16 มีนาคม Amazon ได้เปิดเผยว่าจะจ้างพนักงานคลังสินค้าและส่งมอบสินค้า 100,000 คนในสหรัฐอเมริการับมือกับยอดสั่งซื้อออนไลน์ที่พุ่งสูงอย่างฉับพลันในช่วงที่ไวรัสโคโรนากำลังแพร่ระบาดส่งผลให้ผู้บริโภคจำนวนมากหันมาซื้อของผ่านเว็บ

เนื่องด้วยผู้ซื้อมีความหวาดกลัวในการสั่งกักบริเวณและการขาดแคลนของกินของใช้เลยต้องแย่งกันกว้านซื้อจนเกลี้ยงชั้นวาง จึงทำให้ร้านค้าปลีกกำลังแข่งขันกันเก็บรักษาอาหารและสินค้าไว้ในสต็อกอย่างสะอาดถูกสุขอนามัย รวมทั้งต้องจัดหาพนักงานให้มีเพียงพอสำหรับดูแลงานในร้านหรือออกไปจัดส่งสินค้า

ถือว่าเป็นช่วงงานใหญ่ของ Amazon และซูเปอร์มาร์เก็ตของสหรัฐฯ อย่าง Albertsons, Kroger และ Raley ที่ต้องสรรหาจ้างพนักงานใหม่เพื่อทำงานในส่วนที่มีงานปริมาณมากและปฏิบัติงานในกระบวนการต่าง ๆ เพื่อปิดงานตามการสั่งซื้อออนไลน์ โดยต้องไปเสาะหาคนจากร้านอาหาร บริการท่องเที่ยว และธุรกิจบันเทิงที่กำลังรีบเร่งหางานเพราะได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา Amazon เลือกจ้างคนเหล่านี้เพื่อให้เขามีงานทำจนกว่าจะพ้นวิกฤตและเมื่อกลับสู่ภาวะปกติแล้วก็สามารถกลับไปทำงานกับนายจ้างเดิมได้

UPS บริษัทขนส่งสินค้ารายใหญ่กล่าวว่าการขนส่งสินค้าโดยรถบรรทุกและทางอากาศยังคงดำเนินต่อไปได้แม้ว่าจะมีข้อจำกัดจากรัฐบาลที่เพิ่มขึ้นต่อกิจกรรมเชิงพาณิชย์ และบริษัทกำลังตอบสนองความต้องการในการจัดส่งสินค้าด้วยพนักงานที่มีอยู่ สรุปง่าย ๆ ว่าแม้งานจะยุ่งยากขึ้นแต่ยังไม่มีการเพิ่มพนักงาน

แม้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะมีมาตรการปิดเมืองแต่ก็ยังเปิดให้มีการจัดส่งสินค้าได้ โดยเมื่อวันจันทร์ที่ 16 มีนาคม บริเวณอ่าวอ่าวซานฟรานซิสโก เจ้าหน้าที่ได้ประกาศให้ผู้คนพักอยู่กับบ้านยกเว้นมีวัตถุประสงค์ที่จำเป็น เช่น ธุรกิจขนส่งหรือส่งของชำ, อาหาร, สินค้า หรือบริการที่ส่งตรงไปยังที่พักอาศัย

ไวรัสโคโรนาได้พรากชีวิตคนไปกว่า 7,100 รายทั่วโลก จนได้มีการปิดเมืองเพื่อป้องกันผู้คนเข้าออกและติดเชื้อไวรัส จึงส่งผลให้ผู้คนแห่กันซื้อสินค้าใน Amazon จนเกลี้ยงสต๊อก และการส่งมอบสินค้าในบางรายการใช้เวลานานกว่าปกติ

จำนวนพนักงานของ Amazon มีการเปลี่ยนแปลงไปตามเทศกาล ซึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ในช่วงไตรมาสวันหยุดมีจำนวนพนักงานเต็มเวลาและพาร์ตไทม์สูงสุดที่ 798,000 คน ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่า Amazon มีพนักงานจำนวนกี่คน รู้เพียงแค่ว่าหลังจากจะมีการจ้างเพิ่มอีก 100,000 คน

การใช้พลังดูดพนักงานใหม่ของ Amazon ด้วยวิธีการเพิ่มค่าจ้างอีก 2 USD จากค่าจ้างขั้นต่ำของสหรัฐฯ 15 USD ต่อชั่วโมง ซึ่งได้กำหนดไว้จนถึงเดือนเมษายน และยังมีค่าจ้างพิเศษสำหรับลูกจ้างรายชั่วโมงในอเมริกาเหนือและยุโรป ซึ่งคาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายมากกว่า 350 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (1.13 หมื่นล้านบาท) ส่วนผู้ค้าปลีกรายอื่น ๆ ก็ต้องทยอยกันหาพนักงานเข้ามาทำงานเช่นกัน

ที่มา : reuters

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส