ที่ผ่านมาได้มีการถกเถียงและคาดการณ์ถึงจุดสิ้นสุดของวิกฤติขาดแคลนชิปที่กำลังเกิดขึ้นอย่างมากมาย ซึ่ง TSMC ก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยบริษัทได้ออกมายืนยันว่า มันจะไม่จบในเร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน

TSMC เผยว่า จริง ๆ แล้วต้นเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นเป็นสภาวะคอขวดที่เกิดจากการขาดแคลนของชิประดับล่าง (low-end) ที่มีราคาชิ้นละเพียง 20 บาท (ราคาไม่ถึง 50 เซ็นต์) เท่านั้น แม้มันจะไม่ได้ผลิตด้วยกระบวนการขั้นสูงเหมือนอย่างชิปประมวลผลในสมาร์ตโฟนหรือแล็ปท็อปในปัจจุบัน แต่ชิประดับล่างนี้มีความจำเป็นอย่างมากและใช้ในแทบจะทุกอย่างตั้งแต่สมาร์ตโฟนไปจนถึงรถยนต์ โดยเป็นชิปที่ใช้สำหรับไดรเวอร์หน้าจอ และระบบจัดการพลังงาน เป็นต้น

ทั้งนี้สาเหตุที่ปัจจุบันเรายังคงเผชิญกับวิกฤติขาดแคลนชิปก็มาจากปัจจัยอื่น ๆ ด้วย โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้การผลิตต้องหยุดชะงัก, ความต้องการรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นจนทำให้อุปสงค์เพิ่มขึ้นถึง 15% ในแต่ละปี หรือแม้แต่อุตสาหกรรมสมาร์ตโฟนที่ต้องการชิปสำหรับการจัดการพลังงานก็เพิ่มขึ้นถึง 2 – 3 เมื่อเทียบกับ 5 ปีที่แล้ว

ประเภทของชิปที่จะยังคงขาดแคลนมีดังนี้

  1. LCM – PMIC (ชิปหน้าจอ)
  2. ชิปสำหรับการ์ดจอ (Discrete GPU)
  3. ชิปสำหรับการจัดการพลังงาน (Power management chip)
  4. ชิปสำหรับไว-ไฟ (Wi-fi chips)

ในปัจจุบัน TSMC ยังคงประสบปัญหาในการผลิตชิประดับล่าง และการขาดแคลนชิปดังกล่าวได้ทำให้ซัปพลายเชนทั่วโลกต้องหยุดชะงัก อีกทั้ง TSMC ก็ไม่สามารถผลิตชิปได้ตามความต้องการของตลาดได้ จึงต้องลงทุนสร้างโรงผลิตแห่งใหม่ให้สามารถผลิตชิปได้เพียงพอ แม้ว่าการจะสร้างเครื่อง EUV จำนวนมากในระยะเวลาอันสั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย โดย ASML ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่อง EUV ก็กำลังประสบปัญหาในการหาชิประดับล่างมาใช้ในการผลิตเครื่อง EUV เช่นกัน

ที่มา: 9to5Mac

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส