ตำรวจในรัฐนอร์ทไรน์-เว็สท์ฟาเลิน (NRW) ของเยอรมนี เผยผลการสืบสวนกลุ่มอาชญากรรมทางไซเบอร์ระหว่างประเทศกลุ่มหนึ่ง ที่ดำเนินการร่วมกับสำนักงานสืบสวนกลาง (FBI) และสำนักงานตำรวจสากลแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรโพล)

เจ้าหน้าที่ที่ร่วมทำการสืบสวนกรณีนี้มีทั้งจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายใน เยอรมนี สหรัฐฯ ยูเครน และเนเธอร์แลนด์

จากการตรวจสอบพบบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มนี้ 11 คน มีทั้งชายและหญิง รวมอยู่ด้วย

ในเดือนกุมภาพันธ์ มีการเข้าตรวจค้นอาคารในเยอรมนีและยูเครน เพื่อเข้ายึดหลักฐานและควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยไปสอบปากคำ

เดิร์ก คุนซ์ (Dirk Kunze) หัวหน้าแผนกอาชญากรรมไซเบอร์ของตำรวจ NRW เผยว่าพนักงานสืบสวนจากทั่วโลกตรวจพบเหยื่ออย่างน้อย 601 ราย ในจำนวนนี้ มี 37 รายที่เป็นคนเยอรมัน เหยื่อมีทั้งโรงพยาบาล บริษัทสื่อ และรัฐบาลท้องถิ่น

กรณีสำคัญคือการโจมตีโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยดึสเซิลดอร์ฟในปี 2021 ที่ทำให้ผู้หญิงรายหนึ่งที่ต้องการการรักษาอย่างเร่งด่วนเสียชีวิต เพราะต้องย้ายไปรักษายังเมืองอื่น เนื่องจากระบบโรงพยาบาลล่ม

เจ้าหน้าที่เชื่อว่ากลุ่มแฮกเกอร์นี้เริ่มออกปฏิบัติการมาตั้งแต่อย่างน้อยในปี 2010 มีการก่อเหตุกรรโชกทรัพย์ประชาชน บริษัท และองค์กรใหญ่ ๆ ทั่วโลก หลายร้อยแห่ง โดยการใช้มัลแวร์เรียกค่าไถ่ ในเยอรมนีประเทศเดียวมีเหยื่อหลายสิบราย

คุนซ์เชื่อว่าแฮกเกอร์กลุ่มนี้เป็น ‘เศรษฐกิจเงา’ ที่เคลื่อนไหวสอดคล้องกับอุปสงค์และอุปทาน และมีการออกหมายจับบุคลต้องสงสัย 3 ราย ในจำนวนนี้ 2 รายเป็นชาวรัสเซีย

ด้านยูโรโพลเผยว่าเหยื่อในสหรัฐฯ ประเทศเดียวจ่ายเงินค่าไถ่ให้กับกลุ่มนี้ไปแล้วกว่า 40 ล้านยูโร (ราว 1,378 ล้านบาท) ในช่วงระหว่างเดือนพฤษภาคม 2019 – มีนาคม 2021

กลยุทธ์หลักของกลุ่มนี้มักจะเน้นการโจมตีเป้าหมายขนาดใหญ่ และยังมีระบบการสรรหาสมาชิกที่เป็นมืออาชีพ ผู้ที่จะสมัครกลุ่มนี้ต้องยื่นผลงานที่เคยทำมาในอดีตด้วย

ที่มา DW

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส