One Piece Film Gold นับเป็นอนิเมชั่นฉบับฉายโรงลำดับที่ 13 ของซีรีส์นี้ ซึ่งหนังโรงของมังงะเรื่องนี้ได้เข้ามาฉายในไทยอยู่แค่ไม่กี่ภาค เท่าที่นึกออกมีภาค 10 ตอน One Piece Film: Strong World (2009) ภาค 11 ตอน One Piece 3D: Straw Hat Chase และภาค 12 ตอน One Piece Film: Z (2012) 

ซึ่งในภาค 13 นี้พิเศษตรง นอกจากจะนำเข้ามาฉายโรงที่ปกติเข้าไทยยากมากๆๆๆ แล้วยังฉายหลังจากญี่ปุ่นเพียงเดือนเดียวเท่านั้น ปกติรอกันไปครึ่งปีถึงหนึ่งปีนู่นเลยนะ นี่ก็คงยืนยันความสำเร็จและความนิยมในไทยได้เป็นอย่างดี ส่วนที่ญี่ปุ่นและระดับโลกนี่คงไม่ต้องพูดถึงแล้วมั้ง เรื่องนี้ดังมากขนาดโอลิมปิกเกมที่ญี่ปุ่นในอีก 4 ปีข้างหน้าได้ประกาศให้เป็น 1 ในเหล่าทูตวัฒนธรรมที่จะใช้สำหรับการโปรโมทด้วย ว้าววว!

One_Piece_Film_Gold

หนังโรงในภาคนี้ได้ผู้กำกับอย่าง Hiroaki Miyamoto มากำกับ เขาเคยทำทีวีซีรีส์ของมังงะชุดนี้ 2 ตอน แล้วก็มีหนังฉายทีวีเรื่อง Dream 9 ที่รวมเหล่าพระเอกจาก ดราก้อนบอล วันพีซ และโทริโกะ มารวมทีมกัน เรียกว่าผลงานไม่มากนักแต่ในเมื่อได้รับความไว้ใจให้ทำหนังโรงได้ก็คงมีวิสัยทัศน์ที่ไม่ธรรมดาเลยล่ะ ด้านเนื้อเรื่องและการดีไซน์ตัวละครก็ยังได้ อ.อิจิโระ โอดะ ผู้ให้กำเนิดมังงะมาช่วยเขียน ร่วมกับ Tsutomu Kuroiwa ที่มีผลงานน่าสนใจจากทีวีดราม่าหลายต่อหลายเรื่อง ในขณะที่หนังโรงก็มีผลงานดีๆอย่าง Liar Game: Final Stage (2010) และอีกเรื่องที่ผมติดตามข่าวรอชมอยู่เช่นกัน กับอนิเมชั่นเรื่อง Gantz: O ที่จะเข้าฉายที่ญี่ปุ่นตุลาคมนี้ด้วย แม้จะเป็นหน้าใหม่สำหรับหนังโรงอยู่หลายคนแต่บอกเลยว่าตัวหนังนั้นทำออกมาได้ดีมากทีเดียว

ภาค Gold นี้เล่าถึง กลุ่มโจรสลัดหมวกฟางที่แฟนๆรู้จักกันดี หรือหากใครเพิ่งมารู้จักมังงะเรื่องนี้เลยก็มีการเกริ่นชื่อและความสามารถสั้นๆในตอนต้น ทั้งกัปตันหมวกฟางลูกผู้ชายสายโชเน็นแท้ๆลูฟี่ นักดาบสุดเข้มขรึมโซโล ต้นหนสุดสวยนักขโมยสมบัตินามิ พลยิงจอมโกหกอุซุป พ่อครัวจอมเจ้าชู้ซันจิ นักประวัติศาสตร์สาวโรบิน กวางแพทย์ช็อปเปอร์  ไซบอร์คนักประดิษฐ์แฟร้งกี้ และนักดนตรีโครงกระดูกบรู๊ค ตรงนี้ก็พอรู้จักคร่าวๆติดตามเนื้อเรื่องไปได้ครับ เหล่าหมวกฟางต้องปะทะกับศัตรูที่ถูกขนานนามว่าเป็นจักรพรรดิทองคำผู้มีพลังควบคุมทองได้ ชื่อ กิลด์ เทโซโร่ เขาสร้างประเทศคาสิโนลอยน้ำบนเรือขนาดมหึมากลางทะเลนาม กรัน เทโซโร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่รัฐบาลโลกไม่กล้าแตะต้อง และคอยหลอกล่อเหล่าผู้คนและโจรสลัดให้มาเล่นพนันจนหมดตัวเพื่อความบันเทิงส่วนตัวอยู่เสมอ

กิลด์ เทโซโร ตัวร้ายผู้มีพลังอันร้ายกาจ ความเจ้าเล่ห์ และอดีตอันขมขื่น

กิลด์ เทโซโร ตัวร้ายผู้มีพลังอันร้ายกาจ ความเจ้าเล่ห์ และอดีตอันขมขื่น

เนื้อหาของตัววันพีซนั้นโดยปกติก็จะง่ายๆ เป็นเรื่องของฮีโร่ที่เข้ามาจัดการกับเหล่าวายร้าย เรียกว่าเด็กๆเข้าใจได้ไม่ยากเลยครับ แต่ที่เด่นขึ้นมาในภาคนี้เห็นจะเป็น การที่หนังใช้แนววางแผนโจรกรรมสมบัติเข้ามาด้วย ซึ่งมักจะมีการหักเหลี่ยมซ้อนแผนกันไปมา ตรงนี้ทำให้หนังต่างจากภาคก่อนๆและน่าสนใจขึ้นมากกว่าฉากแอ็กชั่นรัวๆอย่างที่เคยทำครับ การเปิดตัววายร้ายนั้นก็ทำได้น่าสนใจด้วยธีมความเป็นคาสิโน เราจะได้เห็นความรวยล้นฟ้า เมืองทองคำยักษ์ที่มีผู้คนแบบหลากหลายอาศัยอยู่อย่างสนุกสนานตลอด 24 ชั่วโมงไม่มีการหยุดพัก ละอองทองที่โปรยปรายราวกับหิมะ ความมั่งคั่งที่เห็นแสดงถึงพลังอำนาจของวายร้ายได้โดยไม่ต้องมีฉากโชว์พลังระเบิดระเบ้ออะไรเลยครับ ยิ่งการเดินเรื่องแบบให้ทีมพระเอกเพลี่ยงพล้ำไปก่อนก็ยิ่งทำให้หนังน่าติดตามมากๆเลยครับ

และส่วนสำคัญมากๆ คือการดีไซน์คาแรกเตอร์ต่างๆในเรื่อง ทั้งฝั่งพระเอกที่ทั้งฮาและเท่ซึ่งเรารู้จักกันดีแล้ว และฝั่งตัวร้ายที่มีพลังและนิสัยโดดเด่นชัดเจน มีความหลังที่น่าสนใจจนทำให้เราทั้งเกลียดและสงสารได้ อีกทั้งเหล่าตัวประกอบที่เข้ามาแจมตลอดเรื่องยังส่งเสริมเรื่องราวให้ทั้งฮาและซึ้งขึ้นมากครับ ต้องยอมรับในฝีมือการสร้างตัวละครของอ.โอดะแกจริงๆ ในหนังมีตัวละครที่อยู่ในเนื้อเรื่องเชื่อมโยงกับมังงะนิดหน่อย คนที่ดูหนังเรื่องนี้โดยไม่เคยอ่านอาจจะมีงงๆนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้เป็นพาร์ทสำคัญของเรื่องครับ สำหรับแฟนๆมังงะก็คงปรีเปรมย์ไป เนื้อเรื่องน่าจะเกิดขึ้นหลังเหตุการณ์ปราบโดฟลามิงโก้แล้ว แต่ไม่น่าจะก่อนเข้าภาคบิ๊กมัมครับ เพราะซันจิยังอยู่บนเรือ หรืออาจจะมองว่าเป็นอีกเรื่องราวไปเลยก็เข้าใจง่ายกว่าครับ

ลูกทีมฝั่งแก๊งหมวกฟาง

ลูกทีมฝั่งแก๊งหมวกฟาง

ลูกทีมฝั่งวายร้าย

ลูกทีมฝั่งวายร้าย

ด้านภาพและการทำอนิเมชั่น ต้องบอกว่าใช้เทคนิค 2 มิติ กับ 3 มิติผสมกันได้ลงตัวมากๆครับ โดยเฉพาะฉากเปิดที่อลังการงานสร้างมากๆ และที่ประทับใจผมเลย คือทีมงานตั้งใจทำมากครับ ฉากที่สุกเอาเผากินซึ่งมักจะเห็นบ่อยๆในอนิเมชั่นเรื่องนี้มีน้อยมาก ยิ่งฉากต่อสู้ในตอนท้ายก็ทำออกมาได้สนุกและยิ่งใหญ่สมกับเป็นฉบับโรงหนังที่ห่างหายจากภาคก่อนไปถึง 3 ปี และเป็นหนังฉลองครบรอบ 15 ปีของวันพีซฟิล์มจริงๆครับ

มาพูดถึงฉบับพากย์ไทยสักเล็กน้อย เพราะคงเป็นประเด็นที่หลายๆคนคงเห็นผ่านสื่อออนไลน์หลายที่ ที่ไม่ค่อยประทับใจการให้เสียง กิลด์ เทโซโร ของ ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ ตรงนี้หลังจากที่ซันนี่ไปอัดเสียงแก้ถึง 3 รอบเพื่อให้งานดีขึ้น ก็ยอมรับครับว่าโอเคพอสมควร ถึงจะโดยเนื้อเสียงเขาจะไม่เข้ากับรูปลักษณ์เทโซโรที่ อ.โอดะ ออกแบบมาก็เถอะ ตรงนี้ดูๆไปก็ลื่นไหลลืมไปเอง ก็น่าสงสัยเหมือนกันว่าถ้าไม่มีดราม่าขึ้นมา ทีมที่ตรวจคุณภาพเสียงฉบับภาษาไทยจะไม่รู้สึกเลยเชียวเหรอว่ามันไม่เข้ากัน ก็ไม่รู้ว่ามีอะไรเบื้องหลังไหมนะครับ แต่ผลลัพธ์ก็ออกมาดีพอเลยล่ะ ตรงนี้เลือกฉบับพากย์ไทยดูเลย ไม่ใช่เพียงเพื่อพิสูจน์ฝีมือซันนี่เท่านั้น แต่ยังเป็นอีกครั้งที่เราจะได้ฟังเสียง น้าต๋อย เซมเบ้ ที่คุ้นเคยแต่เด็กหลังจากแกเข้ารับการรักษาตัวจนดีขึ้นแล้ว อันนี้อยากไปให้กำลังใจแกด้วยน่ะครับ ซึ่งต้องบอกเลยว่าเป็นผลงานให้เสียงที่คุ้มค่าการรับชมมากครับ

c1X1cG2

สรุป

หนังดูง่ายเพลิดเพลิน มีความซับซ้อนพอหอมปากหอมคอ และที่สำคัญคุณภาพสูงเอามากๆสำหรับซีรีส์นี้ครับ ดูจบฮึกเหิมแบบสมัยเด็กๆเลย ว่าการสู้เพื่อความฝันและอิสรภาพนั้นมันเท่ขนาดไหน ฉากชั้นจะไม่ถอดใจนี่ตรึงใจมากครับ เหมาะสุดๆสำหรับแฟนๆมังงะ และสายโชเน็นเลยครับ

Play video