ดีลการเข้าซื้อกิจการ Warner Bros. ของสตรีมมิงเจ้าใหญ่อย่าง Netflix กำลังเป็นที่จับตามอง โดยเป็นการแข่งขันที่ดุเดือดตั้งแต่ช่วงสิ้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งในการเสนอซื้อครั้งนี้มี 3 เจ้าใหญ่ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการประมูล นั่นคือ Netflix, Paramount และ Comcast

แต่เมื่อวันศุกร์ (5 ธันวาคม 2025) ข้อเสนอของ Netflix โดดเด่นที่สุดในทุกเจ้า และอยู่ในระหว่างการพิจารณาของกรรมการ Warner Bros. ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวมีมูลค่าสูงถึง 72,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 2.3 ล้านล้านบาท) หากดีลนี้สำเร็จจะถือเป็นการจับมือกันระหว่างเจ้าตลาดสตรีมมิงเบอร์ 1 กับ HBO Max ซึ่งทำให้หน่วยงานกำกับดูแลต้องจับตามองเป็นพิเศษ โดยเฉพาะแผนกป้องกันการผูกขาดของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ที่อาจมองว่าดีลนี้ผิดกฎหมาย เพราะจะทำให้ Netflix ครองส่วนแบ่งตลาดเกินเพดาน 30%

ประเด็นนี้ทำให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) เกิดข้อกังวลในเรื่องของการผูกขาด โดยเขาให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้ว่า ธุรกรรมนี้ต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบอย่างละเอียด พร้อมทั้งมองว่าส่วนแบ่งการตลาดขนาดนี้ถือว่าใหญ่มาก อาจกลายเป็นปัญหาได้

และเขายังได้ย้ำจุดยืนว่า ลำพัง Netflix เจ้าเดียวก็ครองตลาดมหาศาลอยู่แล้ว หากได้ Warner Bros. เข้าไปเสริมทัพเพิ่ม ตัวเลขส่วนแบ่งจะยิ่งพุ่งสูงขึ้นไปอีก ทรัมป์จึงยืนยันว่าจะเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจครั้งนี้ด้วยตัวเอง

โดยก่อนหน้านี้ Netflix ต้องเผชิญกับการถูกวิพากษ์วิจารณ์โดยสองพรรคการเมืองอย่างเดโมแครตและรีพับลิกัน รวมถึงสหภาพแรงงานฮอลลีวูดอย่างหนัก เนื่องจากกังวลว่าจะนำไปสู่การปลดพนักงานจำนวนมาก และทำให้ค่าบริการสตรีมมิงแพงขึ้น

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดประเด็นนี้ได้ถูกพูดถึงอีกครั้งเมื่อ Paramount ขอสู้ด้วยการยื่นข้อเสนอที่มากกว่า Netflix โดยในรอบ 12 สัปดาห์ที่ผ่านมา Paramount ได้ยื่นข้อเสนอไป 6 ครั้ง แต่ Warner Bros. ไม่เคยตอบสนองอย่างจริงจัง และในรอบนี้ Paramount ให้เหตุผลว่าข้อเสนอซื้อ Warner Bros. ทั้งกิจการนั้นดีกว่าข้อเสนอของ Netflix เพราะให้เม็ดเงินสดมากกว่า 18,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่างจาก Netflix ที่เสนอเป็นเงินสดกับหุ้น

โดยมีการเปิดเผยว่าเงินทุนที่ใช้มาจากกองทุน Affinity Partners ที่ จาเร็ด คุชเนอร์ (Jared Kushner) ลูกเขยของทรัมป์เป็นผู้บริหารอยู่ และการสนับสนุนจากครอบครัว แลร์รี เอลลิสัน (Larry Ellison) เศรษฐีอันดับสองของโลก และ RedBird Capital บริษัทลงทุนเอกชนที่จะสนับสนุนเงินทุนรวม 40,700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อีกทั้งยังมีกองทุนจากตะวันออกกลางของรัฐบาลอาบูดาบีสมทบเพิ่มอีกด้วย

ข้อเสนอของ Paramount จะครอบคลุมสินทรัพย์เคเบิลทีวีทั้งหมดของ Warner Bros. ขณะที่ดีลของ Netflix ครอบคลุมเฉพาะสตูดิโอภาพยนตร์–ทีวี HBO และบริการสตรีมมิง HBO Max เท่านั้น

หาก Warner Bros. ตอบรับข้อเสนอของ Paramount จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมยกเลิกดีล 2,800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ให้ Netflix ส่วน Netflix เองต้องจ่าย 5,800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หากดีลล้มเหลว โดย Netflix คาดว่าจะถูกตรวจสอบด้านกฎหมายแข่งขันอย่างหนักเช่นกัน และทรัมป์ได้ตั้งคำถามถึงดีลของ Netflix ไว้ก่อนหน้าแล้ว

มีบางความคิดเห็นที่มองว่าการที่ทรัมป์มีความสัมพันธ์กับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับดีลครั้งนี้จะมีผลต่อการล็อบบีหรือไม่นั้น เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (8 ธันวาคม 2025) ทรัมป์ได้กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายไม่ใช่เพื่อนของเขา ตัวเขาเองเพียงแต่ต้องการทำในสิ่งที่ถูกต้อง พร้อมยืนยันว่าไม่ได้คุยเรื่องข้อเสนอของ Paramount กับคุชเนอร์ ลูกเขยเลย

และก่อนหน้านี้ข้อมูลจาก Reuters รายงานว่า ผู้บริหาร Warner Bros. เรียกดีลกับ Netflix ว่าเป็นงานง่าย และวิจารณ์ข้อเสนอของ Paramount ในเชิงลบ ด้านเดวิด เอลลิสัน (David Ellison) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของ Paramount ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ในวันเดียวกันว่า กระบวนการประมูลมีอคติเชิงระบบที่เป็นปัญหาอยู่ตั้งแต่แรก

ท้ายที่สุดยังคงต้องติดตามสถานการณ์ของข้อตกลงนี้อย่างใกล้ชิด เพราะไม่ว่าใครก็ตามที่สามารถปิดดีลนี้ได้จะได้กลายเป็นยักษ์ใหญ่ผู้ครองตลาดอย่างแน่นอน ซึ่งนั่นจะมีผลต่อเนื่องถึงประเด็นการผูกขาดที่จะเป็นผลเสีย ทั้งในเชิงการแข่งขันของวงการสื่อ และความหลากหลายของคอนเทนต์ที่ผู้บริโภคจะได้รับ รวมไปถึงบทบาทของทรัมป์ที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในระหว่างการตัดสินใจซื้อกิจการของ Warner Bros. ว่าจะส่งผลดีและเป็นธรรมอย่างที่สัมภาษณ์ไว้หรือไม่