18 ตุลาคม Foxconn ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ที่สุดในโลกของไต้หวันได้เปิดตัวต้นแบบรถยนต์ไฟฟ้าเป็นครั้งแรกที่มี 3 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ รถยนต์ซีดานไฟฟ้า Model E, รถยนต์ SUV ไฟฟ้า Model C และรถบัสไฟฟ้า Model T ภายใต้แบรนด์ Foxtron ที่ร่วมมือกับ Yulon Motor ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของไต้หวันเจ้าของแบรนด์ Luxgen และ Tobe อีกทั้งยังเป็นผู้ผลิตรถยนต์ Nissan และ Mitsubishi สำหรับตลาดในไต้หวัน

Liu Young-way ประธานบริษัท Foxconn กล่าวว่าบริษัทพร้อมแล้วและไม่ใช่เด็กที่เพิ่งเข้ามาใหม่อีกต่อไป และ Tso Chi-sen รองประธานบริษัทฯ เผยว่าจะพัฒนาธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าในเวลา 5 ปีด้วยมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ไต้หวัน (1.2 ล้านล้านบาท)

Foxtron มีแผนจะเริ่มปล่อย Model T รถบัสไฟฟ้าออกมาก่อนในช่วงต้นปีหน้า โดยมีระยะวิ่งประมาณ 400 กม. ความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. พร้อมด้วยเทคโนโลยีการเตือนคนเดินข้ามถนน จัดการอุณหภูมิขั้นสูงและระบบป้องกันผู้โดยสารจากผลกระทบของอุบัติเหตุในระดับสูง

คิวต่อไปจะเริ่มปล่อย Model C รถยนต์ SUV ไฟฟ้าภายในปี 2023 ในไต้หวัน ซึ่งจะเป็นรถที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถทำความเร็ว 0 – 62 ไมล์/ชม. (0 – 99.78 กม./ชม.) ในเวลา 3.8 วินาที และราคาไม่เกิน 1 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน (1,194,522 บาท)

ท้ายสุด Model E รถซีดานไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพพร้อมด้วยความหรูหราที่ได้ออกแบบร่วมกับ Pininfarina สำนักออกแบบยานยนต์สัญชาติอิตาลีที่มีชื่อเสียง โดยมีกำลัง 750 แรงม้า สามารถทำความเร็ว 0 – 62 ไมล์/ชม. (0 – 99.78 กม./ชม.) ในเวลา 2.8 วินาที และมีระยะวิ่งประมาณ 750 กม. ซึ่งจะปล่อยออกมาในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

รถยนต์ไฟฟ้าเหล่านี้จะสร้างอยู่บนแพลตฟอร์ม MIH Consortium ที่เป็นระบบนิเวศรถยนต์ไฟฟ้าแบบเปิดของ Foxconn ที่ได้พัฒนาการออกแบบ มาตรฐานและเทคโนโลยีที่ช่วยให้ค่ายรถยนต์ที่เข้ามาร่วมมือกันสามารถนำเอาไปใช้ผลิตรถยนต์ได้เร็วขึ้น

Foxconn กระโดดเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อต้องการกระจายความเสี่ยงจากการรับจ้างผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคให้กับ Apple และบริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ โดยมีแผนจะตั้งโรงงานในสหรัฐฯ สำหรับผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ Fisker ซึ่งจะเริ่มผลิตปลายปี 2023 และจะตั้งโรงงานในไทยโดยร่วมทุนกับกลุ่มบริษัท ปตท. เพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและการผลิตชิ้นส่วน อีกทั้งจะสร้างโรงงานอีกแห่งในยุโรปซึ่งกำลังเจรจาเรื่องสถานที่

ที่มา : engadget และ reuters ภาพ : ยูทูบช่อง Reuters

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส