นิโคลัส เคจ (Nicolas Cage) ดาราชายแถวหน้าของฮอลลีวูดวัย 58 ปี มีชื่อจริงว่า ‘นิโคลัส คิม คอปโปลา’ (Nicolas Kim Coppola) เขาเป็นหลานแท้ ๆ ของผู้กำกับชื่อดัง ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา (Francis Ford Coppola) ที่มีศักดิ์เป็นอาของเขา (พ่อของนิโคลัสคือพี่ชายของฟรานซิส) 

เคจเริ่มชอบการแสดงจากการศึกษาที่ UCLA School of Theater, Film and Television และมีเจมส์ ดีน เป็นไอดอล ตอนนั้นคุณอาคอปโปลากำลังเป็นผู้กำกับชื่อดังที่ทุกคนให้การยอมรับจาก ‘The Godfather’ ภาค 1 และ 2 ต่อด้วย ‘Apocalypse Now’ เมื่อเคจอายุ 15 ปี เขาพยายามอ้อนวอนให้คุณอาทดสอบบทเขา “เดี๋ยวผมจะแสดงให้ดู”

คอปโปลาไม่ได้สนใจเขาอย่างจริงจัง แต่ก็เปิดโอกาสให้เขาได้บทสมทบในหนังของเขาอย่าง ‘Rumble Fish’ (1983) และ ‘The Cotton Club’ (1984) จากนั้นก็ได้บทท่ีเด่นขึ้นใน ‘Peggy Sue Got Married’ (1986) โดยในช่วงนั้น นิโคลัส คอปโปลา ตัดสินใจเปลี่ยนนามสกุลเป็นชื่อที่ใช้ในการแสดงว่า ‘นิโคลัส เคจ’ เพื่อไม่ต้องการใช้นามสกุลของคุณอาเพื่อสร้างความโด่งดัง เขานำคำว่า “เคจ” มาจากชื่อของซูเปอร์ฮีโร Marvel Comics ลุค เคจ (Luke Cage) และนักประพันธ์ดนตรี จอห์น เคจ (John Cage) กระทั่งในปี 1987 เคจเริ่มเป็นที่รู้จักจากหนังโรแมนติกคอเมดี ‘Moonstruck’ ที่แสดงนำร่วมกับแชร์ (Cher) ที่หนังทั้งทำเงินและได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ในปีนั้น 

นิโคลัส เคจ, โซเฟีย คอปโปลา และฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา

เมื่อเคจทราบว่าคอปโปลากำลังจะสร้าง ‘The Godfather: Part III’ เขาจึงขอให้คุณอาเลือกเขาเล่นบท วินเซนต์ คอร์เลโอเน ลูกชายของซันนี คอร์เลโอเน (เจมส์ คาน) แต่คอปโปลาก็ “ปฏิเสธข้อเสนอ” เคจเคยให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้กับ The Hollywood Reporter ว่า “มันน่าอายมากที่ผมจะเล่าเรื่องนี้ เพราะมันเป็นเรื่องในครอบครัว ตอนนั้นอา [คอปโปลา] กำลังเตรียมทำ Godfather ภาค 3 และผมก็บอกว่า ‘ผมน่าจะได้อยู่ในหนังด้วยนะครับอา ผมว่ามันน่าจะดีถ้าอาลองแคสต์ผมดู ผมว่าผมเล่นบทนี้ได้” เคจเล่า “แต่สุดท้ายมันก็ไม่เกิดขึ้น นั่นเป็นหนังที่ผมอยากเล่นมาก แต่ก็ไม่ได้เล่น” 

อีกเหตุผลหนึ่งที่เคจถูกปฏิเสธบทนี้ก็คือ คอปโปลาเลือกลูกสาวของเขา โซเฟีย คอปโปลา (Sofia Coppola) มารับบทแมรี คู่รักของวินเซนต์ มันก็น่าจะดูแปลกชอบกล ถ้านิโคลัส เคจ ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับโซเฟีย ต้องมาเล่นเป็นคู่รักกันในจอ

อย่างไรก็ดี อาชีพของเคจในยุค 90’s เรียกว่ารุ่งโรจน์ที่สุดในชีวิตก็ว่าได้ เขาขึ้นทำเนียบพระเอกหนังแอ็กชันจาก ‘The Rock’, ‘Con Air’ และ ‘Face/Off’ ที่ทำเงินติดกันสามเรื่อง อีกทั้งยังได้รางวัลออสการ์นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจาก ‘Leaving Las Vegas’ ในปี 1996

อ้างอิง https://rb.gy/nfwehw

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส