รายงานล่าสุดจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ราคาหุ้นของ Netflix พุ่งขึ้นไปที่ราคา 430 เหรียญ ต่อ 1 หน่วย ด้วยราคานี้ทำให้มูลค่ารวมของบริษัททะยานขึ้นไปเกือบแตะที่ 188,000 ล้านเหรียญ ในขณะเดียวกัน หันมามองที่ Disney ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ในตลาดธุรกิจบันเทิง มูลค่ารวมของบริษัทตกลงมาที่ 186,000 ล้านเหรียญ เป็นครั้งแรกที่ต่ำกว่า Netflix ถึงแม้ว่าตัวเลขมูลค่าเหล่านี้จะผันผวนไปในแต่ละวัน แต่ในนัยยะหนึ่งตัวเลขนี้ก็สามารถบ่งชี้อนาคตของแนวทางธุรกิจบันเทิงได้ ซึ่งก็เห็นได้ว่ากระแสได้เดินไปในทิศทางที่นักการตลาดต่างคาดเดาไว้ว่า ธุรกิจสตรีมมิงจะครอบครองสัดส่วนการตลาดในธุรกิจบันเทิง ซึ่งเป็นการคาดคะเนไว้แล้วตั้งแต่ก่อนวิกฤตการณ์ไวรัส Covid-19 แพร่ระบาดเสียอีก แต่การมาของวิกฤตการร์ก็ยิ่งเป็นการเร่งกระแสสตรีมมิงให้เติบโตเร็วขึ้นไปอีก

ซึ่งDisneyองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับการเติบโตของธุรกิจสตรีมมิง เพราะทางDisneyก็รุกเข้าตลาดนี้มาตั้งแต่ปีที่แล้ว ด้วยการเปิด Disney+ แล้วก็ได้รับการตอบรับอย่างดี มีผู้สนใจสมัครเป็นสมาชิกมากถึง 50 ล้านรายภายในระยะเวลาสั้น ๆ แต่จำนวนสมาชิกก็ยังห่างไกลจากรุ่นพี่ในวงการนี้อย่าง Netflix ที่มีจำนวนสมาชิกทั่วโลกสูงถึง 170 ล้านราย นักวิเคราะห์ตลาดประมาณการว่า ในช่วงที่ผู้คนหลาย ๆ ประเทศกักตัวอยู่กับบ้านหลีกหนีไวรัสอยู่ขณะนี้ น่าจะทำให้ยอดผู้สมัครสมาชิก Netflix เพิ่มขึ้นอีกราว 7 ล้านราย นับแค่ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2020 นี้

Disneyอาจจะขยับตัวเข้าธุรกิจสตรีมมิงช้าไปหน่อย สัดส่วนของ Disney+ จึงเป็นเพียงส่วนเล็กมาก ๆ ในอาณาจักรดิสนีย์ แม้ว่าจะได้เสริมพันธมิตรสตรีมมิงอย่าง ESPN+ และ Hulu รวมเข้าไว้ใน Disney+ ด้วยแล้วก็ตาม แต่สัดส่วนรายได้หลักของDisneyก็ยังคงเป็น ธุรกิจภาพยนตร์ และสวนสนุก ซึ่งเราก็เห็นกันแล้วว่าทั้ง 2 ธุรกิจนี้ต่างก็หยุดนิ่งสนิทในช่วงที่ผู้คนทั่วโลกหวาดกลัวไวรัสกันอยู่นี้ สวนสนุกดิสนีย์แลนด์ และ ดิสนีย์เวิลด์ ที่มีสาขาอยู่ทั่วโลก ต่างต้องปิดตัวลงแบบไม่มีกำหนด หนักหนากว่านั้นคือโรงภาพยนตร์ทั่วโลกที่เป็นรายได้หลักของDisney มองในแง่ดีที่สุด โรงภาพยนตร์อาจจะกลับมาเปิดได้ในปลายเดือนกรกฎาคม แต่ถึงเปิดบริการแล้ว ก็ยังต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าผู้คนจะกล้ากลับมาใช้บริการในจำนวนที่เทียบเท่ากับก่อนวิกฤตการณ์ แต่ก็เป็นไปได้อีกเช่นกันว่าจากนี้ไปผู้คนอาจจะออกมาดูหนังในโรงภาพยนตร์น้อยลงกว่าเดิม

ถึงแม้ขณะนี้มูลค่าบริษัท Netflix จะสูงกว่า Disney ก็ตาม แต่ก็ต้องยอมรับว่า Disney ยังคงความเป็นผู้ยิ่งใหญ่และทรงอิทธิพลในวงการบันเทิงโลกมากที่สุด ซึ่งความยิ่งใหญ่นี้ก็มีผลเสียเช่นกัน ผู้เชี่ยวชาญการตลาดประเมินแล้วว่าในช่วงนี้ Disney น่าจะสูญเสียรายได้อย่างน้อยวันละ 30 ล้านเหรียญ แต่ในทางตรงกันข้าม Netflix กลับกอบโกยรายได้ต่อวันเป็นล่ำเป็นสัน ด้วยการบริการออนไลน์ที่มีหนังในคลังมากมายไว้พร้อมเสิร์ฟสมาชิก โดยไม่ต้องพึ่งโรงภาพยนตร์ สถานการณ์เช่นนี้ยิ่งต้องเร่งเร้า Disney ให้รีบปรับตัวรับแนวทางการตลาดในระยะยาวเสียแล้ว

 

 

อ้างอิง