับบท : โบโซ่

ภาพทรงจำ / ความในใจ : “สำหรับเรื่อง Remember สิ่งที่เจอภายในกองเนี่ยอย่างแรกเลยก็คือไม่มีห้องน้ำ มันเป็นห้องน้ำที่เหมือนพี่ ๆ เขาก่อตั้งขึ้นมาเองเพื่อให้เรานักแสดงและทีมงานจะใช้กัน ซึ่งมันก็จะลำบากอย่างหนึ่งสำหรับคนที่ไม่เคยเข้าห้องน้ำนอกสถานที่ แล้วก็ร้อนมาก ภายในกองแดดประมาณ 30 องศาเปรี้ยง ๆ ทุกวัน ถ่ายและเหงื่อออกต้องคอยซับเหงื่อก็ต้องขอบคุณพี่ ๆ ทีมงานด้วยครับ ที่คอยดูแลนักแสดงเป็นอย่างดีแล้วก็อยากต่อไปเนี่ยไม่มีสัญญาณโทรศัพท์อันนี้คือเรื่องที่เอาจริง ๆ แล้วมันก็มีข้อดีข้อเสีย ข้อเสียก็คือเราไม่สามารถเล่นอะไรโทรศัพท์ได้เลยตั้งแต่ 8:00 น ยัน 22:00 น ก็คือคิวนึงอ่ะ แต่ว่าข้อดีของมันก็คือพอเราไม่มีโทรศัพท์เนี่ยเราก็เหมือนได้คุยกันมากขึ้นเรามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น มันทำให้เราสนิทกับนักแสดงคนอื่นมากขึ้นด้วย อันนี้ก็เป็นข้อดีอย่างสำคัญอย่างนึงเลยที่รู้สึกชอบมาก ๆ”

ความลับ : “เอาจริง ๆ เป็นคนที่ขี้เกียจอาบน้ำคือไม่ชอบอาบน้ำตอนเช้าที่กว่าเวลาเราตื่นมาเราแปรงฟันแล้วดูซีรี่ส์ยาว ๆ อาบทีก็ตอนเย็น แต่ถ้าวันไหนเรามีไปงานเราอาบได้แต่ถ้าวันไหนเราไม่มีอาจจะไม่อาบเลยทั้งวันครับผม

“สุดท้ายนี้ก็อยากฝากซีรีส์เรื่อง Remember 15 อยากฝากทุกคนให้ติดตามนะครับเพราะว่าพวกเรานักแสดงตั้งใจมากๆ ก็สามารถดูได้ทาง Viu ทุกวันอังคาร – พุธ เวลา 2 ทุ่มเป็นต้นไปฝากด้วยนะครับ”

บอส-ดรัณภพ ชามพูนท รับบท : แม็ค
instagram : https://www.instagram.com/daranpope/

บอส-ดรัณภพ ชามพูนท รับบท : แม็ค

ภาพทรงจำ / ความในใจ : “สิ่งที่ประทับใจใน Remember 15 เหรอครับ (นิ่งคิด) ขอพูดเป็นประสบการณ์ดีกว่า พอไปถึงเท่าที่ผมจำได้ด้วยความที่เราถ่ายทำกันแบบยากลำบาก เพราะว่าโลเคชั่นมันอยู่ไกลจากที่พักประมาณชั่วโมงหนึ่งซึ่งทำให้มีความเหน็ดเหนื่อยตรงนั้นเพิ่มขึ้นด้วยพอบวกกับเวลานอนที่ผิดไปจากช่วงปกติด้วย เพราะว่าต้องอ่านบทเตรียมตัว ทำให้รู้สึกบรรยากาศมันกดดัน พร้อมกับมีเรื่องนี้เรื่องหลอนเกิดขึ้นด้วย แต่ก็ไม่แน่ใจว่านักแสดงทุกคนคิดกันเองหรือเปล่า เพราะว่าด้วยความที่พักผ่อนน้อยจิตใจเปราะบาง อาจคิดกันไปเองก็เป็นได้แล้วก็อย่างที่ไตเติ้ลพูดว่ามันไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ตเลยคือค่อนข้างจะทำให้เราแบบเหมือนได้โซเชียลดีท็อกไปในตัว ก็รู้สึกขอบคุณทีมงานทุกคน นักแสดงทุกคนด้วยนะครับเพราะว่าทุกคนก็เหนื่อยนะก็ลำบากไม่แพ้กับนักแสดงเลยครับ

“ผมก็อยากจะฝากเรื่อง Remember 15 ให้ทุกคนดูแล้วก็ติดตามช่วยกันแก้ไขปมปริศนาไปเรื่อย ๆ ด้วยกันนะครับ เพราะว่าเรื่องนี้ทุกคนพยายามอย่างเต็มที่ แล้วก็โลเคชันที่ถ่ายทำค่อนข้างที่จะลำบากนิดนึงเพื่อที่จะให้ทุกคนได้รับประสบการณ์ติดเกาะอย่างเต็มรูปแบบนะครับผมฝากติดตามผ่าน Viu Thailand ครับ”

เอส-ชิษณุพงศ์ สกุลนันทิพัฒน์ รับบท : แดน
instagram : https://www.instagram.com/sacezo/

เอส-ชิษณุพงศ์ สกุลนันทิพัฒน์ รับบท : แดน

ภาพทรงจำ / ความในใจ : “ถ้าพูดถึงเรื่องที่ Remember ในกองของ Remember 15 ก็เป็นความประทับใจที่มีรูมเมตชื่อซี คือเราสองคนเป็นคนประเภทเดียวกันในการใช้ชีวิต ก็คือค่อนข้างใช้ชีวิตสะอาดแล้วก็การใช้ห้องน้ำเราจะเก็บของเป็นที่แล้วก็พยายามไม่ให้พื้นส่วนที่ไม่ใช่สำหรับอาบน้ำเปียกครับ อย่าให้มันเปียกเลย แล้วก็เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันค่อนข้างดี แล้วก็ไม่ได้ทะเลาะกันเลยแล้วก็มีความสุขกันดีนี่คือที่ผม Remember ได้มาก ๆ”

ความลับ : “ความลับที่บอกไม่ได้แต่ผมอยากบอกทุกคนคือมันมีซีนหนึ่งที่ผมต้องว่ายลงไปในทะเล ผมก็ค้นพบว่าน้ำทะเลเค็มมากครับ มันเค็มมากเลยอ่ะคือผมคอแห้งมากเพราะว่าผมว่ายอยู่ในนั้นแบบนานมาก ๆ เลยอ่ะแล้วก็อย่าลืมนะทุกคนทะเลมันเค็มครับขอบคุณครับ

“ยังไงก็ฝาก Remember 15 ไว้ด้วยนะครับ”

ซี-พฤกษ์ พานิช รับบท : บิว
instagram : https://www.instagram.com/zeepruk/

ซี-พฤกษ์ พานิช รับบท : บิว

ภาพทรงจำ / ความในใจ : “ความทรงจำ Remember ที่จำได้แบบชัดเจนก็น่าจะเป็นเกี่ยวกับการทำงานของกองนี้ครับ ผมรู้สึกว่าเป็นการทำงานที่เจ๋งมาก ๆ สำหรับเรา แล้วก็รู้สึกว่าเป็นการทำงานที่เป็นประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่ได้ฝึกฝนไปในตัวเองด้วย ไม่ว่าจะวินัยหรือว่าการทำงานต่างๆแล้วก็เป็นความสัมพันธ์ของนักแสดงและทีมงานที่ติดเกาะกันมีความสัมพันธ์และทุกคนเปิดใจให้กันและกันแล้วก็จริงใจซึ่งกันและกันอันนี้ก็น่าจะเป็นจุดที่รู้สึกว่า Remember ได้ชัดเจนที่สุด”

ความลับ : “ผมเพิ่งรู้เหมือนกันว่าความลับของผมว่าผมหล่อมาก (ยิ้ม) ชื่อแอร์ดรอปของผมตั้งว่าซีพฤกษ์ แฮนซั่ม อันนี้ผมไม่เคยบอกทุกคนจริงๆ ถ้าใครเปิดแอร์ดรอปด้านข้างก็จะเห็นว่าซีพฤกษ์แฮนซั่ม แอร์ดรอป นี้แหละความลับของผมที่รู้แค่ในกองแล้วผมเปิดเผยให้ทุกคนได้รู้ในวันนี้

“ยังไงก็ฝากด้วยนะครับซีรีส์เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ตั้งใจกันมากนะครับ ก็อยากให้ทุกคนฝากถึงคนดูต่อไปให้ถ้าชอบก็ฝากแชร์ด้วยนะครับ เพราะว่าทีมงานกับนักแสดงตั้งใจมากแล้วก็เรื่องนี้ก็อยากยกคุณภาพระดับความ Production ความเรียลความมีสากลมากขึ้นนะครับ ก็อยากให้ฝากด้วยครับดูไปก็ขอให้สนุกไปด้วยกันนะครับผมแล้วก็วิเคราะห์กันไปครับเพราะว่าเรื่องนี้พลาดดูสักวินาทีไม่ได้เลยเพราะว่าเวลาดูไปเราต้องกลับมาดูใหม่อีกรอบด้วยซ้ำ เพราะว่ามีปมอะไรหลายอย่างมากให้ทุกคนคิดนะครับ คุณอาจจะคิดผิดก็ได้หรือว่าอาจจะถูกก็ได้ครับก็ลองดูกันครับ”

จิมมี่-กานต์ กฤษณะพันธ์ รับบท : เพลโต
instagram : https://www.instagram.com/jimmy.jimmoi/

จิมมี่-กานต์ กฤษณะพันธ์ รับบท : เพลโต

ภาพทรงจำ / ความในใจ : “ถ้าพูดถึง Remember เนี่ยมันก็คือผมคิดถึงน้ำทะเลไว้ก่อนเลยอ่ะ เพราะว่าโลเคชันที่เราถ่ายกันส่วนใหญ่คืออยู่ที่เกาะ ก็เลยจะคิดถึงอะไรที่มันสีฟ้าเป็นน้ำทะเล แต่อย่างนึงที่คิดขึ้นได้ก็คือผมรู้สึกว่าผมคิดถึงความความจริงใจที่ทุกคนมีให้ต่อกันเหมือนว่าเรามาทำงานในกองเนี่ย เราไม่รู้สึกเลยว่าเราเป็นดารา แต่คิดว่าเราเป็นนักแสดงคนนึงจริง ๆ

แล้วเราก็ไม่ได้คิดว่าเราจะต้อง Keep look หรือต้องอะไรเลยทุกคน ผมรู้สึกว่าทุกคนแบบเปิดใจแล้วก็จริงใจให้กันแล้วก็ทำให้การทำงานมันสนุกมาก ๆ เลย อันนี้คือแบบเป็นสิ่งหลักเลยที่ทำให้เราคิดได้เมื่อพูดถึงคำว่า Remember หรือว่าถ้าให้ย้อนกลับไปความทรงจำอะไรที่เด่นชัดที่สุดก็คือความจริงใจและความใส่ใจกันของทีมงานและนักแสดงทุกคนที่มีให้กันครับ พวกเราทุกคนตั้งใจกันอยากจะทำมันออกมาให้ดีที่สุดเท่าที่พวกเราจะทำได้ ก็ฝากไว้ด้วยกับ Remember 15 ครับ

ความลับ : “ความลับที่ผมมีแล้วไม่เคยบอกให้ใครรู้เลยก็คือผมรักทุกคนมากเลยนะครับ สาเหตุที่คนอื่นอาจไม่รู้ เพราะอะไรรู้ไหม เพราะผมเป็นคนที่ไม่ค่อยแสดงความรักให้ใครเห็น ตามความรู้สึกเราบางทีอย่างพูดถึงเป็นแฟนคลับก็ได้ผมรู้สึกว่าบางทีเราอาจจะแสดงความรักให้บางคนหรืออะไรเงี้ยไม่เท่ากัน หรือบางทีเขาอาจจะไม่รับรู้อันนี้คือความรู้สึกที่เรารู้สึกเองด้วยซ้ำ แต่ที่จริงคือความรู้สึกของเราจริง ๆ คือเรารักทุกคนมาก็รักพวกคุณมาก

“ก็ขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนให้เด็กจอมอคนนี้นะครับถึงแม้ว่าคุณอาจจะคิดว่าเด็กจอมอคนนี้ใช้ชีวิตไปวัน ๆ ชิล ๆ แต่ว่าจริง ๆ แล้วเขารักคุณมากเลยขอบคุณมากครับ”

ปิ่น-ธัญชนก ปการัตน์ รับบท : โฟน
instagram : https://www.instagram.com/pinomyim/

ปิ่น-ธัญชนก ปการัตน์ รับบท : โฟน

ภาพทรงจำ / ความในใจ : “ภาพทรงจำของปิ่นกับ Remember 15 ก็คงเป็นเรื่องของมิตรภาพ กับเรื่องของการทำงาน เพราะการถ่ายทำเราต้องไปอยู่ในเกาะที่ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต ซึ่งปกติเราจะมีโซเชียลอยู่ตลอดเวลา แต่พอไปเจอแบบนั้น ตื่นนอนก็เจอกันก่อนนอนก็เจอกันตลอด เรื่องที่เราพูดคุยกันมันเลยเลยเถิดไปถึงเรื่องที่ดูโง่ ๆ อย่างหน้าอีกคนเหมือนสัตว์อะไร (หัวเราะ) คือมันไม่มีอะไรจะคุยแล้ว ก็มานั่งวิเคราะห์ว่าหน้าเหมือนคนโน้นคนนี้ เหมือนโมจิสตรอว์เบอร์รี หม้อหุงข้าว กาน้ำชา อย่าง พี่ไข่หน้าเหมือนกาน้ำชาใน Beauty and the Beast (หัวเราะ) แล้วก็สลับกันไปทำงาน แต่ละวันก็จะเหมือนนั่งเล่นเก้าอี้ดนตรี “นอกจากนั้นสิ่งที่ปิ่นได้ค้นพบก็คือ การแสดงมันแตกต่างจากความที่เราเคยเป็นไอดอลมาก่อนมากเลย คือไอดอลมันมีภาพลักษณ์ มีความน่าจดจำบางอย่างที่คนจะจำเราได้ว่าเราเป็นสไตล์นี้ มีหน้าม้าใส่แว่น นี่คือปิ่นในตอนที่เป็นไอดอลใช่ไหมค่ะ แต่พอมาเป็นการแสดง การแสดงคือการที่เราต้องไปสวมเป็นตัวละครหนึ่งในเรื่อง ๆ หนึ่งเลยโดยที่เราต้องทิ้งความเป็นตัวเองเพื่อให้เราเข้าไปถึงบทบาททำให้เราต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเยอะ เราต้องทิ้งภาพลักษณ์เราต้องทิ้งทุกอย่างที่เราเคยคีพเอาไว้ มันก็เป็นความแปลกใหม่แล้วก็เป็นความท้าทายอีกอย่างหนึ่งที่เราไม่เคยทำมาก่อน”

ความลับ : “ปิ่นเป็นคนดื่มแอลกอฮอล์เยอะค่ะ เป็นคนคอแข็งมาก พี่อดัมบอกว่าปิ่นคอแข็งที่สุดในค่าย ไม่มีใครรู้แฟนคลับก็นึกว่าหนูไม่ดื่มแอลกอฮอล์ (หัวเราะ)

“ปิ่นก็ขอฝากซีรีส์เรื่องนี้ด้วย เพราะว่าทุกคนทุ่มเทแล้วก็เสียแรงกับเสียน้ำตากันไปเยอะกับเรื่องนี้กันมากจริงๆ อยากให้ความที่นักแสดงทุ่มเทส่งไปถึงคนดูได้ว่าทุกคนตั้งใจมากจริง ๆ กับผลงานชิ้นนี้”

ไข่มุก-นิลาวัลย์ เอี่ยมเชื้อสวัสดิ์ รับบท: เจล
instagram : https://www.instagram.com/kaimuk.n/

ไข่มุก-นิลาวัลย์ เอี่ยมเชื้อสวัสดิ์ รับบท: เจล

ภาพทรงจำ / ความในใจ : “เมื่อพูดถึง Remember 15 ก็จะคิดถึงเพื่อนที่เราไปอยู่ด้วยกัน เกือบเดือนเลยเนาะที่เราอยู่เกาะ ครึ่งเดือนมันนานมากๆ มันเป็นระยะเวลาที่เราได้เรียนรู้กันและกันได้แบบมาก ๆ หนูคิดว่าทุกคนน่าจะประทับใจจุดนี้เหมือนกันด้วย อย่างที่ทุกคนเคยเล่าว่า มันไม่มีอินเทอร์เน็ตมันไม่มีโซเชียลสื่อภายนอกให้เราได้เสพ เราเลยได้ใช้เวลากับตัวเองแล้วก็กับเพื่อนรอบข้าง แต่พอทุกอย่างผ่านมาแล้ว การทำงานตรงนั้นทำให้หนูได้เรียนรู้ว่าทุก ๆ อย่างในชีวิตมันสำคัญ เพราะว่า การแสดงมันคือการดึงทุกอย่างที่เป็นชีวิตประจำวันของเราออกมาใช้ในการแสดง ตอนที่เราเป็นไอดอลมันก็คือการที่เราเป็นตัวเองเหมือนกันแต่ว่าเราได้เป็นตัวเองอย่างเต็มที่ แต่ว่าการแสดงเราต้องเป็นตัวละคร เราต้องเข้าถึงคาแรกเตอร์ เราต้องตีความ เราต้องทำความเข้าใจกับตัวละครแล้วก็แสดงออกมาให้เป็นตัวละครคือมันเป็นการใช้ชีวิตในแบบตัวละคร ต้องมีความนึกคิดต่าง ๆ ในแบบของเจลที่หนูรับบทเป็น”

ความลับ : “ไม่รู้ว่ามันเป็นความลับไหมมันเป็นความเชื่อของมุกตอนเด็ก ๆ ว่าเวลาเราเจอศาลพระภูมิเราต้องไหว้แล้วเวลาป๊ามุกขับรถพาไปต่างจังหวัดทุกบ้านเขาก็มีศาลพระภูมิใช่ไหมเราก็ไหว้ทุกศาลพระภูมิแบบผ่านด่านหนึ่งก็สวัสดีค่ะ ๆ คือหนูทักทายทุกศาลพระภูมิเพราะว่าหนูมีความเชื่อว่าการที่ทำอย่างนั้นคือการเคารพ เคารพทุกบ้านเลยแล้วเราจะโชคดี

“สุดท้ายก็อยากจะฝากซีรีส์เรื่อง Remember 15 ด้วยนะคะ ก็จะออนแอร์ทุกวันอังคารแล้วก็วันพุธผ่านทางแพลตฟอร์ม Viu ติดตามพวกเราด้วยพวกเราตั้งใจทำมาก ๆ แล้วมาไขปมปริศนาไปด้วยกันนะคะ”

นุ่น-กิ่งกาญจน์ บุญมา รับบท : เนส
instagram : https://www.instagram.com/kunn.noon/

นุ่น-กิ่งกาญจน์ บุญมา รับบท : เนส

ภาพทรงจำ / ความในใจ : “ภาพทรงจำเกี่ยวกับ Remember 15 จริงๆ ก็เหมือนกับเพื่อน ๆ คือเราจะนึกถึงเรื่องมิตรภาพมากกว่าที่เราสนิทสนมกันมากขึ้นจากการถ่ายทำเรื่องนี้ แล้วด้วยความที่ไม่มีอินเทอร์เน็ต ไม่มีโซเชียล แต่ผลที่ออกมาก็ถือว่าดีมาก ๆ นุ่นรู้สึกว่าการที่เรามาเป็นนักแสดงเหมือนกับการได้เรียนรู้คาแรกเตอร์ใหม่ ๆ ตลอดเวลา การได้เรียนรู้คนเพิ่มขึ้นคือเป็นคนที่เราจินตนาการมาเองอะไรต่างๆ ก็ได้แต่เรารู้สึกว่าอีกอย่างเมื่อก่อนจะรู้สึกว่านุ่นจะเรียนรู้อยู่กับแค่ตัวเองอยู่กับตัวเองอย่างเดียวอาจจะเห็นคนอื่นแสดงอะไรออกมาบ้าง นุ่นก็จะคือไม่ได้คิดตาม แต่พอตอนหลังพอเราเริ่มรู้จักคนเรื่อย ๆ เราจะเริ่มคิดแล้วว่าเขาคิดอะไรอยู่ มันแอบเล่นกับจิตวิทยานิดนึงซึ่งเราต้องใช้ตรงนั้นเพื่อมาเป็นการแสดงด้วย”

ความลับ : “นุ่นเป็นคนกลัวกล้อง กลัวการถ่ายรูปอันนี้พูดจริงๆ คือนุ่นเป็นคนที่ไม่มีความมั่นใจเลย กลัวภาพออกมาแล้วทำให้คนอื่นที่มองในรูปเรารู้สึกผิดหวังอะไร เราก็เลยค่อนข้างกลัว แต่ถ้าสมมติเราถ่ายรูปเนี่ยก็คือถ่ายได้ปกติ แต่เราจะรู้สึกว่ารูปจะออกมาดีไหม จะมีความกังวลตลอดเวลา

“ซีรี่ส์เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องแรกของใครหลายๆคนแล้วก็เป็นเรื่องแรกของนุ่นด้วยก็อยากจะฝากทุกคนติดตามและให้กำลังใจด้วยเพราะว่าเรื่องนี้นุ่นก็ตั้งใจมากจริง ๆ อย่างนุ่นตอนนี้ก็ได้ชื่อใหม่แล้ว น้องตาปูดคือตาบวมตั้งแต่ อีพี 1 เลย แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะเราก็อยากให้ออกมาดี อยากให้ทุกคนสนุกไปกับมันด้วยค่ะ”

ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล Creator
instagram : https://www.instagram.com/adamy/

ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล Creator

“โปรเจกต์ Remember 15 นั้นเริ่มช่วงตุลาคม 2563 ซึ่งพอผมจะทำโปรเจกต์อะไร ผมโพสต์เฟซบุ๊กตลอด ว่าผมจะทำเรื่องนี้ หรือผมคิดถึงอะไรอยู่ อย่างเรื่องนี้ผมก็โพสต์ ผมเป็นคนไม่ปิด ผมไม่กลัวว่าจะมีคนเอาไอเดียไปใช้ เพราะถ้ามีใครในประเทศไทยที่กล้าเอาโปรเจกต์แบบผมไปทำก็คือบ้า มันไม่อยู่แล้ว เหมือนตอนเราทำผีห่าอโยธยา คือใครคิดจะทำมัน แล้วทำมันได้ในสเกลแบบที่เราทำนี่ถือว่าบ้ามาก เพราะด้วยวิธีการ กระบวนการ มันไม่ Practical กับคนไทยอยู่แล้ว ในขณะที่เวลาผมคิดจะเดิน ผมก็เดินเลย แล้ว โปรเจกต์ นี้ก็ตั้งใจไว้แล้วแต่ต้นแล้วว่าก็จะทำตามใจตัวเองไม่ขึ้นต่อระบบทุนอีกต่อไป

“การทำงานทุกอย่างในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะการทำงานกับน้อง ๆ หรือกับทุกอย่าง ทั้งหมดทำโดยที่ปล่อยวางตรรกะและเหตุผล แต่ใช้สัญชาตญาณตัดสินว่ามันโอเคไหม ถ้ามันไม่โอเคเราจะแก้ปัญหาหน้างานเท่านั้น ทุก ๆ อย่างที่เกิดขึ้นในเรื่องนี้เป็นไปตามธรรมชาติล้วน ๆ

“อย่าง พี่ไป๋ (เอกภพ ไป๋อารีย์) ผู้กำกับ เราก็ได้รับคำแนะนำมาอีกที ผ่าน พี่บิ๊กเกมส์ (กฤษณ์มงคล เพียรทอง) ผมรู้ว่าพี่บิ๊กเกมส์เป็นคนมีเทสต์ที่ดีและเป็นคนโกหกคนไม่เป็น วิธีการที่ง่ายสุดคือเรารู้ว่าคนไหนโกหกไม่เป็นแล้วเราก็โทรไปหาเขาใครคืออนาคตที่คิดว่ามันโอเค เขาก็แนะนำเพื่อนมา คือพี่ไป๋ ซึ่งทั้งคู่เคยกำกับมิวสิกวิดีโอให้กับวง Fever มาก่อน พี่บิ๊กเกมส์เป็นผู้กำกับเพลง Start Again ส่วนพี่ไป๋ก็เป็นคนกำกับตัว Password เขาก็บอกผมไม่ได้แนะนำในฐานะเพื่อน ผมแนะนำในฐานะที่คิดว่าเขาเป็นผู้กำกับที่น่าสร้าง ผมก็บอกว่าโอเค ก็ชวนมาคุยกันแล้วก็รู้สึกว่าโอเค ก็มาทำงานกัน

“ในความคิดของผม คนต้องมีการทำซีรี่ส์ ทำหนัง หรือทำงานสายบันเทิง สิ่งสำคัญคือต้องมี Common Sense ว่าอะไรเหมาะไม่เหมาะ คุณถึงจะแก้ไขสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ บางคนแบบเก่งให้ตายยังไงนะ แต่ถ้าเป็นคนที่ดูมอนิเตอร์แล้วก็บอกว่ามันสนุกแล้ว ในขณะที่สามัญสำนึกของมนุษย์ส่วนใหญ่บอกไม่สนุก แปลว่าไม่มี Common Sense ที่ว่านี้ ยังไงก็ไม่มีทางเวิร์กหรอก แบบนั้นก็คงจะทำงานด้วยกันไม่ได้ แต่พี่ไป๋รู้ว่าการปรับการเปลี่ยนแบบนี้เพราะผมอยากให้มันสนุก เพราะฉะนั้นมันเลยกลายเป็นว่าเรารู้ว่าเขามีเทสต์ เขามีวิธีคิดแล้วเขาก็ชวนทีมพี่เก่งที่เป็นตากล้องมา แล้วพี่เก่งก็สู้และอธิบายในสิ่งที่เขาสู้ได้ด้วยวิธีละมุนละม่อม แล้วก็ฟังเรา สำคัญคือเราฟังด้วยเขาฟังด้วย เราคุยกันเขาคุยกัน เราแชร์วิธีคิด

“ผมรู้เลยว่าทำไมตอนหว่องกาไวทำงานแล้วเขาจะมีมือขวาชื่อ วิลเลียม จาง ไม่ใช่คริส ดอยล์ พวกเขาบอกว่า คริสโตเฟอร์ ดอยล์ ตากล้องคู่บุญใช่ส่วนนึงนั้นคือมือซ้ายนะไม่ใช่มือขวา วิลเลียม จาง นี่เก่งมาก แล้วก็สิ่งที่สำคัญคือเขาคุยกับหว่องกาไว

ผมชอบรสนิยมนี้ผมชอบนั้นนี้ ผมรู้อะไรดีไม่ดีเหมือนกันเวลาเราทำงาน ทีมงานทั้งหมดที่อยู่ในเรื่องนี้เนี่ยเกินครึ่งเป็นทีมงานใหม่ที่ผมไม่เคยทำงานด้วย ไม่รู้จักมักจี่กันมาก่อน ทั้งหมดนั้นคุยกันผ่าน Zoom กันมาโดยตลอดเลยแล้วก็ไม่เคยได้เจอตัวจริงกันจนกระทั่งจะเปิดกล้องอยู่แล้ว ทุกคนก็ไนส์มาก ๆ แล้วเราก็ตกใจกับกับกระบวนการการทำงานทั้งหมดที่ไม่ได้เจอหน้ากันไม่รู้จักกันมาก่อน เอาความเชื่อใจเป็นตัวตั้งแล้วก็เอาบทเป็นตัวตั้งและก็เอาวิธีคิดของการทำงานเป็นตัวตั้งเท่านั้น มันก็เลยกลายเป็นว่าทุกอย่างนี้มันก็เลยเป็นการใช้ความเชื่อ บวกปะสบการณ์ อะไรที่มันไม่เวิร์กเราจะพูดไงแล้วเราไม่เรียกว่าอะไรดี ผมไม่กลัวที่จะพูดในสิ่งที่คิดอีกต่อไป มันเป็นการใช้ความเชื่อล้วน ๆ แล้วก็รู้ว่าทุกคนเป็น Professional แล้วก็ผมว่าสิ่งสำคัญคือเราแค่ต้องเชื่อแล้วก็หาคนที่เก่งจริง ๆ แล้วฟัง ตอนแรกเราต้องคุยกันก่อนแล้วทีนี้ก็ปล่อยให้ทุกอย่างมันเดินไป

“จากประสบการณ์จากเรื่องที่ผ่าน ๆ มา ผมคิดว่าผมพลาดคือ 1 การจัดการให้เป็นระบบ 2 คือการทำให้การแสดงดี เป็น 2 อย่างที่ผมคิดว่าเราพลาด ก็เลยถอยออกมาแล้วปล่อยหน้าที่นี้ให้กับคนอื่นที่เราคิดว่าเขาเก่งมาช่วย ก็คือพี่ไป๋ แล้วก็พี่เพื่อน (ภาคภูมิ วงษ์จินดา) ที่เป็นโปรดิวเซอร์อีกคนที่จะมาช่วยเรามาเสริมตรงนี้กัน เขาอยู่หน้ากอง ผมอยู่หลังกองส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ มีมอนิเตอร์ของตัวเองแทบไม่ได้เดินมาหน้ามอนิเตอร์ด้วยซ้ำ เราอยู่ข้างหลังคุยกับเด็กซีนต่อมา ซีนก่อนหน้าซีนหลังเป็นอะไรเพราะฉะนั้นมันก็เลยกลายเป็นว่าเราโฟกัสที่สิ่งที่เราต้องโฟกัสจริง ๆ แล้วเราทำอะไรที่เราต้องทำจริง ๆ แล้วผมก็แฮปปี้ที่ได้ทำอะไรที่อยากทำแล้วก็ไม่ลังเลที่จะที่จะบอกว่าผมชอบอันนี้ พี่ชอบอะไรพี่ไป๋ชอบอะไรแล้วเราก็ฟังจริง ๆ ตั้งใจฟังจริง ๆ แล้วก็ปล่อยวางอคติว่าเราต้องการเห็นอะไร เราปล่อยวางว่ามันสนุกไหม “พอเป็นอย่างนี้ปุ๊บเรื่องนี้ทั้งเรื่องก็เลยไม่ได้แคร์ที่บทอ่านแล้วสรุปโอเค แล้วหลังจากนั้นปุ๊บแต่บทนั้นจะถูกรื้อบทนั้นจะถูกโยนทิ้งทันที สำหรับผม บทเป็นแค่แนวทาง ซึ่งจะต่างจากเมื่อก่อนที่เราคิดว่าบทคือคัมภีร์ต้องท่องเหมือนแบบเรียน แต่ถึงตอนนี้ผมคิดว่า บทควรจะเป็น Guild Line แล้วผลคือคัมภีร์ แต่ว่ามันแล้วแต่คนนะ อย่าง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช บทต้องชัดเพราะคำพูดมันมีผลทางประวัติศาสตร์ แต่อันเนี้ย Emotion มันเป็นอย่างนี้ เพราะความรู้สึกเป็นอย่างนี้แต่บทมันไม่ส่ง นักแสดงที่ทำการบ้านหนักเพียงพอเขาจะรู้ว่ามันไม่ใช่อ่ะพี่ มันไม่เข้าปากหนูอ่ะ ถ้าเป็นนักแสดงทั่วไปที่ไม่ได้ฝึกซ้อมและได้เตรียมตัวเตรียมพร้อมกับตัวละครมาก่อนก็จะไม่รู้เลยว่าจะต้องทำไง ก็ท่องแล้วก็เล่นตามอารมณ์ที่มีผิวเผิน แต่ถ้าคุณเตรียมตัวละครดี ๆ คุณจะรู้ว่าตัวละครไม่พูดแบบนี้ ไม่ทำแบบนี้ เขาก็จะเถียง

“จำได้ว่าครั้งเดียวที่เรามีปัญหากันหนักจริงๆ เราถ่ายกันอยู่แล้วเป็นซีนที่สำคัญมาก ๆ ของเรื่องแล้วนักแสดง 4 คนจำได้เลยมีน้องนัท โซนาร์ มีซี พฤกษ์ มีนุ่น มีสายรุ้ง อยู่ด้วยกัน เป็นซีนไนท์ นักแสดงทั้งหมดก็เล่นขอไปที เพราะไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับมันทุกคนไม่รู้ว่า Direction เป็นยังไง พี่ไป๋เองก็ไม่รู้จะลงยังไง จะตัดยังไง แล้วทุกคนก็ยังหาทางออกร่วมกันไม่ได้ แล้วผมก็เลยบอกว่า ผมถึงขั้นว่าจำได้เลยตอนนั้น 21:00 น. มันเหลือเวลาอีกประมาณชั่วโมงนึงต้องเลิกกอง แล้วผมก็บอกโอเค วันนี้เราต้องหยุดกันก่อนที่จะไปต่อแล้วมันไม่เวิร์กไปกว่านี้ แล้วผมก็บอกเลิกกอง ทุกคนก็มองหน้าผม ทุกคนงง ทุกคนมองหน้ากันเลิกลั่ก แล้วเลิกกองเลยแล้วก็เก็บของกลับบ้านไปพักผ่อนกันดีกว่า แล้วหลังจากนั้นเรากลับมาถ่ายซีนนี้ใหม่แล้วกลายเป็นซีนที่ทรงพลังมาก ๆ ซีนหนึ่ง สนุกมาก ๆ ซีนหนึ่ง หลังจากปรับความเข้าใจในเรื่องของการคิดของทุกตัวละครแล้วกับผู้กำกับด้วย แล้วมันก็คมขึ้นจริงๆ เพราะฉะนั้นบทมันเป็นไกด์ไลน์ แล้วเราก็ดิ้นไปกับมันแล้วก็ถ้าเราไม่เห็นด้วย คนทุกคนมีสิทธิ์ไม่เห็นด้วยในกองนี้

ทุกคนเราเราใช้กฎเดียวกันคือเราไม่เห็นด้วยได้ เราขอได้ เราจะถ่ายใหม่ได้ นักแสดงก็ขอได้ ได้หมดเราปล่อยให้ทุกคนมีอิสระในการทำงานของตัวเอง ตราบใดที่คุณอยู่ในงบไม่เกินงบไม่เกินเวลา

“กับเรื่องนี้เราแทบไม่ได้ถ่ายเกินเวลาเลย เราโอทีแค่ 2 ครั้งเท่านั้น ครั้งแรกแค่ 1 ชั่วโมง ครั้งที่สอง 2 ชั่วโมง ครั้งที่ 2 เราเตรียมตัวไว้ถึงเที่ยงคืนแล้วเราก็เลยมาถึงตี 2 เพราะวันนั้นเป็นวันที่หนักจริง ๆ แล้วก็นักแสดงต้องทำอารมณ์ เราก็ยอมที่จะรอให้เขาได้อารมณ์แบบที่เขาต้องการ เพราะว่าวันนั้นสายรุ้งต้องเล่นต่อเนื่องกัน 16 ซีน วันหนึ่งคนเล่นได้ประมาณ 2-3 ซีนก็หมดแรงแล้ว แต่เขาต้องเล่น 16 ซีนแล้วก็อัดกันหนักจริง ๆ ก็จำได้เลยว่าผมถ่ายรูปไว้ว่าสายรุ้งโดนทุบ ในเรื่องโดนทุบตีในเรื่องแล้วก็จะเห็นเลยว่าแขนเนี่ยนี่คือแขนหลังจากวันนั้นคือก็น่วมเลยช้ำทั้งแขน สภาพคือเละอย่างจริงจัง ดูสภาพแขนช้ำหมดทั้งแขนเลยคือโดนกระทืบ โดนเรย์ตี แล้วก็ต่อยจริง เขาบอกว่าขอให้โดนจริงโดนถีบจริงอะไรจริงก็ตบจริงหน้านี้แดงไปหมด แล้วก็เล่นกันหนักก็เลยเกินเวลา แต่ที่เหลือเราทำงานโปรเฟสชันนัลมากตามเวลามากและวางแผนยังไงเราไม่เคยผิดแผนเลย ถึงแม้จะหนักแล้วก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามยถากรรมมาก แต่ไม่เคยผิดแผนและนักแสดงทุกคนไม่พลาดเล่นไม่ค่อยพลาด มีงานเดียวที่เรารู้สึกว่าไม่ตรงกันเฉย ๆ แต่ว่าการเล่นพลาด การไม่เตรียมตัวการไม่เตรียมตัวละครไม่มีเลย ทุกคนเพราะฉะนั้นทีมงานมันเป๊ะทุกอย่างมันเป๊ะไปหมดนะ ถ้าได้ดูซีรี่ส์จะเห็นว่ามันดูสมบูรณ์ ทั้งที่ความจริงแล้วมันเป็นเรื่องที่เราปล่อยมาก ๆ เลย ทุกคนทำงานแล้วทุกคนรับผิดชอบตัวเองทีมงานทุกคนรับผิดชอบตัวเองซึ่งหาได้น้อยมากในกองถ่าย

“สำหรับตัวผมเอง กับการทำงานเรื่องนี้ ผมก็เปลี่ยนวิธีคิดไปเยอะ การเลือกทีมงาน การคัดวิธีทำงาน การวางแผนการทำงาน เมื่อก่อนต้องบอกเรื่องแรกสารวัตรหมาบ้าผมยังเป็นเด็กที่แบบบ้าพลังแล้วก็ถ่ายงานที 36 ชั่วโมงติดประเภทนี้แล้วก็เตรียมงานอดหลับอดนอน เรื่องนี้ไม่เป็นอย่างนั้นเลยเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เราทำงานตามเวลา แล้วก็พยายามจะลดเวลาทำงานลงด้วยเพื่อพักสมองเน้นว่าทำถ้าหนึ่งชั่วโมงแล้วมันต้องเป็นหนึ่งชั่วโมงที่เน้นและแน่นจริง ๆ แล้วก็การมองภาพและการมองอะไรเปลี่ยนไปเยอะแล้วก็เราเปลี่ยนเป็นแบบเรา Observe หรือมองมากขึ้นมันทำให้เราพอเห็นภาพมากขึ้น คือพอทำงานมาสักพักมันก็ต้องเปลี่ยนวิธีการทำงานเปลี่ยนวิธีมองโลกเราเริ่มไม่แคร์ชื่อเสียงไม่แคร์รางวัลไม่แคร์อะไร แต่เราแคร์การเดินทางมากกว่าละ

“ตอนรอบพรีเมียร์ มีคนถามผมเยอะมากว่าตื่นเต้นไหม ผมไม่ตื่นเต้นเลย ผมแฮปปี้ที่งานเดินนะแต่ไม่ได้ตื่นเต้นกับมันอีกต่อไป แต่ผมตื่นเต้นกับกระบวนการทั้งหมดที่เกิดขึ้นมากกว่า ตื่นเต้นกับการนั่งทำงานมากกว่า ตื่นเต้นกับการแก้ปัญหาจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นอีกเราจะทำอะไรอีกมันมีปัญหาโน้นนี้นั่นมากกว่าที่จะเป็นการตื่นเต้นว่างานจะดีไหม คนจะยอมรับไหม นักวิจารณ์จะเขียนหรือเปล่าเพราะว่ามันกลายเป็นโลกจอมปลอมหมด คนมาดูเยอะแค่ไหนไม่เห็นมีเขียนวิจารณ์ ผมก็ช่างหัวมันละ ผมแฮปปี้กับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนที่เราทำอย่างเดียวแล้วมันเป็นผมคิดว่ามันเป็น Professional Journey แหละใครจะเห็นก็เห็นไม่เห็นก็ช่างมันเพราะว่าเราแฮปปี้ตรงนี้แล้วตราบใดที่ผมแค่รู้ว่ามันขายได้ ได้กำไรไม่ขาดทุน ไม่ขาดทุนเราไม่ขาดทุนคนซื้อไม่ขาดทุนใครก็ไม่ต้องแคร์อะไรเท่าไหร่ละผมแคร์การทำงานมาก ๆ กว่าก็เลยคิดว่าตรงนี้มันเปลี่ยนเป็นแบบนี้เปลี่ยนเราไปเป็นคนที่สนุกกับการใช้ชีวิตมากขึ้น

“อีกอย่างที่เปลี่ยนไปก็คือ พอ เมย์กี้ (พลอยพิชชา พิภพวรไชย) ไม่ได้อยู่ตรงนี้ สำหรับผมก็เท่ากับว่าครึ่งนึงหายไป เมื่อก่อนผมกับเมย์กี้คือครึ่ง ๆ ผมครึ่งหน้าเขาครึ่งหลัง เมื่อก่อนผมเป็นช้างเท้าหน้าเขาช้างเท้าหลังที่ดี เป็นคน Support มาตลอด แต่ปัจจุบันนี้มันกลายเป็นว่าผมต้องเป็นทั้งเท้าหน้าและหลังเท้าซ้ายเท้าขวาแล้วเราเดิน 4 ขากันละ แล้วมันก็เลยทำให้เราได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้คนใหม่ ๆ มาเยอะมาก แล้วก็ แต่ถามว่าการไม่มีเมย์กี้เปลี่ยนไปเยอะไหม ไม่มาก เพราะเมย์กี้ยังอยู่แต่อยู่ในครึ่งนึงของผมแทนทุก ๆ ครั้งทำอะไรกับน้อง ๆ จะแอ็กติ้งจะพูดจะจา จะเจอทีมงานคำพูดหนึ่งที่จะขึ้นมาในหัวเสมอคือ ผมจะคิดอะไร มันจะขึ้นมาโดยอัตโนมัติ แต่หลังจากนั้นมันจะมีแล้วถ้าเป็นเมย์กี้ ๆ จะคิดจะพูดอะไร มันจะขึ้นมาพร้อมกันตลอด เพราะฉะนั้นเมย์กี้ไม่เคยหายไปเขายังเป็นโปรดิวเซอร์อยู่ เพียงแต่เอากรอบความคิดของเมย์กี้มาอยู่ในผมแทน กรอบความคิดของเมย์กี้มาอยู่ในทีมงานคนอื่นแทน วิธีคิดเขายังอยู่วิธีเดินดูแลการจัดการนักแสดงการอะไรพวกนี้ เพราะฉะนั้นก็แทบจะทุกเรื่องที่เราทำมันก็มีชื่อเมย์กี้อยู่นั่นแหละ เพราะเขาไม่เคยไปไหน

“ถ้าสังเกตว่าอย่างรอบพรีเมี่ยร์ เมื่อวานนี้ทำไมนักแสดงจากนเรศวรซีรีส์นเรศวรยังมา ไม่ใช่เพราะเรามี Power หรืออะไรแต่เพราะวิธีคิดของเมย์กี้ทำให้คนเหล่านี้รักพวกเรา คือคนที่ไม่รักเรา เกลียดเราเลยก็มี แต่คนที่รักก็จะรักเรามากแล้วเขาเห็นว่าเราดูแลและพิถีพิถันกับความสัมพันธ์ของเรากับคนในกองเสมอ นั่นคือสิ่งที่เมย์กี้เก่งมาก ๆ แล้วนั่นคือสิ่งที่พวกเราเรียนรู้ แล้วมันก็เป็นสิ่งที่ดีแล้วคนก็เห็นอยู่ว่าคนเหล่านี้ตั้งแต่โปรเจกต์แรกมาจนถึงโปรเจกต์นี้เขายัง Connect กับเราอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นการที่เขาหายไปตัวเขาก็ไม่ได้หายไปก็ยังเป็นโปรดิวเซอร์อยู่และจิตวิญญาณของการทำงานโดยที่มีความผูกพันบางอย่างก็ยังอยู่ ไม่ได้หายไปเราไม่ได้ทำงานแค่ทำงานเรารู้สึกว่าหนังมีจิตวิญญาณ เรารู้สึกว่าหนังละครมีจิตวิญญาณเสมอและจิตวิญญาณเหล่านั้นเราต้องทรีตมันเหมือนการคารวะต่อจิตวิญญาณนี้มากกว่าที่จะคิดว่ามันเป็นแค่งาน 1 งานแล้วเสร็จแล้วจบผ่านไป

“ถามว่าสิ่งที่ผมจดจำได้ดีที่สุดจากการทำงาน Remember 15 หรือครับ (นิ่งคิด) ทุกอย่างจริง ๆ ทุกอย่างในเรื่องนี้ เพราะว่าเรื่องนี้โครงสร้างของเรื่องมาจากผมวิธีคิดมาจากผมวิธีทำงานทั้งหมดมาจากผมการสร้างโครงสร้างและตัวละครทั้งหมดมันคือส่วนหนึ่งของผมอยู่แล้วมันเอามาจากการที่ผมเขียนโครงเรื่องนี้ขึ้นมาแต่ต้นแล้วก็ทุกคนยอมรับมันทีมเขียนบทยอมรับมันแล้วโอเคกับมันแล้วก็เล่าดีวีหล่อกจากสตอรี่ตัวนั้นที่ผมเขียนขึ้นมาแล้วโดยการสัมภาษณ์น้อง ๆ และเอาวิญญาณน้องใส่เข้าไปแล้วเราก็นั่งอยู่ด้วยกันแล้วก็ฟังแล้วรู้สึกเราก็อินไปกับสิ่งที่เด็กพูดทุกคนแล้วเราอินมากเพราะว่าเด็กมันมาจากข้างในจริง ๆ เราอยู่จนกระทั่งเด็กไม่โกหกอีกต่อไป เราอยู่เราบิวด์เขามาแล้วพอเขากล้าที่จะออก อย่างที่บอกกล้าออกจาก Safe Zone กล้าที่จะพูดอะไรที่เป็นความลับของเขาเยอะมาก แล้วก็มันเป็นเรื่องที่ภายในนั่งกันอยู่ 4-5 คนแล้วเขาก็กล้าพูดออกมาเลย แล้วก็กล้าที่จะเปลือยชีวิตตัวเอง ความเปราะบางตัวเองมาเยอะมาก แล้วก็แล้วเราก็เอาตรงนั้นมันเขียน และเขาก็แฮปปี้กับมัน แฮปปี้ที่เขารู้สึกว่าเขากำลังเล่นเป็นตัวนั้น ๆ จริงๆ

“หลังจากที่ซีรีส์เปิดตัวไป ผมคงไม่สามารถบอกได้รับสิ่งที่คาดหวังหรือไม่ พ่อ (หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล) พูดเสมอว่ามันเหมือนลูกสาว เป็นการแต่งออก ผัวจะตบตียังไงเราก็ทำอะไรไม่ได้ พอเราคาดอะไรมันไม่เคยเป็นไปตามคาดอยู่แล้วไงมันก็เลยไม่คาด สิ่งที่เรารู้และเราต้องทำให้ได้กำไรแล้วไม่ขาดทุนเราจะได้อยู่ต่อแค่นี้จบ ตอนนี้แล้วถ้าผมทำไม่ขาดทุนแปลว่าผมได้ทำงานต่ออยู่แล้วเพราะว่าวงการนี้ขาด Content ที่มันได้กำไรก็ผมทำได้ตัวนี้ผมจะขายได้ระดับหนึ่งและผมมีการฉายต่างประเทศและมีแฟนคลับผมมียอดแล้วผมทำได้อาจจะขาดทุนเต็มที่ 10% 5% ใช้สำหรับซีรีส์หรืออะไรพวกนี้ผมแฮปปี้แล้ว

ผมไปต่อได้แล้ว ทีนี้ที่เหลือมันอยู่ที่โลกมันเป็น เราพยายามนะเรามีรอบสื่อก็อย่างที่เห็นเราชวนคนมาเยอะแค่ไหนมันก็ไม่ได้เป็น Hype บอกถ้ามันไม่ได้เป็นไฮฟ์ถูกไหม ถ้ามันจะไฮฟ์มันก็เป็นไฮฟ์เหมือน One for the Road มันเป็นไฮฟ์

“แต่ไม่ยังไง มันต้องมีความพยายาม มันต้องโปรโมต มันต้องมีนักข่าว มันต้องมีสื่อ แต่ว่าเราไม่รู้หรอกว่ามันจะเกิดเป็นกระแสหรือไม่ มันจะโอเคไม่โอเค มันเป็นเรื่องของความเชื่อของมนุษย์ล้วน ๆ เลยว่าจะดูหรือไม่ดูอ่ะดีไม่ดีคนไม่รู้ด้วยซ้ำแต่คนจะเชื่อว่าจะดูไม่ดูอีกเรื่องนึง เพราะฉะนั้นเราไม่แคร์ทั้งหมด หมดแรงไปแคร์แล้วอย่าเอาแรงแคร์ตรงนั้นไม่งั้นผู้กำกับจะเป็นเหมือนผู้กำกับหัวโตไม่เอาแล้วหนังเลิกทำดีกว่า ผมไม่เอาผมคิดว่าผมทำงานมันเป็นอาชีพไม่ได้ยึดผมไม่ได้เอาความเป็นมืออาชีพไปผูกไว้กับว่าเรื่องนี้ดังไม่ดัง คาดหวังอะไรไม่คาดหวัง เพราะถ้าคาดหวังแบบนั้นผมตกงานเร็วมากเลยนะ สู้พรุ่งนี้ผมตื่นมาแล้วมีงานทำดีกว่า ผมรู้สึกว่าเราตั้งโปรเจกต์ต่อไปเราไม่ได้คิดมากแค่เราสนุกกับมันมาก เท่านั้นก็พอแล้ว จากนั้นก็แค่ต้องเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนและปรับตามรูปแบบของการทำงานแต่ละคนในโปรเจกต์ต่อไป”

ติดตามชม “REMEMBER 15” ได้ทุกวันอังคาร-พุธ เวลา 20.00 น. บนแพลตฟอร์ม Viu ทั่วทั้ง 16 ประเทศ ติดตามความเคลื่อนไหวได้ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจฟุ๊คดุ๊ค : https://www.facebook.com/fukduk

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส