ข้าวโพดคั่ว หรือชื่อสากลที่เรียกกันติดปากว่า ป๊อปคอร์น (Popcorn) เป็นของขบเคี้ยวที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก และเข้ากันได้ดีมากกับการรับชมภาพยนตร์ การได้เอนหลังบนเบาะนุ่ม ๆ สายตาจับจ้องอยู่บนจอ ในขณะที่มือก็ล้วงไปในถังป๊อปคอร์น แล้วก็โยนเข้าปาก ได้เคี้ยวของอร่อยที่กรุบกรอบ ได้สัมผัสรสชาติที่กลมกล่อมเข้ากันของเกลือและเนย นับว่าเป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนที่รื่นรมย์ที่สุดอย่างหนึ่ง แม้ว่าทุกวันนี้หน้าโรงหนังจะมีของอร่อยให้เลือกสรรมากมาย ทั้งฮอตดอก วาฟเฟิล มันฝรั่งทอด แต่ป๊อปคอร์นก็ยังคงเป็นของขบเคี้ยวที่ได้รับความนิยมอันดับ 1 อยู่ดี

ในสังคมอเมริกันนั้น ป๊อปคอร์นยังเป็นของขบเคี้ยวในกิจกรรมอื่น ๆ อีกเช่น กินป๊อปคอร์นระหว่างเที่ยวเล่นในสวนสนุก หรือระหว่างชมการแข่งขันกีฬาในสนาม แต่ถ้าถามทุกคนว่า ถ้าให้เอ่ยว่าป๊อปคอร์นคู่กับกิจกรรมอะไรเป็นอันดับแรก ทุกคนก็น่าจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “ดูหนัง” เพราะเป็นของขบเคี้ยวที่เข้ากับกิจกรรมการดูหนังมากสุด และช่วยเพิ่มอรรถรสให้กับหนังมากขึ้นอีกด้วย ด้วยเหตุนี้หนังระดับบล็อกบัสเตอร์ที่ใช้ทุนสร้างสูงและมุ่งหวังความบันเทิงเป็นหลัก จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า “Popcorn Films”

ป๊อปคอร์นกับการดูหนังจึงเป็นกิจกรรมที่เคียงคู่กันมายาวนานมาก เรียกได้ว่าคู่กันมาตั้งแต่ยุคแรก ๆ ของประวัติศาสตร์ภาพยนตร์เลยก็ว่าได้ ในสหรัฐอเมริกาเองก็ให้ความสำคัญกับป๊อปคอร์นอย่างมาก ถึงกับมีวันป๊อปคอร์นแห่งชาติเลย ในวันที่ 19 มกราคม ของทุกปี ในโอกาสนี้ผู้เขียนจะขอเล่าความเป็นมาของป๊อปคอร์นว่าด้วยเหตุใดถึงกลายมาเป็นของขบเคี้ยวที่ขาดไม่ได้สำหรับคอนหนังไปเสียแล้ว

ในยุคแรกเจ้าของโรงหนังไม่ชอบป๊อปคอร์นเลย

ร้านขายป๊อปคอร์นหน้าโรงหนัง ในยุคแรก ๆ

ถึงแม้ว่าทุกวันนี้ ป๊อปคอร์นจะเป็นรายได้สำคัญของเจ้าของโรงหนัง แต่ในยุคแรก ๆ นั้นแทบจะตรงกันข้ามเลย เพราะเจ้าของโรงหนังในอดีตนั้นไม่ชอบให้ลูกค้านำป๊อปคอร์นเข้าไปกินในโรงภาพยนตร์เลย เพราะเจ้าของอยากให้โรงหนังของเขานั้นมีความสะอาด หรูหรา เหมือนอย่างโรงละครเวทีที่มีลูกค้าระดับสูงไปนั่งชมภาพยนตร์อย่างเดียวโดยไม่ทานของว่างและเครื่องดื่มระหว่างรับชม อีกเหตุผลก็คือเรื่องของความสะอาด ที่ป๊อปคอร์นมักหกเลอะเทอะและเหนียวติดพรมปูพื้นราคาแพง แต่ป๊อปคอร์นก็เป็นที่นิยมของคนดูหนังอยู่แล้วตั้งแต่ยุคนั้น จึงมีบรรดาพ่อค้าแม่ค้ามาตั้งร้านขายป๊อปคอร์นอยู่ใกล้ ๆ โรงหนัง ลูกค้ามาซื้อก็ต้องแอบซุกซ่อนไปในกระเป๋าหิ้วเพื่อนำเข้าไปกินในโรงหนัง โดยไม่ให้เจ้าของโรงหนังเห็น

อีกเหตุผลที่มีเฉพาะในยุคก่อนนู้นเท่านั้น ก็คือภาพยนตร์ในยุคแรกนั้นยังเป็นหนังเงียบ จะมีบางเรื่องเท่านั้นที่มีเสียงเพลงประกอบในบางฉาก เมื่อหนังเงียบมาก เสียงเคี้ยวป๊อปคอร์นพร้อมกันหลาย ๆ คนก็กลายเป็นเสียงรบกวนได้ แต่ปัญหานี้ก็หมดไปในยุคหนังเสียง

ในวันนี้ ป๊อปคอร์นได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมอเมริกันไปแล้ว และยังส่งต่ออิทธิพลมายังชาติอื่น ๆ รวมถึงบ้านเราด้วย แต่เฉพาะในสหรัฐฯ นั้น ที่วัฒนธรรมการกินป๊อปคอร์นจะควบคู่ไปในหลาย ๆ กิจกรรมมากกว่า อย่างเช่นการไปชมละครสัตว์, การเดินเที่ยวงานแฟร์ต่าง ๆ รวมไปถึงการชมกีฬาในสนาม เหตุที่ป๊อปคอร์นค่อนข้างเป็นที่นิยมแพร่หลาย ก็เพราะว่ากรรมวิธีการปรุงนั้นค่อนข้างสะดวก ทำที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องใช้อุปกรณ์และพื้นที่มากมายนัก ผิดกับยุคแรก ๆ ที่ต้องใช้อุปกรณ์ในการทำป๊อปคอร์นมากมาย

ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ และสงครามโลกครั้งที่ 2

ก่อนที่จะมีโทรทัศน์ตามบ้าน ผู้คนต้องเสียเงินเพื่อดูข่าวในโรงหนัง

ป๊อปคอร์นเป็นอาหารที่ต้นทุนต่ำ เมื่อกลายเป็นของขบเคี้ยวที่ได้รับความนิยม คนขายเองก็ชอบเพราะทำง่ายได้กำไรดี ยิ่งในช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ (The Great Depression)ในปลายปี 1929 ส่งผลให้ชาวอเมริกันมีความขัดสนกันมากขึ้น ต่างแสวงหากิจกรรมพักผ่อนหย่อนใจที่หาได้ง่ายในราคาถูก และ 2 สิ่งดังกล่าวนั้นก็คือ ป๊อปคอร์น และ ภาพยนตร์ ด้วยเหตุนี้ 2 อุตสาหกรรมนี้จึงได้มาเคียงคู่กันเหนียวแน่น

โรงหนังในยุค 30s – 40s นั้น โทรทัศน์ยังไม่ถือกำเนิด ผู้คนต้องเข้าโรงหนังเพื่อไปดูข่าวและการ์ตูนกัน ถึงแม้จะไม่ได้เข้าไปดูหนัง แต่พวกเขาก็ยังต้องการกินป๊อปคอร์นไปด้วยระหว่างที่อยู่ในโรงหนัง เหตุที่ป๊อปคอร์นได้รับความนิยมอย่างมากก็เพราะมีน้ำหนักเบา พกพาสะดวก ไม่ต้องการภาชนะเซรามิก หรือสแตนเลส ในช่วงนี้เมื่อเจ้าของโรงหนังยอมรับสถานะแล้วว่า ป๊อปคอร์นเป็นที่ต้องการอย่างมากสำหรับลูกค้า และไม่สามารถห้ามนำเข้าไปในโรงหนังได้ เจ้าของโรงหนังก็เริ่มยอมแบ่งพื้นที่ให้ร้านค้าป๊อปคอร์นเข้ามาขายได้ในบริเวณล็อบบี้หน้าโรง แต่ภายหลังโรงหนังก็เริ่มเล็งเห็นว่าป๊อปคอร์นทำกำไรได้ดี ทางเจ้าของโรงก็เริ่มหันมาขายป๊อปคอร์นกันเอง

นอกเหนือจากป๊อปคอร์นแล้ว อีก 2 สิ่งที่ชาวอเมริกันนิยมนำเข้าโรงหนังก็คือ น้ำอัดลม และลูกอม แต่พอเข้าสู่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 น้ำตาลต้องถูกปันส่วนไปใช้ในกองทัพ ทำให้ลูกอมเริ่มขาดแคลน และน้ำอัดลมขึ้นราคา แต่ป๊อปคอร์นไม่ได้รับผลกระทบยังคงหาง่ายและขายได้ราคาเดิม

ปี 1946 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลงไปได้ 1 ปี องค์กรเฉพาะกิจในชื่อ The National Popcorn Association ได้ก่อตั้งขึ้น พร้อมกับสโลแกนขององค์กรว่า “ป๊อปคอร์นคืออาหารแห่งการต่อสู้” ยิ่งเป็นการผลักดันให้ป๊อปคอร์นได้รับความนิยมในหมู่ชาวอเมริกันมากขึ้น โดยเฉพาะการทานในระหว่างดูหนัง ตั้งแต่นั้นป๊อปคอร์นก็เป็นของขบเคี้ยวที่ขาดไม่ได้สำหรับการดูหนังที่อยู่เคียงคู่กันมากว่า 100 ปี

เมื่อป๊อปคอร์นกลายเป็นรายได้หลักของธุรกิจโรงหนัง

หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่ารายได้หลักของโรงภาพยนตร์มาจากเงินค่าตั๋ว แต่ในวันนี้ไม่ใช่แบบนั้นแล้ว ป๊อปคอร์นและเครื่องดื่มกลายมาเป็นอีกหนึ่งรายได้หลักที่ช่วยต่อลมหายใจให้กับธุรกิจโรงภาพยนตร์ไปเสียแล้ว เพราะเจ้าของโรงหนังก็ได้เปอร์เซ็นต์จากค่าตั๋วน้อยลงในช่วงที่หนังเปิดตัวใน 2 – 3 สัปดาห์แรก อย่างที่ดิสนีย์ชอบทำกับโรงหนัง ถ้าหนังเรื่องไหนยืนโรงได้นานขึ้น เจ้าของโรงถึงจะได้ส่วนแบ่งมากขึ้น แต่กับกำไรจากป๊อปคอร์นนั้น เจ้าของโรงไม่ต้องแบ่งให้ใครเลย ยิ่งถ้าสัปดาห์ไหนมีหนังบล็อกบัสเตอร์เข้าฉาย คนเข้าโรงหนังเยอะมากขึ้น ยอดขายป๊อปคอร์นก็พุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งต่อเนื่องไปถึงข้อสงสัยที่ว่า ทำไมป๊อปคอร์น เครื่องดื่ม และขนมขบเคี้ยวต่าง ๆ ที่ขายหน้าโรงหนังถึงราคาสูงนัก ทั้งที่เรารู้กันดีว่าต้นทุนป๊อปคอร์นนั้นถูกมาก นั่นก็เพราะเจ้าของโรงหนังนั้นต้องจ่ายค่าเช่าพื้นที่ในแต่ละอาคารสูง เพราะต้องใช้พื้นที่มาก และรายได้หลัก ๆ ก็มาจากป๊อปคอร์นและเครื่องดื่มนี่แหละ

การมาถึงของยุคสตรีมมิง

ทั้้งกลุ่มสตูดิโอผู้สร้างภาพยนตร์และธุรกิจโรงภาพยนตร์ต่างก็หวั่น ๆ ต่อการมาถึงของยุคสตรีมมิง เพราะพวกเขากลัวกันว่าผู้คนจะติดนิสัยดูหนังอยู่กับบ้านแล้วออกมาดูหนังในโรงกันน้อยลง กลุ่มผู้สร้างหนังต่างก็ต้องคิดหากลยุทธ์ในการดึงผู้ชมให้ยังคงออกมาซื้อตั๋วดูหนังกันเหมือนแต่ก่อน เพราะในวันนี้ผู้ชมต่างใคร่ครวญกันมากขึ้นที่จะเลือกดูหนังในโรงกันแต่ละเรื่อง แต่ถึงแม้ว่าวันนี้ผู้คนเริ่มดูหนังผ่านสตรีมมิงอยู่ที่บ้านกันมากขึ้นก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังคงกิจกรรมหนึ่งเหมือนกับตอนที่ดูหนังในโรงนั่นก็คือ ‘การกินป๊อปคอร์นระหว่างดูหนัง’

นั่นก็เพราะพวกเขาสามารถสร้างบรรยากาศในการดูหนังอยู่บ้านให้เหมือนกับตอนดูในโรงหนังได้ด้วยการหรี่ไฟในห้อง ปิดเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ เปิดหนังดูแล้วก็กินป๊อปคอร์นไปด้วย แล้วป๊อปคอร์นในทุกวันนี้ก็สามารถหาซื้อง่ายได้ตามร้านสะดวกซื้อต่าง ๆ แค่เอาไมโครเวฟไม่กี่นาทีก็พร้อมทานแบบร้อน ๆ ได้แล้ว ต่อให้รูปแบบการดูหนังของผู้คนจะเปลี่ยนไป แต่ความนิยมในการกินป๊อปคอร์นระหว่างดูหนังก็ยังคงอยู่ถาวรตลอดไป

ที่มา