มาดามทูสโซ ประเทศไทย จัดงานเปิดตัวหุ่นขี้ผึ้งตัวล่าสุด เจ้าของโซเชียลมีเดียชื่อดังอย่าง “มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก” ผู้ก่อตั้ง Facebook โดยหนุ่ย พงศ์สุข ได้รับหน้าที่เป็นพิธีกรในงานนี้ ซึ่งบอกได้เลยว่าหุ่นตัวนี้มีความคล้ายคลึงเจ้าตัวเป็นอย่างมากจริง ๆ โดยเฉพาะดวงตา ที่ทางมาดามทุสโซได้ใช้เทคนิกพิเศษสร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ ทำให้ดูสมจริงกว่าหุ่นขี้ผึ้งของเจ้าอื่น

หนุ่ยพงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ พิธีกร

หนุ่ยพงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ พิธีกรในงานเปิดตัวหุ่นขี้ผึ้งมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กที่มาดามทุสโซ ประเทศไทย

สำหรับผู้ที่สนใจอยากเห็นหุ่นขี้ผึ้งมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก รวมไปถึงหุ่นตัวอื่น ๆ มากมายสามารถเดินทางมาชมกันได้ที่ มาดามทูสโซ ชั้น 6 Siam Discovery โดยค่าเข้าชมจะอยู่ที่ 450 บาท สำหรับผู้ใหญ่ และ 350 บาทสำหรับเด็กอายุ 3-11 ปี เดินทางง่าย ๆ โดยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสยามทางออก 1 จ้า

IMG_4515

คุณปิ๋ม วฤตดา วรอาคม ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และสื่อโซเชียล แฮริสัน แมคแคน เวิลด์กรุ๊ป ประเทศไทย

หลังจากงานเปิดตัวในวันนี้ก็ได้มีงานสัมมนาพิเศษ ‘กลยุทธ์การทำการตลาดออนไลน์บนโซเชียลมีเดียให้ได้ผล’ โดยกหนุ่ยพงศ์สุข ร่วมเสวนากับคุณปิ๋ม วฤตดา วรอาคม ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และสื่อโซเชียล แฮริสัน แมคแคน เวิลด์กรุ๊ป ประเทศไทย

โดยคุณปิ๋มก็ได้เผยข้อมูลผู้ใช้งานเฟสบุ๊กในไทยมีผู้ใช้แล้ว ณ ปัจจุบันกว่า 33 ล้านคน ซึ่ง กทม เป็นเมืองอันดับ 1 ซึ่งใช้อยู่ 20 ล้านคน แต่ในกรุงเทพมีคนอยู่เพียง 8 ล้านคน ซึ่งคุณปิ๋มก็ให้ข้อสังเกตไว้ว่าคน 1 คนอาจจะมีมากกว่า 1 Account และคนต่างจังหวัดหลาย ๆ คนชอบที่จะใส่ที่อยู่ตัวเองว่าเป็นคนกรุงเทพมากกว่าเพราะหาได้ง่าย

คุณปิ๋มได้กล่าวไว้ว่า “สื่อ Social media นั้นสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับวงการสื่อมาก โดยเฉพาะเรื่องของการโฆษณา ซึ่งคนเรามักจะมีการตอบสนองเฉพาะสิ่งที่เขาต้องการ ดังนั้นเราจึงต้องจุดที่ว่า ผลิตภัณฑ์ของเราจะสามารถช่วยอะไรผู้บริโภคได้บ้าง หรือให้ข้อมูลอื่น ๆ เพิ่มเติมที่ผู้บริโภคอาจต้องการมากกว่าข้อมูลผลิตภัณฑ์ชิ้นนั้น ๆ เพื่อดึงดูดลูกค้าให้มาตอบสนองกับเราให้มากที่สุด”

ทำไมนักการตลาดถึงเลือกโฆษณาผ่านเฟสบุ๊ก ? จากการสำรวจพบว่า คนไทยอยากที่จะรู้เรื่องราวของคนอื่น ซึ่งเฟสบุ๊กได้ตอบโจทย์ตรงนี้เป็นอย่างดีทำให้ผู้คนเข้าใช้งานเฟสบุ๊กอยู่ตลอดเวลา นักการตลาดจึงเลือกที่จะโฆษณาผ่าน Facebook มากกว่า Twitter เพราะคนเราจะเข้าใช้ Twitter เพียงแค่ในช่วงที่มีเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นเท่านั้น

ซึ่งจากการที่สมัยนี้ Facebook ได้ปรับอัลกอลิทึ่มใหม่ ทำให้เห็นสิ่งที่ควรจะเห็นมากขึ้นและลดการมองเห็นของ fanpage ต่าง ๆ ลง โดยเฉพาะแฟนเพจที่ไม่ถูกตอบสนอง งานนี้แบรนด์ต่าง ๆ จึงจำเป็นที่จะต้องซื้อ Boost Post เพื่อเพิ่มยอดผู้มองเห็น ซึ่งทุกวันนี้ budget ทางการตลาดทั้งหมดได้ถูกใช้ในช่องทาง online ไปแล้วมากกว่า 10% และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

เชื่อหรือไม่ว่าทุกวันนี้ทาง Facebook ได้มีการเก็บข้อมูลพฤติกรรมต่าง ๆ ของเราอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะไปไหน กินอะไร ซึ่งเขาเก็บโดยสิ่งที่เราโพสต์ลงไปนั่นแหละ !! จึงทำให้มีโฆษณาหลาย ๆ อย่างที่มักจะตรงใจกับที่เราต้องการขึ้นมาอยู่เสมอ ทางคุณปิ๋มก็ได้ให้คำแนะนำเทคนิกการทำการตลาดบน facebook อย่างง่าย ๆ คือ ต้องตอบโจทย์ผู้ซื้อว่าสินค้าหรือบริการชิ้นนั้นตรงใจกับผู้ซื้อหรือไม่ และแต่ละแบรนด์จำเป็นที่จะสร้าง content ของตัวเองลงในแฟนเพจเพื่อเรียกคนเข้ามามีปฏิสัมพันธ์ โดยยกตัวอย่างคือ KFC ซึ่งทุกวันนี้ลูกค้านั้นแทบจะไม่ใช้บริการ call center แล้ว แต่มักจะใช้การเข้ามาแจ้งผ่าน fan page แทน หรือบางคนอาจจะโพสต์ประจานบน pantip ก็มีเยอะมาก ทางแบรนด์จึงจำเป็นที่จะต้องสอดส่องดูแลช่องทางโซเชียลมีเดียให้มากขึ้น และลดช่องทางการติดต่อผ่าน Call Center ลง

คุณปิ๋มยังได้ให้คำแนะนำเทคนิกการสร้าง engagement ที่ดี โดยการที่ถ้าเราอยากให้ลูกค้าของเรากด like ภาพที่เราโพสต์ เราจะต้องคัดเลือกภาพที่ดูดีเพียงภาพเดียว และภาพนั้นจะต้องเป็นสิ่งที่ผู้คนเห็นแล้วต้องชอบ แต่ถ้าคุณอยากให้เขา Share เขาจะแชร์ในเรื่องที่เขาคิดว่ามีประโยชน์ต่อเพื่อน ๆ ของเขาหรือสังคม ซึ่งงานนี้พี่หนุ่ยแนะนำว่า ถ้าเราอยากได้โพสต์ที่มี Engagement เยอะ ๆ ควรที่จะโพสต์แล้วตามด้วยคำถามให้คนตอบ หรือให้เสนอข้อคิดเห็นต่าง ๆ ลงในคอมเม้นก็จะทำให้ content นั้นถูกแพร่กระจายออกไปมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน หรือไม่ก็ใช้กิจกรรมให้โพสต์ Like และแชร์จึงได้รับความนิยมมาก เพราะเป็นการ Boost Engagement ได้ดีเป็นอันดับต้น ๆ ของไทย (ดูง่าย ๆ ก็เพจอิชิตันที่โพสต์เพียงไม่กี่นาที Like เป็นหมื่นเป็นแสน)

ปิดท้ายด้วยความเห็นจากคุณปิ๋มต่อแอป LINE ที่กำลังมีชื่อเสียงในไทยในขณะนี้ว่า มีโอกาสที่จะแซง Facebook จนกลายเป็นแอปโซเชียลอันดับ 1 ของไทยได้เพราะทุกวันนี้มีคนเล่นมือถือเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งแน่นอนว่าสมัยนี้มือถือ Andriod มีราคาถูกลงมาก และหลาย ๆ เครือข่ายได้มีการให้บริการใช้ Social Media แบบ Unlimited ในราคาไม่แพง จึงทำให้มีลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ หันมาใช้งานเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และที่สำคัญคือ LINE ใช้ง่ายกว่า Facebook ในเรื่องของการแชท และสติกเกอร์ที่น่ารักกว่านั่นเอง และที่สำคัญคือ โลกโซเชียลนั้นมีการเปลี่ยนแปลงทุกวัน ซึ่งในแง่การตลาดจะต้องตามให้ทัน เพื่อที่จะเข้าสู่ความสำเร็จในด้านการตลาดบนโลกโซเชียล