สำหรับคอหนังสยองขวัญต่างรู้จักกิตติศัพท์ของ สตีเฟน คิง (Stephen King)กันเป็นอย่างดี ในฐานะนักเขียนนิยายแนวสยองขวัญระดับปรมาจารย์ หรืออาจจะเรียกว่าระดับท็อปสุดของโลกก็ดูจะไม่เกินไปนัก เพราะนับถึงปัจจุบันมีนิยายของคิงที่ถูกตีพิมพ์แล้ว 62 เรื่อง และอีกกว่า 200 เรื่องสั้น มีหนังที่ดัดแปลงมาจากนิยายของคิงแล้ว 34 เรื่อง และถ้าเรื่องไหนสตีเฟน คิง พึงพอใจกับบทภาพยนตร์ เขาก็จะยินดีไปโผล่เป็นแขกรับเชิญในหนัง เรียกได้ว่าสร้างธรรมเนียม Cameo ในหนังก่อนหน้า แสตน ลี เสียอีก

แม้ว่าตัวเขาจะอยู่ในฐานะเจ้าพ่อนิยายสยองขวัญแต่คิงเองก็ยังพิสมัยในการชมหนังสยองขวัญด้วยเช่นกัน ในระหว่างที่สตีเฟน คิง ไปให้สัมภาษณ์กับ Dread Central คิงก็เผยเรื่องราวน่าสนใจออกมาว่า มันมีหนังสยองขวัญอยู่เรื่องหนึ่งที่เขาทนดูจนจบไม่ได้ และเรื่องนั้นก็คือ ‘The Blair Witch Project’ หนึ่งในหนังสยองขวัญสร้างปรากฏการณ์ในยุค 90s ที่คิงยอมรับว่าเขาต้องกดปิดตั้งแต่กลางเรื่องเพราะเขารู้สึกว่ามันหนักหนาสำหรับเขาเกินไป

“ครั้งแรกที่ผมได้ดู The Blair Witch Project ตอนนั้นผมนอนอยู่ในโรงบาล กำลังมึนยาที่พยาบาลให้อยู่เลย แล้วลูกชายผมก็เข้ามาหา เขาเอาวิดีโอเทปเรื่องนี้มา แล้วก็บอกผมว่า ‘พ่อต้องดูเรื่องนี้ะ’ หลังจากผ่านไปครึ่งเรื่องผมก็บอกเขา ‘ปิดเหอะนะ มันประหลาดเกินไป’ “

ปฏิกิริยาที่คิงมีต่อหนัง The Blair Witch Project ก็ถือว่าไม่ได้แตกต่างไปจากหลาย ๆ คนที่ได้ดูเรื่องนี้ครั้งแรก ด้วยความแปลกใหม่ในการนำเสนอในวันนั้นที่ทำเอาหลายคนเวียนหัวกับภาพที่ส่ายไปมาของหนัง และทำให้ The Blair Witch Project กลายเป็นต้นกำเนิดของหนังในแนว ‘Found Footage’ คือการสร้างหนังที่จำลองภาพจากโฮมวิดีโอที่เหมือนมือสมัครเล่นถ่ายกันเอง ทำให้ภาพมีความสั่นไหว ส่ายไปมา หลุดโฟกัสแทบทั้งเรื่อง อย่างในเรื่อง The Blair Witch Project ก็จำลองเหตุการณ์ว่า กลุ่มนักศึกษาภาพยนตร์ชวนกันเข้าไปในป่าแบล็กฮิลล์ เมืองเบอร์กิตต์วิลล์ ในรัฐแมรรี่แลนด์ เมื่อปี 1994 เพื่อถ่ายทำสารคดีที่มีตำนานร่ำลือว่าในป่าแห่งนี้มีแม่มดที่ชื่อว่า แบลร์วิตช์

หนังจำลองเหตุการณ์เสมือนจริง มีการทำข่าวหลอกลงตามเว็บไซต์ ว่าเหตุการณ์ที่กลุ่มนักเรียนเหล่านี้หายตัวไปเป็นเหตุการณ์จริง แล้วก็มีคนมาพบเทปวิดีโอของนักศึกษาเหล่านี้หลังพวกเขาหายตัวไปแล้ว 1 ปี แต่ท่ามกลางภาพที่สั่นไหว แทนสายตาคนถ่ายวิดีโอ ก็มีข้อดีที่ทำให้ The Blair Witch Project กลายเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงกันมากนั่นก็เพราะความเสมือนจริง หนังสามารถดึงเอาผู้ชมเข้าไปอยู่ร่วมในเหตุการณ์นั้นด้วยได้ และทำให้ The Blair Witch Project กลายเป็นหนังที่จุดกระแสให้เกิดหนัง Found Footage ตามามาอีกมากมายจนถึงทุกวันนี้ ที่ดัง ๆ ก็อย่างเช่น Paranormal Activity series และ Cloverfield ส่วนใครที่ชื่นชอบหนังในแนวนี้ ในปีนี้ก็จะมี Dwellers ให้ได้ชมกันทาง Netflix เดือนตุลาคมนี้

ส่วนแฟน ๆ ของสตีเฟน คิง ก็คอยติดตามชม Firestarter อีกหนึ่งหนังฮิตในอดีตเมื่อปี 1984 ของสตีเฟน คิง ในครั้งแรกนั้น ดรูว์ แบร์รี่มอร์ (Drew Barrymore) ที่ยังเป็นหนูน้อยน่ารักอยู่ก็มารับบทนำในเรื่องนี้ ส่วนเวอร์ชันใหม่นี้ก็ได้ แซก เอฟรอน (Zack Efron)มาเป็นชื่อขายเรียกคนดู หนังยังไม่ประกาศกำหนดฉาย แต่อาจจะได้ดูกันในปีนี้ล่ะ

อ้างอิง