การแพร่กระจายอย่างลับ ๆ ต้นตอที่ย้อนกลับไปไกลกว่าที่คาด
ล่าสุด (อัปเดตเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564) ปีเตอร์ เบน เอ็มบาเรค หัวหน้าทีมสืบสวนต้นกำเนิดโรคโควิด-19 ในจีน และผู้เชี่ยวชาญความปลอดภัยด้านอาหารและไวรัสขององค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยต่อสำนักข่าว CNN ว่า คณะสืบสวนพบหลายสัญญาณบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเมืองอู่ฮั่นในระยะเริ่มแรก อาจกว้างกว่าที่เราคิดไว้มาก เนื่องจากพบไวรัสในช่วงเวลานั้นถึง 13 สายพันธุ์ และพบเจ้าหน้าที่ทางการจีนคนแรกที่ติดโควิด-19 รวมถึงพนักงานบริษัทวัยประมาณ 40 ปีที่ติดเชื้อตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม ทั้งที่ไม่มีประวัติเดินทางเลย
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลว่าพบผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 174 คน ในและรอบพื้นที่เมืองอู่ฮั่นในช่วงเดือนธันวาคม ปี 2019 ด้วย จึงเป็นไปได้ว่า การแพร่ระบาดของเชื้ออาจเป็นวงกว้างและอาจมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 1,000 คน ตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม ปี 2019 แล้ว ทั้งนี้ พบว่าผู้ป่วยบางคนนั้นไม่มีความเชื่อมโยงใด ๆ กับตลาดหัวหนานซึ่งเดิมเชื่อว่าเป็นต้นตอเลย
และหากมีการตรวจสอบลำดับพันธุกรรมกับข้อมูลผู้ติดเชื้อในจีนช่วงปี 2019 ที่กว้างขึ้น อาจทำให้ทราบเบาะแสและภูมิประเทศ รวมถึงช่วงเวลาในการแพร่ระบาดตั้งแต่ก่อนเดือนธันวาคม และก็เป็นไปได้ว่า ไวรัสอาจแพร่ระบาดมานานกว่า 1 เดือนก่อนหน้านั้นแล้ว
ศาสตราจารย์ เอ็ดเวิร์ดโฮล์มส์ (Prof. Edward Holmes) นักไวรัสวิทยาจากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ (University of Sydney) กล่าวว่า “เนื่องจากมีความหลากหลายทางพันธุกรรมในลำดับ SARS-CoV-2 ที่สุ่มตัวอย่างจากอู่ฮั่นในเดือนธันวาคม 2019 ถึง 13 สายพันธุ์ จึงมีแนวโน้มว่า ไวรัสได้แพร่ระบาดมาระยะหนึ่งแล้ว นานกว่าเดือนธันวาคมเพียงเดือนเดียว … ข้อมูลเหล่านี้สอดคล้องกับการวิเคราะห์อื่น ๆ และบ่งชี้ว่า น่าจะมีการแพร่เชื้ออย่างลับ ๆ ก่อนที่จะตรวจพบครั้งแรกในตลาดหัวหนาน”


Credit: CNN
ต้นกำเนิดที่ยังคงคลุมเครือ กับความหวังในการสืบเพิ่ม
นอกจากนี้ กรณีศึกษาจำนวน 92 เคสซึ่งแพร่กระจายออกไปใน 2 เดือนทั่วภูมิภาคหูเป่ย ก็ทำให้เอ็มบาเรคทึ่ง เนื่องจากลักษณะการแพร่กระจายแตกต่างจากลักษณะที่พบได้บ่อย ผู้ติดเชื้อแต่ละคนถูกพบเป็นกลุ่มเล็ก และพบกระจัดกระจายไปทั่วทั้งมณฑลหูเป่ย ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่ตั้งของอู่ฮั่นอีกที
“ไม่มีการแพร่กระจายในสถานที่จำเพาะ กระทั่งชายวัย 40 ปี ที่เป็นผู้ป่วยรายแรกก็ไม่มีความเชื่อมโยงกับตลาด ไม่มีประวัติการเดินทาง หรือการใช้ชีวิตที่หวือหวาอย่างการเดินป่า เดินเขาอะไรเลย เขาเป็นเพียงพนักงานออฟฟิศธรรมดา ๆ ” เอ็มบาเรคกล่าว
และเพราะเหตุนี้ ทีมสืบสวนของ WHO ต้องการเดินทางกลับไปอู่ฮั่นอีกในไม่กี่เดือนหลังจากนี้ เพื่อสืบสวนในส่วนอื่น ๆ เพิ่มเติม และคาดหวังว่าจะได้ตรวจสอบตัวอย่างเลือด กว่า 2 แสนตัวอย่างจากธนาคารเลือดในอู่ฮั่น ย้อนหลังไป 2 ปี
“เราเข้าใจดีว่าตัวอย่างเหล่านี้เป็นกลุ่มตัวอย่างที่จำนวนน้อยมาก และใช้เพื่อวัตถุประสงค์ที่จำเป็นจริง ๆ อย่างการดำเนินคดีเท่านั้น …ยังไม่มีกลไกใดที่จะอนุญาตให้ทำการศึกษาเป็นประจำกับกลุ่มตัวอย่างประเภทนี้ได้ …อย่างไรก็ตาม กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ 2 กลุ่มใหญ่ก็ได้ทำงานอย่างใกล้ชิด แน่นอนว่ามันมีการอภิปรายโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อน แต่โปรดจำไว้ว่า เรามีโลกทั้งใบอยู่บนบ่าตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน เป็นเวลาเพียง 1 เดือน ซึ่งไม่ได้ทำให้งานในหมู่นักวิทยาศาสตร์ง่ายขึ้นเท่าใดนัก”
นี่เป็นเพียงแถลงการณ์ส่วนหนึ่งที่ผู้เชี่ยวชาญเปิดเผยออกมาเท่านั้น เราคงต้องรอดูกันต่อไปว่า WHO จะเผยแพร่ข้อมูลใดออกมาอีก จะช่วยให้สถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้ดีขึ้นได้อย่างไร จะตอบข้อสงสัยและช่วยทำให้ข้อสมมติฐานที่มีกระจ่างชัดขึ้นได้หรือไม่ ไม่แน่ว่าเราจะค้นพบวิธียับยั้งและเข้าใจเชื้อโรคนี้มากกว่าเดิมก็ได้
อ้างอิง
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส