หลังจากแฟรนไชส์ Harry Potter ปิดฉากไปในหนังภาคที่ 8 ทางวอเนอร์ก็พยายามสานต่อจักรวาล แฮร์รี่ พอตเตอร์ ด้วย แฟรนไชส์ Fantastic Beasts แต่กลับกลายเป็นว่าเรื่องราวของ นิวต์ สคาแมนเดอร์ กลับไม่ได้รับเสียงตอบรับที่ดีดังคาด รายได้ลดน้อยถอยลงไปทุกภาค อนาคตของแฟรนไชส์ดูริบหรี่ ในขณะที่วอเนอร์เอาหนัง Harry Potter ตั้งแต่ภาคแรกกลับมาฉายโรงใหม่ ก็ได้เงินไปง่าย ๆ อีกภาคละกว่า 10 ล้านเหรียญ โดยไม่ต้องลงทุนอะไรมากมาย ยิ่งเป็นการกระตุ้นกระแสให้คนรุ่นใหม่ได้รู้จักโลกของพ่อมด และคนรุ่นเก่าก็ได้หวนความหลังกลับไปสนุกกับเรื่องราวของ แฮร์รี่ พอตเตอร์ อีกครั้งบนจอใหญ่

ด้วยเหตุนี้บรรดานักแสดงในแฟรนไชส์ Harry Potter ก็เลยใช้โอกาสนี้ ออกหนังสือบันทึกเรื่องราวในช่วงที่พวกเขาได้เป็นนักแสดงในแฟรนไชส์ Harry Potter ทั้ง 8 ภาค ในช่วงนี้ก็มี 2 คนที่จะออกหนังสือบันทึกเรื่องราวนี้ออกมา คนแรกก็คือ อลัน ริกแมน (Alan Rickman) ผู้ล่วงลับจะออกหนังสือในชื่อ “Madly, Deeply: The Diaries of Alan Rickman” และอีกคนก็คือ ทอม เฟลทัน (Tom Felton) ผู้รับบท เดรโก มัลฟอย ก็จะออกหนังสือในชื่อ “Beyond the Wand: The Magic and Mayhem of Growing Up a Wizard” ทั้งสองเล่มวางแผงพร้อมกันในวันที่ 18 ตุลาคมนี้

Beyond the Wand: The Magic and Mayhem of Growing Up a Wizard

อย่างที่แฟน ๆ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ทราบกันดีว่า ทอม เฟลทัน และ อลัน ริกแมน นั้นรับบทเป็นตัวละครหลักของแฟรนไชส์ ทั้งคู่ปรากฏตัวตลอดทั้ง 8 ภาค ซึ่งแน่นอนละว่า 10 ปีที่อยู่ด้วยกันในกองถ่ายก็จะต้องมีความสนิทสนมกันพอควร แต่ริกแมนผู้ได้ชื่อว่าเป็นนักแสดงเจ้าบทบาท ซึ่งเขามักจะอยู่ในภาพลักษณ์ตัวตนของ เซเวอรัส สเนป ตลอดเวลาที่อยู่ในกองถ่าย แม้ว่าจะไม่ได้อยู่หน้ากล้องก็ตาม ซึ่งเรา ๆ ก็รู้กันดีว่าบุคลิกของสเนปนั้นไม่น่าคบหาเท่าใดนัก เพราะเป็นคนที่หน้านิ่วคิ้วขมวด ดูอารมณ์เสียอยู่ตลอดเวลา และนั่นก็ทำให้เฟลทันพลาดท่าโดนสเนปตะคอกใส่มาแล้ว

เรื่องราวนี้นั้น ทอม เฟลทัน ได้หยิบมาเล่าผ่านทางอินสตาแกรมของเขาเพื่อเป็นการโปรโมตหนังสือของเขาว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงที่ถ่ายทำภาค Harry Potter and the Half-Blood Prince (2009) เป็นฉากที่ เดรโก มัลฟอย กำลังเดินตามหลัง เซเวอรัส สเนป เข้าสู่โถงใหญ่ของโรงเรียนฮอกวอตส์ แล้วมัลฟอยก็บังเอิญเดินชิดกับริกแมนเกินไป จนพลาดท่าไปเหยียบชายเสื้อคลุมของเขา
“แล้วผมก็ อลัน ริกแมน หันมาตะคอกใส่แบบเสียงดังฟังชัดว่า ‘อย่าเหยียบชายเสื้อกูโว้ย’ แต่ผมกลับหัวเราะคิกคัก พลันระหว่างผมกับเขาก็จ้องตากันอยู่แพร้บนึง ซึ่งผมก็นึกนะ เขาล้อเล่นเปล่าวะ ? แล้วผมก็รู้ตัวขึ้นมาทันที เปล่า นั่นเขาดุผมจริงจังเลยล่ะ”

ให้ดูชัด ๆ เสื้อคลุมของ เซเวอรัส สเนป

นั่นยังไม่ใช่ส่วนที่แย่ที่สุดของเหตุการณ์นี้ เพราะเฟลทันพลาดเหยียบชายเสื้อคลุมเขาซ้ำแล้วซ้ำอีก ที่เฟลทันพลาดบ่อย ๆ ก็เพราะว่าเขาทำตามคำแนะนำของผู้กำกับ เดวิด เยตส์ (David Yates) ที่กำชับเขาว่าให้เดินให้ใกล้กับอลันให้มากที่สุด พอเทคต่อไป เฟลทันก็เลยพลาดเหยียบชายเชื้อคลุมของริกแมนเข้าอีกครั้ง
“แล้วริกแมนก็หันกลับมามองผมด้วยสายตาที่คุณไม่อยากจะพบเจออีกครั้ง”
ทอม เฟลทัน ยอมรับว่าเขาเองก็รู้สึกเสียใจเช่นกัน ที่พลาดไปเหยียบชายเสื้อแบบนั้น
“ผมต้องจำใส่สมองไว้เสมอว่า เสื้อคลุมนั้นมีสายคล้องที่พันรอบคอเขาอยู่ พอผมไปเหยียบสายรัดก็ไปรัดคอเขา ผมเกือบฆ่าเขาตายแล้วนะนั่น! “
แต่เหมือนมีโชคเข้าข้างเฟลทันเล็กน้อย เพราะอย่างน้อยก็ไม่ใช่เขาคนเดียวที่พลาดเหยียบชายเสื้อของริกแมน ในเทคถัดไปก็มีนักแสดงอีกคนพลาดไปเหยียบเช่นกัน
“นั่นล่ะ มันเหมือนมีคนรับช่วงความซวยต่อจากผมไป แต่ผมก็จะไม่เคยลืมประโยคนี้ได้เลย ‘อย่าเหยียบชายเสื้อกูโว้ย’ “

Madly, Deeply: The Diaries of Alan Rickman

ส่วนหนังสือ Madly, Deeply: The Diaries of Alan Rickman ของ อลัน ริกแมน นั้น ก็มีเรื่องราวน่าสนใจในช่วงที่ถ่ายทำหนัง แฮร์รี่ พอตเตอร์ เช่นกัน อลัน ริกแมน เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับอ่อนในปี 2016 ด้วยวัย 69 ปี แต่ก่อนหน้านั้น เขาก็เข้ารับการรักษามะเร็งต่อมลูกหมากมาแล้วในปี 2006 ซึ่งตอนนั้นล่ะ ที่เขาคิดว่าเขาจะไม่สามารถกลับไปรับบท เซเวอรัส สเนป ใน Harry Potter and the Order of the Phoenix (2007) หนังภาคที่ 5 ได้ แต่ในที่สุดเขาก็ออกจากโรงพยาบาลได้ทัน หลังพักฟื้นไม่กี่สัปดาห์ ริกแมนก็ตัดสินใจกลับเข้ากองถ่ายเป็น เซเวอรัส สเนป ต่อจนจบทั้ง 8 ภาค

ในฐานะแฟน ๆ ของ Harry Potter ได้รับรู้เรื่องราวนี้ก็ยิ่งรู้สึกซาบซึ้งกับความอุตสาหะ มุ่งมั่นของ อลัน ริกแมน ที่สานต่อบทบาท เซเวอรัส สเนป ได้จนจบ ไม่เช่นนั้นแฟรนไชส์ Harry Potter ก็จะออกไม่สมบูรณ์เช่นนี้ เพราะไม่น่าจะมีใครมาแทนที่บทบาท เซเวอรัส สเนป ได้สมบูรณ์เท่าเขาอีกแล้ว เพราะนี่คือตัวละครสำคัญที่มีผลต่อใจความสำคัญของเรื่องราวอย่างมาก ยิ่งกว่าบทบาท อัลบัส ดัมเบิลดอร์ แม้จะเปลี่ยนตัวนักแสดงจาก ริชาร์ด แฮร์ริส ที่เสียชีวิตไปหลังหนังภาค 2 มาเป็น ไมเคิล แกมบอน ในภาค 3 ก็ยังดูไม่ผิดสังเกตมากมายนัก เพราะยังซ่อนใบหน้าไว้ภายใต้แว่นกลม หมวกทรงสูง และหนวดเคราที่รุงรังได้

ที่มา