7 ธันวาคม 14 ประเทศในสหภาพยุโรปได้ลงนามความร่วมมือในการสร้างและขยายอุตสาหกรรมผลิตโพรเซสเซอร์และเซมิคอนดักเตอร์ให้เจริญก้าวหน้าเพื่อไปสู่การผลิตขั้นสูง 2 นาโนเมตรและลดการพึ่งพาจากต่างประเทศ

โพรเซสเซอร์และเซมิคอนดักเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญสำหรับการประมวลผลและเชื่อมต่อข้อมูล ซึ่งใช้งานกันอย่างแพร่หลายทั้งในรถยนต์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ โทรศัพท์มือถือ ระบบเครือข่าย และการตรวจสอบด้านสิ่งแวดล้อม

ยุโรปมีส่วนแบ่งของการตลาดเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกที่มีมูลค่า 440,000 ล้านยูโร (16 ล้านล้านบาท) อยู่ที่ประมาณ 10% ซึ่งถือว่าต่ำมาก ผู้นำในตลาดนี้ก็คือ เอเชีย ที่มีเกาหลีใต้ ไต้หวันและญี่ปุ่น รวมทั้งอเมริกาเหนือที่มีสหรัฐฯ เป็นหลัก นอกจากนี้การวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมในการผลิตชิปมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง

ดังนั้นการจับมือรวมกลุ่มกันของสมาชิก 14 ประเทศในสหภาพยุโรปจะช่วยให้สามารถผลิตชิปออกไปแข่งขันในระดับโลกได้และสร้างเทคโนโลยีที่ปลอดภัย (กำลังอยู่ในความกังวลของหลายประเทศที่นำโดยสหรัฐฯ)

สหภาพยุโรปได้มีแผนการฟื้นฟู (The Recovery and Resilience Facility) เพื่อช่วยเหลือประเทศสมาชิกที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 โดยการช่วยเหลือด้านแหล่งเงินทุน 672,500 ล้านยูโร (24 ล้านล้านบาท) เพื่อนำไปลงทุน 7 ด้านหลัก ๆ ด้วยกัน หนึ่งในนั้นก็คือ การขยายขนาดขีดความสามารถระบบคลาวด์ในยุโรปและการพัฒนาโพรเซสเซอร์ที่ทรงพลังล้ำสมัยและยั่งยืน

14 ประเทศที่ลงนามในความร่วมมือริเริ่มเทคโนโลยีโพรเซสเซอร์และเซมิคอนดักเตอร์ของสหภาพยุโรป ประกอบด้วย เบลเยียม เยอรมนี เอสโตเนีย กรีก สเปน ฝรั่งเศส โครเอเชีย อิตาลี มอลตา เนเธอร์แลนด์ โปรตุเกส สโลวีเนีย ฟินแลนด์ และโรมาเนีย

ที่มา : ec.europa.eu, เอกสารประกาศการลงนาม และภาพจาก : Pixabay

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส