หลังข่าวที่น่าตกใจเกี่ยวกับการแตกหักของผู้กำกับ ไมก์ แฟลนาแกน (Mike Flanagan) กับคู่ธุรกิจที่ทำร่วมกันมาหลายเรื่องอย่าง Netflix อันเนื่องมาจากทางแฟลนาแกนสนใจหาความท้าทายใหม่ด้วยการเซ็นสัญญาข้ามค่ายผลิตงานให้กับแพลตฟอร์ม Prime Video ของ Amazon ด้วย นำมาซึ่งการพิจารณายกเลิกการผลิตซีซันต่อของ ‘The Midnight Club’ ซีรีส์เรื่องล่าสุดของแฟลานาแกนลง และแฟลนาแกนเองจึงเลือกนำพลอตสำหรับเรื่องราวที่ยังคั่งค้างอยู่ของซีรีส์มาเหลาหมดเปลือกลงในช่องทางส่วนตัวทันที เพื่อไม่ให้แฟน ๆ ค้างคาใจ รวมทั้งยังเป็นการตอบโต้และส่งสัญญาณไปทางอดีตคู่ธุรกิจด้วยว่าคงไม่มีโอกาสกลับมาทำซีซันต่อด้วยกันอีกแล้ว

The Midnight Club

และนี่คือเรื่องราวทั้งหมดจากปากของแฟลนาแกนที่จะเกิดขึ้นในซีซันที่ 2 ซึ่งแม้ว่าในตอนจบซีซันแรกเราก็รู้สึกว่ามันเล่าได้จบในตัวอยู่แล้วเช่นกัน แต่เท่าที่อ่านดูแล้วคงต้องบอกว่าเป็นการปิดฉากซีรีส์ที่งดงามมากเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว

ชะตากรรมของตัวละครที่เหลือ

โรงเรียนไบรท์คริฟฟ์เป็นบ้านพักของเด็กที่ป่วยด้วยโรคร้ายแรงระยะสุดท้าย พวกเขาแอบตั้งสมาคมลับเที่ยงคืนในห้องสมุดเพื่อแลกเปลี่ยนเรื่องเล่าสยองขวัญให้แก่กัน และในซีซันแรกอีลองกาคือเด็กคนล่าสุดที่เข้ามา เธอค้นพบเรื่องราวของลัทธิพารากอนที่ซุกซ่อนในโรงเรียนซึ่งเชื่อว่ามีวิธีเหนือธรรมชาติในการรักษาโรคที่เธอเป็นอยู่ได้ แต่แล้วก็กลายเป็นเรื่องร้ายแรงที่เกือบทำให้เพื่อนทุกคนเสี่ยงอันตราย

ในซีซันต่อมา อีลองกาจะพยายามกู้คืนความรู้สึกของเพื่อน ๆ ให้คนอื่นเชื่อใจเธออีกครั้ง หลังเรื่องราวในซีซันแรกที่เธอไปหลงเชื่อพวกลัทธิพารากอน ในอีกทางหนึ่งอีลองกาเองก็ผูกพันกับเควินแฟนสุดหล่อของเธอมากขึ้น แต่เธอเองก็รับรู้ว่าเวลาที่จะได้อยู่ร่วมกันของพวกเธอเองนั้นหดสั้นลงทุกที สิ่งเดียวที่พอทำได้เช่นเดียวกับที่เควินเคยทำให้เธอ คือเธอพยายามให้กำลังใจเขาผ่านเรื่องเล่าที่ชื่อ ‘Remember Me’ ว่าด้วยเด็กสาวที่ถูกฆาตกรรมและกลายเป็นวิญญาณที่พยายามชี้ทางให้ผู้อื่นสืบหาคนที่ฆ่าเธอ

The Midnight Club

เกร็ดเสริม: เรื่องราวใน ‘Remember Me’ จะมาจากนิยาย 3 เล่มจบตั้งแต่ปี 1989-1995 ของนักเขียน คริสโตเฟอร์ ไพก์ (Christopher Pike) นักเขียนที่เป็นแรงบันดาลใจให้แฟลนาแกนทำ ‘The Midnight Club’ ด้วย เรื่องราวในนิยายนั้นบอกเล่าเรื่องราวของเด็กสาวชื่อชารีที่ถูกฆ่าตาย และกลายเป็นวิญญาณที่พบกับปีเตอร์เพื่อนชายที่ฆ่าตัวตายไปก่อนหน้า ทั้งคู่จะหนีการตามล่าของเงาที่จะพาพวกเขาไปนรกจนเกิดความผูกพันกัน และอีกทางก็จะอาศัยกระดานผีถ้วยแก้วติดต่อกับเพื่อนที่ยังมีชีวิตเพื่อช่วยสืบหาความจริง เรื่องราวในเล่มต่อจะเป็นการได้โอกาสกลับมามีชีวิตใหม่ของชารีและปีเตอร์ในร่างของคนอื่นซึ่งพวกเขาจะจดจำอะไรก่อนหน้ารวมถึงกันและกันไม่ได้ นำไปสู่เรื่องราวที่ทั้งน่ากลัวและเจ็บปวดหัวใจ รวมถึงเรียนรู้คำว่ารักแท้ที่ไม่ยอมแพ้ต่อภพชาติด้วยซึ่งก็เหมาะดีกับที่อีลองกาพยายามปลอบใจเควินว่าเธอจะไม่ลืมเขา

The Midnight Club

แต่ในซีซันก่อนหน้าเราจะเห็นว่าเมื่อนักเรียนคนใดเป็นผู้เล่าเรื่องก็มักเอาตัวเองเป็นตัวเอกในเรื่องเล่านั้น ทว่าอีลองกาเล่าเรื่อง ‘Remember Me’ โดยให้อันยาเพื่อนที่ตายไปในซีซันแรกได้เป็นตัวนำแทนเธอ เป็นกุศโลบายที่แฟลนาแกนตั้งใจให้อีลองกาสื่อไปถึงเพื่อนที่ยังมีชีวิตอยู่ทุกคนว่าจะไม่มีใครถูกลืมเด็ดขาด และยังทำให้ผู้ชมยังได้เจอกับนักแสดงที่บทบาทสิ้นสุดลงไปแล้วอีกครั้งด้วย

The Midnight Club

ในขณะที่ความสัมพันธ์ของกลุ่มเริ่มคืนมา อาเมชเด็กหนุ่มเกมเมอร์ที่คบหากับนัตสึกิก็กำลังเผชิญหน้ากับความตายด้วยความกล้าหาญ หลังความเศร้าที่มีเพื่อนในสมาคมเที่ยงคืนจากไปอีกคน ก็บังเอิญมีเด็กคนใหม่เข้ามาที่โรงเรียนนี้ ซึ่งจะมาเป็นรูมเมตคนใหม่ของอีลองกาด้วย กลายเป็นว่าหลังผ่านการสูญเสียมามากมาย อีลองกาก็เลือกทำตัวเย็นชากับเด็กใหม่ไม่ต่างจากที่อันยาเคยทำกับเธอในตอนแรก อาจเพราะเธอกลัวความผูกพันและความเสียใจ แต่สุดท้ายพวกเธอก็จะสนิทกันและเด็กใหม่ก็จะได้เข้าสมาคมเที่ยงคืนในที่สุด

The Midnight Club

เกร็ดเสริม: ในช่วงนี้เชรีจอมโกหกจะเล่าเรื่องของเธอบ้าง แฟลนาแกนตั้งใจให้เป็นเรื่อง ‘Monster’ ของไพก์เช่นเดิม เนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับแองเจลาเด็กสาวมัธยมปลายที่ไปงานปาร์ตี้และพบว่าเพื่อนสนิทของเธอแมรีเอาปืนลูกซองมาไล่ยิงเพื่อน ๆ ทีมฟุตบอลทุกคน แมรีบอกเธอหลังจากถูกจับว่าต้องฆ่าเพราะพวกนั้นไม่ใช่คนอีกแล้ว ท้ายสุดแองเจลาก็จะไปคบกับแฟนของแมรีที่ถูกไล่ฆ่าเหมือนกัน และเธอก็ค่อย ๆ รับรู้ว่าเธอเองก็กำลังจะกลายเป็นบางอย่างที่อาจไม่ใช่คนเช่นกัน น่าสนใจว่าเรื่องเล่านี้อาจมาขับดันเรื่องในส่วนปมของเชรีที่รู้สึกว่าเธอกำลังเปิดใจให้กับคนอื่นเป็นก๊วนของเธอจริง ๆ หรือไม่ก็อาจสื่อถึงเด็กใหม่ที่เข้ามาและเริ่มกลมกลืนกับทุกคนก็ได้

The Midnight Club

ต่อมาถึงคราวนัตสึกิกลายมาเป็นคนถัดไปที่ตาย แต่เธอพร้อมแล้วหลังเห็นอาเมชจากไปอย่างไม่หวั่นกลัว ทว่าในเรื่องเศร้าที่เกิดขึ้นติดกันก็จะมีเรื่องดีเกิดขึ้น สเปนเซอร์เกย์หนุ่มผิวดำที่เป็นเอดส์ได้รับข่าวดี ในปลายยุค 90s (ช่วงธันวาคมปี 1995) เริ่มมีพัฒนาการของยาต้านไวรัสเอชไอวี และท้ายสุดสเปนซ์ก็ได้รัการพิจารณาให้ออกจากโรงเรียนนี้ไปใช้ชีวิตของเขาได้ ฉากการอำลาของเขาจะคล้ายกับตอนที่แซนดราในซีซันแรกที่ถูกวินิจฉัยโรคผิดและจะได้ออกไปจากโรงเรียนเช่นกัน

The Midnight Club

ในช่วงท้ายซีซันนี้ เควินจะจากไป และอีลองกาเองก็จะตายตามไปในไม่ช้าเช่นกัน สมาชิกดั้งเดิมของสมาคมเที่ยงคืนในซีซันแรกจะเหลือเพียงเชรีเท่านั้น เธอจะรับบทผู้นำในการเล่าเรื่องให้กับเด็กกลุ่มใหม่ที่เข้ามาสมาคมนี้ได้ฟัง

ปริศนาที่ผูกไว้ในซีซันแรกจะเผยออก

ในซีซันแรกจบลงที่การล่มสลายของสมาชิกลัทธิพารากอน และเราได้เห็นว่าแท้จริงผู้อำนวยการโรงเรียนอย่าง ดร.สแตนตัน นั้นก็มีรอยสักตราลัทธิเช่นกัน แถมยังเผยให้เห็นว่าเธอหัวโล้นแต่สวมวิกผมไว้อีกต่างหาก เรื่องราวจะเฉลยว่าเดิมเธอเคยชื่อ อาเธนา และเป็นลูกสาวของผู้ก่อตั้งลัทธิพารากอนที่ชื่ออาเซโซทำให้เธอมีรอยสักตราลัทธิ แต่เธอเลือกต่อต้านลัทธิด้วยการช่วยพวกเด็กที่ถูกจับมาให้หนีไป บันทึกต่าง ๆ ที่อีลองกาพบในบ้านก็คือสมุดบันทึกเก่าของผู้อำนวยการด้วย

จนกระทั่งแม่ของสแตนตันตายลง เธอจึงกลับมารับมรดกบ้านหลังนี้และเปลี่ยนมาเป็นโรงเรียนในการเรียนรู้ชีวิตและความตายของเด็กที่เป็นโรคร้าย ซึ่งในทางเดียวกันเธอก็พบว่าเธอป่วยเป็นมะเร็งและการรักษาก็ทำให้เธอผมร่วงหมดหัว เธอมองพวกเด็ก ๆ ด้วยความสงสารและเข้าใจอย่างเต็มเปี่ยมถึงความหวาดกลัวต่อความตาย สุดท้ายเรื่องราวของเธอยังมีโชคที่ดีเมื่อการรักษามะเร็งเป็นไปด้วยดี

The Midnight Club

ในตอนที่นักเรียนแต่ละคนจะตายพวกเขาจะพบเห็นเงาสีดำที่คืบคลานเข้ามาจับตัวพวกเขา และเด็กในซีซันนี้จะยังได้พูดคุยกับนักการที่เข้ามาทำความสะอาดห้องพักที่จะให้ข้อคิดกับพวกเขาด้วย ปริศนา 2 อย่างนี้จะได้รับการเฉลยในฉากการตายของอีลองกาว่า โรงเรียนไม่เคยจ้างนักการประจำเพราะจะใช้บริการบริษัททำความสะอาด นักการชายวัยกลางคนที่มักมาพูดคุยให้ข้อคิดกับเด็ก ๆ นั้นแท้จริงคือเทวทูตหรือยมทูต พวกผู้ใหญ่คนอื่นจะไม่มีใครเคยเห็นเขาคนนี้ยกเว้นแต่พวกเด็ก ๆ ที่ใกล้ชิดกับความตายเท่านั้น

The Midnight Club

ส่วนเงาที่กลืนกินผู้ที่กำลังตายนั้น คือการชำระล้างจิตใจเพื่อเตรียมพร้อมดวงวิญญาณสำหรับการเดินทาง แต่ละคนจะถูกเงาพาไปยังความฝันและความทรงจำที่แตกต่างกันแล้วแต่คน เช่นตอนที่อันยาตายในซีซันแรกเธอถูกพาไปยังชีวิตนอกโรงเรียนที่เธอไม่เคยมี และได้พบกับเพื่อนทุกคนในนั้น ทำให้เธอยอมรับความตายได้อย่างไม่มีอะไรติดค้างใจก่อนจากไป

The Midnight Club

ความลับใหญ่ที่จะปิดซีรีส์นี้ให้จบอย่างสมบูรณ์

ปริศนาของบ้านนี้ที่ในฉากจบซีซันก่อนจะเหมือนเฉลยว่าผีชายแก่กับหญิงแก่ที่ปรากฏในบ้านนั้น คือเจ้าของบ้านแห่งนี้คนแรก มาในซีซันนี้จะตอกย้ำให้ชัดขึ้นว่าผีชายแก่จะปรากฏตัวต่ออีลองกาแค่ในกระจกเงา ขณะที่ผีหญิงแก่จะปรากฏเมื่ออีลองกาอยู่กับเควิน สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดโดยบังเอิญ

The Midnight Club

ในฉากการตายของอีลองกาและเควิน เงาสีดำจะพาพวกเธอไปพบความจริงที่ว่า ผีชายแก่และหญิงแก่ที่อีลองกาเห็นนั้นไม่ใช่ผี แต่เป็นภาพความทรงจำในอดีตชาติที่เลอะเลือนบิดเบี้ยวตามกาลเวลาจนดูน่ากลัว เป็นชีวิตก่อนหน้านี้ของเธอและเควินต่างหาก เธอจึงเห็นผีชายแก่ในกระจกเพราะคือตัวเธอเอง และเห็นผีหญิงแก่ซ้อนทับกับเควิน

The Midnight Club

ในชาติภพก่อนอีแลงกาเกิดเป็นชายที่ชื่อ สแตนลีย์ ออสการ์ ฟรีแลน และตัวเควินเองก็คือภรรยาของสแตนลีย์ ทั้งคู่คือคู่จิตวิญญาณที่สัญญารักว่าจะกลับมาพบกันที่บ้านหลังนี้ทุกภพชาติไป นั่นทำให้ตอนอีลองกาได้พบกับเควินครั้งแรกในซีซัน 1 นั้น เธอกับเควินจึงมีความรู้สึกคุ้นเหมือนเคยเจอกันมาก่อนนั่นเอง

ในชาตินั้นบั้นปลายชีวิตของสแตนลีย์เขาป่วยหนัก จึงสร้างบ้านริมผาเพื่อเตรียมตัวรับความตายจากโรคร้าย ทว่าเขากลับอยุ่มาได้นานกว่าที่คิดมาก กลายเป็นภรรยาของเขาเสียอีกที่ป่วยด้วยโรคสมองเสื่อมอย่างหนัก เธอมักเดินไปตามทางเดินและเรียกหาสแตนลีย์ว่า ที่รัก บางครั้งเธอลืมทานข้าวจนหิวโหยร้องโอดโอยออกมา ในที่สุดเธอก็ขังตัวเองในห้องใต้ดินไม่กล้าออกไปไหนอีก ซึ่งทั้งหมดคือภาพที่อีลองกาได้เคยเห็นมา

สแตนลีย์ไม่อยากให้คนรักจับเจ่าในห้องอึมทึมจึงวาดภาพป่าและท้องฟ้ากว้างไว้ในห้องนั้นให้เธอได้มองเห็นวิวสวยงาม ส่วนภาพเขาวงกตที่พื้นก็เป็นภาพที่ช่วยผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมใช้เดินตามเส้นเพื่อบำบัดอาการในยุคนั้น

The Midnight Club

อีลองกาเห็นความจริงในอดีตชาติ เธอรู้แล้วว่านี่จะเป็นเพียงการเดินทางเพื่อไปพบกับเควินที่เธอรักอีกครั้งหนึ่ง มันไม่ใช่จุดจบ เช่นเดียวกับในเรื่องเล่า ‘Remember Me’ ที่ปีเตอร์และชารีจะตามหากันให้เจอทุกภพชาติไป

ตอนสุดท้ายเชรีสาวผิวดำจอมโกหกจะปิดซีซัน โดยได้เล่าเรื่องราวของเควินและอีลองกาให้กับนักเรียนชุดใหม่ที่เข้ามาได้ฟัง เราจะไม่รู้แน่ชัดว่าเรื่องราวของอีลองกากับเควินที่ว่าเป็นคู่วิญญาณนั้นเป็นเรื่องจริงหรือเพียงเรื่องแต่งอีกเรื่องของเชรี แต่หัวใจของเรื่องเล่าในสมาคมเที่ยงคืนนี้ก็คือทุกคนที่จากไปก่อนหน้าจะได้กลายเป็นตัวละครที่อยู่ในเรื่องเล่าของสมาคมเที่ยงคืนต่อไป และไม่มีใครที่จะถูกลืมเลือนอีกนับจากนี้ เป็นตอนจบที่สวยงาม

The Midnight Club

สุดท้ายแล้วแฟลนาแกนได้ฝากขอบคุณทีมงานและนักแสดงทุกคนที่เติมเต็มเรื่องราวนี้ นี่คือซีรีส์ที่เขารักและเสียดายหากปล่อยให้มันถูกตัดจบอย่างค้างคา เขาภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งในซีรีส์เรื่องนี้

To those before, to those after, to us now and to those beyond. Seen or unseen, here but not here.

แด่ผู้มาก่อน และมาทีหลัง แด่เราตอนนี้ และผู้อยู่โลกหน้า ยังอยู่แต่ไม่ใช่ที่นี่

The Midnight Club

อ้างอิง

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส