หลังจากปล่อยให้ลูกค้าต่างสงสัยถึงการติดป้ายประกาศ “สินค้า 1-2-Call หมด” หน้าเคาท์เตอร์บริการในร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น มาตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา จนหลายต่อหลายท่านต่างสงสัยว่า เกิดอะไรขึ้นระหว่างผู้จำหน่ายอย่างเซเว่นฯ และผู้ให้บริการเครือข่ายอย่างเอไอเอสกันแน่…???

oeqebsiakdhvkecv5eh-o

ป้ายประกาศ “สินค้าหมด(?)” ที่มีการติดในร้าน ตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา

ล่าสุด เรื่องดังกล่าวนี้ได้รับความชัดเจนจากทางคุณฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานการตลาดและการขาย บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทางร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น ได้ขอยุติการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ และยุติการให้บริการเติมเงินวัน-ทู-คอล สำหรับลูกค้าเอไอเอส

7-11 ขอปรับมาร์จิ้นของ AIS เพิ่มจาก 5% เป็น 7%

โดยการยุติจำหน่ายและให้บริการเติมเงินนี้ ได้ยุติมาตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา หลังจากที่ทางเซเว่นฯ ได้แจ้งมายังเอไอเอสว่าจะขอปรับขึ้นค่าผลตอบแทนในการขาย หรือ มาร์จิ้น จาก 5 เปอร์เซ็นต์ เป็น 7 เปอร์เซ็นต์ แต่ทางเอไอเอสไม่ตกลง และขอเวลาในการเจรจาร่วมกันก่อน ทำให้ทางเซเว่นฯ ตัดสินใจยุติการสั่งซื้อบัตรเติมเงินของวัน-ทู-คอล ทันที ถึงแม้ว่าในแต่ละปี ทางร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น จะมีรายได้จากการให้บริการเติมวัน-ทู-คอล ถึงปีละ 1,000 – 1,200 ล้านบาท

เอไอเอส มีช่องทางในการให้บริการเติมเงินมากกว่า 500,000 จุด และเชื่อว่าตัวของลูกค้าที่ใช้บริการวัน-ทู-คอลนั้น จะไม่ได้รับผลกระทบนี้แน่ฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานการตลาดและการขาย AIS

แหล่งข่าวอ้างอิงได้ให้ข้อมูลไว้ว่า เซเว่น-อีเลฟเว่น ถือเป็นช่องทางที่รับมาร์จิ้นจากการขายได้สูงที่สุด แต่ทว่า จำนวนมาร์จิ้นที่ทางเซเว่นฯ ได้เก็บจากเอไอเอสนั้น ถือเป็นสัดส่วนที่ต่ำที่สุด เมื่อเทียบกับอีกค่ายอย่างดีแทค ที่ถูกเก็บอยู่ที่ราวๆ 6+1 เปอร์เซ็นต์ ส่วนทรู ซึ่งเป็นธุรกิจที่อยู่ในเครือเดียวกันนั้น เซเว่นฯ ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า เก็บมาร์จิ้นอยู่ที่อัตรา 7 เปอร์เซ็นต์ และให้เพิ่มเติมอีกว่า การขอปรับอัตรามาร์จิ้นในครั้งนี้ มีแค่เพียงเอไอเอสเพียงรายเดียว ที่ถูกขอ

มาร์จิ้นที่ 7-11 เคยเก็บจาก AIS นั้นเป็นอัตราต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับอีก 2 ค่าย

อีกหนึ่งอย่างที่อาจจะทำให้เซเว่นฯ โละดีลกับทางเอไอเอส คือการที่เอไอเอสนั้น หันไปจับมือกับบริการบุญเติม ตู้เติมเงินออนไลน์ที่หลายต่อหลายท่านเคยใช้งานกันมาบ้างแล้ว ซึ่งตู้บุญเติมก็วางอยู่ที่หน้าร้านเซเว่นนี่แหละ…

การโละดีลในครั้งนี้ อาจถูกมองว่าเป็นเกมที่ไม่ค่อยฉลาดสักเท่าไหร่ สำหรับซีพี-ออลล์ บริษัทแม่ของเซเว่น-อีเลฟเว่น ที่เดินหน้าเกมกดดัน ขอเพิ่มมาร์จิ้นให้กับตัวเองจากเอไอเอส แต่พอดีลไม่สำเร็จ จึงประกาศเลิกจำหน่าย ท้ายที่สุด รายได้ต่อปีที่ได้มากถึงหลักพันล้านบาท จากการจำหน่ายโปรดักส์ของเอไอเอส ก็ต้องหายไป

ทีมงานเว็บแบไต๋ลงพื้นที่สอบถามพนักงานประจำร้าน ก็ได้คำตอบว่า

มีคำสั่งจากทางบริษัทแม่ ให้งดการจัดจำหน่าย และงดให้บริการเติมเงินวัน-ทู-คอล โดยสาขาที่จำหน่ายจนหมดสต็อกแล้ว จะไม่มีการสั่งเพิ่ม สาขาที่ยังจำหน่ายไม่หมด ก็จะจำหน่ายจนกว่าจะหมดสต็อก

ทั้งนี้ ไม่มีการแจ้งรายละเอียดและสาเหตุที่ต้องยุติการจำหน่ายและให้บริการ ให้กับพนักงานประจำสาขาได้ทราบ

ถึงแม้ว่าการยุติการจำหน่ายในครั้งนี้ จะส่งผลให้กับผู้ที่ใช้งานวัน-ทู-คอล ที่สะดวกในการใช้บริการผ่านร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น เป็นประจำ แต่อาจจะเป็นปัญหาในช่วงระยะสั้นๆ สำหรับผู้ใช้งานบางราย เนื่องจากทางเอไอเอส ได้มีช่องทางในการจำหน่ายอีกหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น ตู้เติมเงินออนไลน์ของผู้ให้บริการหลากหลายจ้าว, ซูเปอร์มาเก็ตและมินิมาร์ท ที่ไม่ใช่เซเว่น-อีเลฟเว่น, ตู้ Kiosk ของเอไอเอสที่ติดตั้งตามจุดต่างๆ, ศูนย์บริการเอไอเอสในห้างสรรพสินค้า, บริการเติมเงินผ่านตู้เอทีเอ็มของทุกๆ ธนาคาร และที่ใกล้ตัวที่สุด ก็คือร้านขายของชำที่อยู่ในละแวกบ้านพักของท่านนั่นแหละ…

ที่มา: Thairath.co.th, telecomjournalthailand.com, ฐานเศรษฐกิจ