เน็ตแอพ บริษัทชั้นนำในการจัดการและบริหารข้อมูลระดับโลก ถูกจัดให้เป็นบริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดในโลกอันดับที่ 4 (จากทั้งหมด 25 บริษัท) จากการจัดอันดับของ Great Place to Work® เน็ตแอพติดหนึ่งในห้าลำดับแรกเป็นเวลา 5 ปีติดต่อกัน การจัดอันดับบริษัทที่น่าทำงานที่สุดถือเป็นการศึกษาและจัดอันดับในระดับโลกที่ใหญ่ที่สุด รายชื่อองค์กรที่ติดอันดับแสดงถึงการยอมรับจากพนักงานทั่วโลกว่าเป็นสถานที่ทำงานที่มีวัฒนธรรมองค์กรที่ดี

“เน็ตแอพรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการยอมรับในฐานะบริษัทที่น่าทำงานด้วยที่สุดในโลกอีกครั้งหนึ่ง วัฒนธรรมองค์กรที่โดดเด่นของเราช่วยขับเคลื่อนให้การดำเนินธุรกิจประสบความสำเร็จ ด้วยการดึงดูด พัฒนาและผลักดันให้งานออกมาดีที่สุดเพื่อให้ถึงจุดมุ่งหมายในการทำงานเป็นทีมเวิร์คและตอบสนองความต้องการและได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าและคู่ค้าของเรา” นายวีระ อารีรัตนศักดิ์ กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย กล่าว

ในการจัดอันดับครั้งนี้ มีบริษัทที่เป็นสาขาของบริษัทระดับโลกกว่า 2,050 สาขาเข้าร่วมในการสำรวจบริษัทที่น่าทำงานด้วยที่สุดทั่วโลกประจำปี จากจำนวนดังกล่าว มีสาขาของบริษัทระดับโลกจำนวน 1,097 สาขาที่ติดอยู่ในการจัดอันดับ ซึ่งเป็นตัวแทนของ 455 บริษัทข้ามชาติในสาขาที่แตกต่างกัน จากทั้งหมดนี้ มีเพียง 25 บริษัทที่ได้รับเลือกให้เป็นบริษัทที่น่าทำงานด้วยที่สุดในโลก

วัฒนธรรมองค์กรของเน็ตแอพเป็นจุดที่ทำให้องค์กรแตกต่างและทำให้พนักงานเน็ตแอพทั่วโลกเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการให้บริการลูกค้าเพื่อช่วยกำหนดทิศทางและเติมเต็มวิสัยทัศน์ด้านการจัดการข้อมูลแก่ลูกค้า นอกเหนือจากการจัดอันดับของบริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดในโลกแล้ว ย้อนไปเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว เน็ตแอพยังติดหนึ่งใน 10 อันดับสถานที่ทำงานที่ดีที่สุดในประเทศและภูมิภาคต่างๆ 10 ภูมิภาคดังต่อไปนี้:

  • ลำดับที่ 1 ยุโรป
  • ลำดับที่ 1 จีน ฮ่องกง มาเก๊าและไต้หวัน
  • ลำดับที่ 1 เยอรมัน
  • ลำดับที่ 2 ออสเตรีย
  • ลำดับที่ 3 สวิตเซอร์แลนด์
  • ลำดับที่ 4 แคนาดา
  • ลำดับที่ 5 เอเชีย
  • ลำดับที่ 8 ออสเตรเลีย
  • ลำดับที่ 9 ญี่ปุ่น
  • ลำดับที่ 10 เนเธอร์แลนด์

นอกจากความมุ่งมั่นที่เน็ตแอพมีให้กับลูกค้าและคู่ค้ามาโดยตลอด เน็ตแอพยังมอบประโยชน์กลับคืนสู่สังคมทั่วโลกที่พนักงานอยู่อาศัยและทำงาน โดยส่งเสริมและสนับสนุนให้พนักงานมีส่วนร่วมกับโครงการจิตอาสา โดยให้วันหยุดพิเศษ 5 วันต่อปีแก่พนักงานที่เป็นพนักงานประจำเพื่อทำกิจกรรมเพื่อสังคม โดยยังสนับสนุนค่าใช้จ่ายและให้ประโยชน์ต่างๆ แก่อาสาสมัครเพื่อทำกิจกรรมอาสาโดยสมัครใจและไม่แสวงหาผลกำไร