ในสัปดาห์ที่ผ่านมา Nothing เปิดตัวหูฟัง TWS ระดับพรีเมียมรุ่นใหม่ Nothing Ear (2) หลังจากได้รับเสียงตอบรับที่ดีจาก Nothing Ear (1) ซึ่งเป็นสินค้าตัวแรกของบริษัท โดยในครั้งนี้ Nothing ก็ได้ปล่อยคลิปเปิดตัวผลิตภัณฑ์สุดปั่นที่จับ คาร์ล เป๋ย (Carl Pei) ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Nothing มาแต่งตัวเลียนแบบ Youtuber ชื่อดังโฆษณาหูฟัง Nothing Ear (2)

คลิปดังกล่าวใช้ชื่อ ‘Introducing Ear (2) ft. Marques Brownlee’ โดยเนื้อหาเป็นการพูดถึง Nothing Ear (2) ในรูปแบบที่แตกต่างไปจากผู้ผลิตเจ้าอื่น ๆ อย่างมาก เพราะเราจะเห็นเป๋ยมาเลียนแบบ Youtuber หลายช่อง เช่น MKBHD, Mrwhosetheboss, iJustine และ JerryRigEverything เป็นต้น

ทั้งนี้นอกจากรูปแบบการนำเสนอที่น่าสนใจแล้วเนื้อหาภายในก็น่าทึ่งมาก ๆ เพราะสิ่งที่เป๋ยออกมาพูดเกี่ยวกับ Ear (2) นั้นเป็นสิ่งที่ผู้ใช้ทั่วไปจะไม่สามารถรู้ได้หากดูเพียงตัวเลขสเปกของอุปกรณ์!

เป๋ยระบุว่า Ear (2) เป็นหูฟังรุ่นที่ 3 ของ Nothing และทีมผู้พัฒนาก็ทำงานอย่างหนักในการผลิตหูฟังรุ่นนี้ทั้งในด้านเสียง, ฟีเจอร์ และดีไซน์

ในปัจจุบันทีมวิศวกรผู้พัฒนาสินค้าของ Nothing มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาก และจากความสำเร็จของ Ear (1) ทำให้ปัจจุบันมีซัปพลายเออร์หลายเจ้าต้องการทำงานร่วมกับ Nothing ส่งผลให้ตอนนี้ Nothing สามารถร่วมงานกับเหล่าบริษัทที่ดีที่สุดในปัจจุบัน

ไม่เพียงเท่านั้น เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมายังสามารถนำมาพัฒนาสินค้าชิ้นใหม่ ทำให้ Nothing ตัดสินใจสร้าง Ear (2) ขึ้นมา โดย Ear (2) จะมาพร้อม custom-driver ที่ใช้วัสดุที่มีความหนาและยืดหยุ่นมากขึ้น นอกจากนี้ยังรองรับ LHDC 5.0 และสนับสนุนการเล่นเสียงแบบ Hi-Res อีกด้วย

สำหรับดีไซน์ก็เป็นเรื่องที่ Nothing ให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน โดยทีมพัฒนาต้องการสร้างเอกลักษณ์ให้กับ Ear (2) ทำให้แม้ผู้ใช้ไม่เห็นโลโก้ก็สามารถจดจำได้ว่า ผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ต้องมาจาก Nothing แน่ ๆ อีกทั้ง Nothing ก็น้อมรับคำติชมจากผู้ใช้งาน จึงดีไซน์เคสของ Ear (2) ให้เล็กลง เบาลง แต่มีระยะเวลาการใช้งานที่นานขึ้น

ในด้านการตัดเสียงนั้น เป๋ยระบุว่า เราไม่ควรดูเพียงตัวเลข 40dB เพราะจริง ๆ ภายในยังมีรายละเอียดที่มากกว่านั้น เพราะระบบตัดเสียงที่ดีจะต้องป้องการเสียงในช่วงความยาวคลื่นที่กว้างขึ้นได้ ทำให้ความเงียบสงบที่เกิดขึ้นส่งผลต่อประสบการณ์ฟังเพลงผ่านหูฟัง ซึ่งแบนด์วิธสำหรับการตัดเสียงของ Ear (2) นั้นอยู่ที่ประมาณ 5,000Hz เพิ่มขึ้นจาก Ear (1) ราว 2.5 เท่า

หนึ่งในฟีเจอร์ใหม่ที่มาพร้อม Ear (2) คือฟีเจอร์ Dual Connection ที่ทำให้อุปกรณ์ชิ้นนี้สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์มากกว่า 1 เครื่องได้ในเวลาเดียวกัน โดย Ear (2) จะมีระบบเปลี่ยนอุปกรณ์อย่างอัตโนมัติ เช่น หากผู้ใช้ใช้ Ear (2) ในการฟังเพลงจากแล็ปท็อปและมีคนโทรเข้ามือถือ ตัวอุปกรณ์ก็จะเปลี่ยนมาเชื่อมเสียงกับสมาร์ตโฟนแบบอัตโนมัติ

Nothing Ear (2) จะวางขายในราคา 5,490 บาท โดยสำหรับสเปกและรายละเอียดอื่น ๆ ของ Nothing Ear (2) นั้นสามารถเข้าไปอ่านได้ที่นี่!

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส