[รีวิว] Free Solo: ไม่มีใครที่ควรต้องสู้ หรือเศร้าเพียงลำพัง
Our score
9.3

Free Solo

จุดเด่น

  1. สารคดีออสการ์ที่ได้เข้าโรงฉายมีไม่มาก และนี่คือโคตรโอกาสดีๆ
  2. หนังเหมาะกับการฉายโรงมาก เพราะถ่ายทำบนหน้าผาที่ได้จอใหญ่ๆขยายความรู้สึกร่วมได้ดี
  3. ได้แง่คิด แง่มุมชีวิตที่น่าสนใจ
  4. การได้เห็นเบื้องหลังการถ่ายทำการปีนหน้าผาก็น่าตื่นเต้นไม่แพ้กันเลย

จุดสังเกต

  1. ไม่เหมาะกับคนกลัวความสูง
  • ความน่าสนใจของซับเจ็กต์สารคดี

    9.5

  • วิธีการเล่าเรื่องสารคดี

    9.5

  • ความยากในการถ่ายทำ

    9.5

  • แง่คิด แง่มุมที่ให้กับผู้ชม

    9.5

  • ความคุ้มค่า

    8.5

Free Solo หรือชื่อไทย ระห่ำสุดฟ้า คือเจ้าของรางวัลออสการ์ภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยมปี 2019 ผลงานล่าสุดของ เอลิซาเบธ ไช และ จิมมี่ ชิน คู่คนทำหนัง-ช่างภาพที่เคยสร้างความฮือฮาสะเทือนโลกมาแล้วด้วยหนังสารคดีกวาดรางวัลเรื่อง Meru คราวนี้ทั้งคู่กลับมาพร้อมท่ายากกว่าเดิมและระทึกกว่าเดิม ด้วยการถือกล้องติดตามการผจญภัยเสี่ยงตายครั้งยิ่งใหญ่ของ อเล็กซ์ ฮอนโนลด์ หนุ่มนักปีนเขาฟรีโซโล่วัย 33 ปีที่กำลังเตรียมพิชิตความฝันอันเหลือเชื่อ นั่นคือ การปีน เอล แคพพิทัน (El Capitan) หน้าผาหินแกรนิตสูงชัน 3,200 ฟุตในอุทยานแห่งชาติโยเซมิตี โดยไร้ซึ่งอุปกรณ์ช่วยใด ๆ นอกจากสองมือเปล่า!

เหมือนคนทำหนังรู้หัวใจของคนดู เวลาที่เราดูหนังหรือสารคดีแบบมืออาชีพจะทำอะไรสักอย่าง เราจะมีความรู้สึกแบบ อ่อใช่สิเขามันมืออาชีพไง มันน่าจะเป็นเรื่องยากแบบตึงมือนิด ๆ แต่ไม่ถึงกับเป็นไปไม่ได้หรอก ตรงนี้คนทำหนังก็เข้ามาเล่าอย่างเป็นลำดับ เขาใส่บทสัมภาษณ์อเล็กซ์ในอดีตเวลามีคนถามถึงเอลแคพพิทัน อเล็กซ์ก็จะบ่ายเบี่ยงเสมอด้วยเหตุผลว่ามันน่ากลัวไป คำถามต่อมาการปีนแบบไม่มีอุปกรณ์ช่วยชีวิตกระทบกับความสัมพันธ์ในชีวิตจริงหรือเปล่า อเล็กซ์ก็แสดงทัศนคติของเขาอย่างชัดเจนว่าการปีนสำคัญกว่าผู้หญิงอย่างแน่นอน อย่างน้อยก็ตอนนี้

จิมมี่ ชิน หนึ่งในผู้กำกับ กับ อเล็กซ์ ฮอลโนลด์ บนยอดของเอลแคพพิทัน

สองส่วนนี้เป็นหมากที่คนทำหนังวางในสมองเราไปแล้ว ว่าอเล็กซ์ไม่ใช่คนโง่เขากล้าในส่วนที่มันควรกล้า แต่ไม่ใช่รู้ว่าไปตายก็ยังจะไป และเอลแคฟฟิทันอยู่ในหมวดตัวร้ายของหนังแบบที่ฮีโร่ยังเลี่ยงจะปะทะซึ่งหน้า คือมันน่ากลัวขนาดนั้น และอีกประการคือเขาไม่มีภาระติดพันพ่อเขาตายแล้วเขาใช้ชีวิตลำพังกับการปีนเขามา 9 ปี เขาไม่มีอะไรต้องเสีย ถึงจะมีแฟนแต่ก็อาจยังไม่ลึกซึ้งพอที่จะเป็นห่วงรั้งดึงเขาออกจากความฝัน แต่อย่างไรก็ตาม คำว่าอย่างน้อยในตอนนี้ ก็สะท้อนให้เห็นว่าถ้าเขาเจอคนที่ใช่มาก ๆ เขาอาจกลัวตายมากขึ้นก็ได้

หนังวางหมากต่อมาได้สุดยอดขึ้นไปอีก เมื่อสัมภาษณ์อเล็กซ์ที่กำลังมองเอลแคพพิทันว่ามันคือความเสี่ยงระดับไหน อเล็กซ์ตอบว่าเขากลัวทุกครั้งที่มองมัน แม้จะปีนแบบมีอุปกรณ์มาแล้วเป็น 10 รอบแต่ก็ไม่ทำให้เขารู้สึกมั่นใจสักครั้งที่จะปีนมือเปล่า เขาถึงขนาดบอกว่า มันอาจไม่ใช่โชคชะตาของเขา อาจต้องเป็นคนที่ไม่มีอะไรจะเสียจริง ๆ หรืออาจต้องเป็นรุ่นต่อไปที่จะทำมันแทน

ภาพของเอลแคพพิทันค่อย ๆ ขยายความยิ่งใหญ่และน่ากลัวขึ้น ยิ่งเมื่อผู้เชี่ยวชาญระดับโลกด้านการปีนผามาถกกันในจุดอันตรายต่าง ๆ ของเอลแคพพิทัน คำเปรียบเปรยที่บอกว่าการปีนมือเปล่าที่นี่คือการได้เหรียญทองโอลิมปิคต่างแค่ถ้าคุณไม่ได้เหรียญทอง ก็คือคุณตาย มีแค่สองทางแค่นั้นเลย

หมากที่วางกันต่อ ๆ แบบไม่ยั้งก็อัดมาอีก ทั้งภาพปัจจุบันที่อเล็กซ์กับแฟนสาวของเขากำลังสร้างชีวิตคู่ ที่ทำให้เรารู้สึกว่านี่ล่ะ แกไม่ใช่คนที่ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว และทีมงานถ่ายทำทั้งหมดต่างแสดงความเป็นห่วงและเหมือนอยากให้เขาเปลี่ยนใจมากกว่าจะดึงดันทำสารคดีนี้ต่อไป (เพราะมันอาจไม่คุ้มกัน) ตรงนี้ยังเป็นหมากที่ทำให้เรารู้สึกว่านี่เป็นหนังสารคดีที่คนทำหนังไม่ได้เข้าไปเปลี่ยนแปลงความจริงใด ๆ ของผู้ถูกถ่ายทำด้วย

มา ณ จุดนี้เราก็สัมผัสได้เองว่า อ่าใช่แล้ว ถึงจะมืออาชีพ ถึงจะเตรียมตัวดีขนาดไหนก็เถอะนะ แต่เอลแคพพิทัน มันอาจจะเป็นอุปสรรคที่ใหญ่เกินไปที่จะชนะด้วยตัวคนเดียวก็ได้

ลองนึกภาพธานอสสวมเกราะเต็ม แล้วโทนี่ สตาร์ค จะลุยมือเปล่าไม่มีชุดเกราะดูสิ หนังคง Endgame ตั้งแต่ฉากแรกแน่นอน

การถ่ายทำอันยอดเยี่ยม คือเครื่องปรุงพิเศษให้ฉากการรบกับเอลแคพพิทันนี้ เราได้ร่วมลุ้นในทุกจังหวะ ขณะจิต ภาพโคลสอัปตามนิ้วมือที่เกาะขอบหินบาง ๆ หรือปลายเท่าที่จิกเข้าหลุมตื้น ๆ เพียงไม่กี่เซ็น ทำเอาหัวใจจะวาย พอประกอบกับภาพกว้างที่เราเห็นความสูงของหน้าผามันก็เร่งอะดรีนาลีนเราท่วมท้นไปพร้อมกับอเล็กซ์ นี่คือจุดสำคัญที่ว่าทำไมประสบการณ์การรับชมหนังสารคดีเรื่องนี้ที่ถูกต้องควรเกิดขึ้นในโรงภาพยนตร์เท่านั้น ต้องบอกว่าบางฉากนี่ลุ้นจนเหงื่อออกมือจริง ๆ แค่คิดตามก็ต้องชื่นชมในความประสาทแข็งและสติเปี่ยมล้นของอเล็กซ์จริง ๆ

สุดท้ายนี้คงต้องบอกว่า นี่คือหนังสารคดีที่จับต่อมจับจุดประสาทความรู้สึก และที่สำคัญจับหัวใจ เราได้อย่างฉกาจ มันอาจให้อะไรเรามากกว่าที่คิด มากกว่าแค่ชายคนหนึ่งที่ปีนหน้าผาแล้วเอาชนะมัน แต่ตลอดการชมมันทำให้เราตั้งคำถามถึงสิ่งต่าง ๆ รอบ ๆ ตัวเรา สิ่งที่เราทำได้ยังไม่ดีพอ หรือผู้คนที่เรายังคิดถึงเขาไม่มากพอ เหมือนฉากที่ทอมมี่ เทรนนิ่งหรือครูของอเล็กซ์ถามเขาว่า ในสมุดบันทึกการปีนผาของนาย ควรมีเรื่องราวอย่าง วันนี้ฉันเจอต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุด ตอนที่ถึงแง่นหินนี้ฉันนึกถึงหมาของฉัน หรือคิดถึงแม่ของฉัน เพราะเราต่างก็ใช้ชีวิตเพื่อสิ่งเหล่านี้มากพอ ๆ กับเป้าหมายหรือความฝัน ชีวิตเป็นอะไรมากกว่ากิจกรรม แต่คือความทรงจำและความสุขดื่มด่ำกับโลกใบนี้ อเล็กซ์อาจจะทำ Free Solo แต่เขาก็ไม่ได้โดดเดี่ยวจริง ๆ มันมีมือที่มองไม่เห็นอีกมากมายที่ผลักดันเขาขึ้นไป และมันสำคัญที่เราจะตระหนักถึง บางทีเขาอาจทำไม่สำเร็จถ้าเขาไม่มีแฟนสาวอยู่เคียงข้าง

ไม่รู้สิระหว่างดูผมสัมผัสถึงคนที่ท้อแท้ในชีวิต คนที่กำลังคิดสั้น คนที่สู้กับอะไรสักอย่างและกำลังแพ้ แพ้เพราะเขารู้สึกสู้อยู่ลำพัง ทำลายตัวเองไปก็ไม่มีใครจะรู้สึกเศร้าเสียใจ บางทีการดูหนังเรื่องนี้อาจฉุกคิดบางอย่างได้เหมือนกันว่า เราไม่ได้ฟรีโซโล่หรอกแม้บางอย่างเราจะต้องทำเพียงลำพังก็ตาม และถ้าเรามีคนข้างเคียงที่เขากำลังฟรีโซโล่ในชีวิตอยู่ การเป็นมือที่มองไม่เห็นให้เขาก็สำคัญมาก ๆ เช่นกัน

เรา ไม่มีใครที่ควรต้องสู้ หรือเศร้าเพียงลำพัง เพราะชัยชนะที่สมบูรณ์แบบคือการที่ได้ฉลองชัยชนะร่วมกับใครสักคน

หนังเข้าฉายแบบจำกัดโรง และสมควรได้รับการชมจากจอใหญ่ ๆ ที่ให้อารมณ์การต่อสู้กับหน้าผาได้สมบูรณ์แบบ โดยสามารถดูรอบซื้อตั๋วได้ที่นี่เลย https://www.sfcinemacity.com/showtime/movie/HO00000510