เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้หลายคนไม่ได้ไปเที่ยวในวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ไม่เพียงเท่านั้น เรายังไม่สามารถไปเที่ยวต่างประเทศได้เป็นระยะเวลากว่า 1 ปีแล้ว ในบทความนี้จะเป็นการพาผู้อ่านไปเที่ยวทิพย์ โดยการชมภาพ 10 สถานที่มหัศจรรย์ทางธรรมชาติของโลก

  1. ฝั่งทะเลจูราสสิก (Jurassic Coast) – สหราชอาณาจักร
แหล่งที่มา: Getty Images

มรดกโลกบนชายฝั่งช่องแคบอังกฤษทางตอนใต้ ถูกค้นพบในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 มีมรดกโลกที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน 185 ล้านปี มีการค้นพบซากฟอสซิล ซึ่งเกิดจากซากพืชหรือสัตว์ที่ถูกเก็บรักษาไว้โดยธรรมชาติในชั้นหินเปลือกโลกเป็นเวลาหลายพันปีเป็นจำนวนมาก

2. อ่าวฮาลอง (Ha Long Bay) – เวียดนาม

แหล่งที่มา: Getty Images

อ่าวแห่งหนึ่งในพื้นที่ของอ่าวตังเกี๋ยทางตอนเหนือของประเทศเวียดนาม มีเกาะหินปูนเกือบ 2,000 เกาะที่โผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำ ซึ่งใช้เวลาในการก่อตัวกว่า 500 ล้านปี ทำให้มีความหนากว่า 1,000 เมตร ภายในเกาะเหล่านี้จะมีถ้ำหินงอกหินย้อยที่มีความสวยงามตามธรรมชาติ เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของเวียดนาม

3. อุทยานแห่งชาติโกโมโด (Komodo Island) – อินโดนีเซีย

แหล่งที่มา: Getty Images

โด่งดังเพราะมีสัตว์เฉพาะถิ่นอย่างมังกรโกโมโด ซึ่งเป็นสัตว์เลื้อยคลานจำพวกกิ้งก่าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่มีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน ที่เกาะแห่งนี้หากไม่รวมมนุษย์แล้วมังกรโกโมโดถือเป็นผู้ที่อยู่จุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร อุทยานแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก โดยนักท่องเที่ยวมักจะมาดำน้ำที่เกาะแห่งนี้ เพราะมีความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเลสูง

4. ปามุกกาเล (Pamukkale) – ตุรกี

แหล่งที่มา: Getty Images

ปามุกกาลี ในภาษาตุรกี หมายถึง ปราสาทปุยฝ้าย ซึ่งตั้งชื่อตามลักษณะภูมิศาสตร์จากปรากฏการณ์ที่ตะกอนหินปูนทำปฏิกิริยากับอากาศจนจับตัวแข็งเป็นแอ่ง โดยมีลักษณะเป็นน้ำตกหินปูนสีขาวที่เกิดจากธารน้ำใต้ดินอุณหภูมิประมาณ 35 องศาเซลเซียส ที่อยู่ลึกลงไปประมาณ 320 เมตรใต้พื้นดิน

5.ทะเลสาบพีโต (Peyto Lake) – แคนาดา

แหล่งที่มา: Getty Images

ทะเลสาบพีโต ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติแบมฟ์ ท่ามกลางเทือกเขาร็อกกี ที่ระดับความสูง 1,860 เมตร ครอบคลุมสองพรมแดนระหว่างรัฐบริติชโคลัมเบียของแคนาดา ไปจนถึงรัฐนิวเม็กซิโกในสหรัฐอเมริกา เป็นทะเลสาบที่มีน้ำสีเทอร์คอยส์ อันเป็นเอกลักษณ์ของทะเลสาบแห่งนี้ ซึ่งเกิดจากตะกอนของหินจากภูเขาที่ถูกชะล้างลงใต้ทะเลสาบ ตะกอนของหินดังกล่าวจะสะท้อนแสงสีฟ้าออกมา ทำให้เราเห็นน้ำในทะเลสาบเป็นสีเทอร์คอยส์ที่มีความงดงาม

6. ธารน้ำแข็งเปริโต โมเรโน (Perito Moreno Glacier) – อาร์เจนตินา

แหล่งที่มา: Getty Images

ในขณะที่ธารน้ำแข็งที่ภูมิภาคนี้กำลังละลายอย่างรวดเร็ว ธารน้ำแข็งเปริโต โมเรโน กลับไม่ได้เปลี่ยนไปจาก 100 ปีที่ผ่านมา ธารน้ำแข็งแห่งนี้เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวไปเยือนมากที่สุด และมีความงดงามจนองค์การยูเนสโก ยกให้เป็นมรดกของโลก ในปี ค.ศ. 1981 ธารน้ำแข็งเปริโต โมเรโนมีขนาดความกว้าง 5 กิโลเมตร และมีความสูงเฉลี่ย 74 เมตร จากระดับผิวน้ำ

7. ซาลาร์ เดอ อูยูนี (Salar De Uyuni) – โบลิเวีย

แหล่งที่มา: Getty Images

ทะเลเกลือที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของโบลิเวีย ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 10,300 ตารางกิโลเมตร สูงจากระดับน้ำทะเล 3,660 เมตร พื้นดินถูกปกคลุมด้วยผลึกเกลือ ที่เกิดจากการเหือดแห้งของทะเลสาบน้ำเค็มในอดีต ในช่วงฤดูฝน (ธันวาคม – เมษายน) จะมีผืนน้ำปกคลุมผลึกเกลือ เกิดเป็นทิวทัศน์กระจกผืนยักษ์กว้างสุดลูกหูลูกตาที่สะท้อนท้องฟ้าอย่างสมบูรณ์

8. มัลดีฟส์ (Maldives)

แหล่งที่มา: Getty Images

มัลดีฟประกอบด้วยเกาะปะการังเล็ก ๆ ประมาณ 1,190 เกาะ ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอินเดียและศรีลังกา เกือบ 1,000 เกาะเป็นเกาะที่ไม่มีผู้อยู่อาศัย มีความโดนเด่นตรงที่ทรายของที่นี่เป็นทรายจากปะการังอ่อน แตกต่างจากทรายตามหมู่เกาะทั่วไปที่มีส่วนประกอบหลักคือ แร่ควอตซ์ กิจกรรมหลักของนักท่องเที่ยวคือ การดำน้ำ เพื่อดูปะการัง และความอุดมสมบูรณ์ของมหาสมุทรอินเดีย

9. น้ำตกวิกตอเรีย (Victoria Falls) – แอฟริกาใต้

แหล่งที่มา: Getty Images

หนึ่งในน้ำตกที่โด่งดังที่สุดในโลก เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่และสวยงามที่สุดในโลก มีความกว้างประมาณ 1,690 กิโลเมตร สูงประมาณ 60 – 100 เมตร ตั้งอยู่บริเวณรอยต่อของประเทศแซมเบีย และประเทศซิมบับเว น้ำตกแห่งนี้มีความยิ่งใหญ่ขนาดที่เราสามารถมองเห็นไอน้ำได้แม้จะอยู่ห่างออกไป 20 กิโลเมตร มีการแบ่งน้ำตกวิกตอเรียออกเป็น 4 ส่วนย่อย ได้แก่ น้ำตกปีศาจ น้ำตกหลัก น้ำตกสายรุ้ง และน้ำตกตะวันออก

10. เกรตแบร์ริเออร์รีฟ (Great Barrier Reef) – ออสเตรเลีย

แหล่งที่มา: Getty Images

แหล่งมรดกโลกโดยยูเนสโก เป็นพืดหินปะการังที่ยาวที่สุดในโลก มีแนวปะการังมากกว่า 2,900 แนว มีความยาวกว่า 2,000 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 345,000 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศออสเตรเลีย ประกอบด้วยทั้งปะการังชนิดอ่อน และชนิดแข็ง กว่า 350 ชนิด ฟองน้ำกว่า 10,000 ชนิด หอยกว่า 4,000 ชนิด และปลาอีกกว่า 1,500 ชนิด โดยมีการคาดการณ์ว่า นักดำน้ำจะต้องดำน้ำมากกว่า 1,000 ครั้ง จึงจะเห็นความงดงามของแนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลได้ครบถ้วน

อ้างอิง: LiveScience

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส