ในปัจจุบันนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้ออกมาเตือนว่า ‘ความเหงา’ กำลังแพร่ระบาดอย่างมาก 3 ใน 4 ของประชากรกำลังประสบปัญหาความเหงา ที่กำลังเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากเมื่อปีที่แล้ว แต่ช่วงอายุที่มีระดับความเหงามากเป็นพิเศษมี 3 ช่วงอายุคือ 20 ตอนปลาย 50 กว่า และ 80 กว่า และที่สำคัญมันบ่งบอกถึงระดับสติปัญญาของคุณได้ด้วย

งานวิจัยจากคณะแพทย์ มหาวิทยาลัย California San Diego ได้ทำงานวิจัยเกี่ยวกับความเหงา แล้วพวกเขาก็ต้องพบกับข้อมูลที่น่าตกใจ เมื่อเขานำอาสาสมัครที่มีอายุตั้งแต่ 21-101 ปี ที่ไม่มีปัญหาทางด้านร่างกายและจิตใจ รวมถึงความจำเสื่อม และผู้ที่ไม่ได้พักอยู่ในบ้านพักคนชรา 340 คน มาทำการวัดความเหงาด้วยวิธีการหลายอย่าง เช่น แบบประเมินความเหงาของ UCLA แบบสอบถามการประเมินตนเอง และการวัดระดับสติปัญญาที่ถูกประดิษฐ์โดย Dilip Jeste หัวหน้างานวิจัยในครั้งนี้ (ที่เราต้องวัดระดับสติปัญญาร่วมด้วยก็เพราะ สติปัญญา หรือ Wisdom มีพื้นฐานมาจาก ประสาท จิตวิทยาทางสังคม ที่สามารถปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ได้)

นักวิจัยพบว่า ความเหงาจะเกิดเพียงชั่วคราวและมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับอายุ โดยไม่แบ่งว่าจะเป็นเพศชาย หรือ หญิง และความเหงานี้เป็นภัยคุกคามใหม่ของสังคมอเมริกา ที่มากกว่าบุหรี่หรือโรคอ้วน ทางฝั่งประเทศอังกฤษถึงกับต้องจัดตั้งกระทรวงความเหงาขึ้นมาอย่างจริงจังเพื่อแก้ปัญหานี้โดยเฉพาะ โดยมี Tracey Crouch รับตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นคนแรก

แต่อย่างไรก็ตามการค้นพบนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย แพทย์หญิง Ellen Lee กล่าวว่า ข้อเสีย คือความเหงานี้เป็นสิ่งที่คนในวัยผู้ใหญ่จะต้องเผชิญและมันมีแนวโน้มที่จะสัมพันธ์กับปัจจัยที่ทำให้สุขภาพจิตแย่ลง ร่างกายเสื่อมโทรม สติปัญญาถดถอย ภาวะทุพโภชนาการ ความดันโลหิตสูง และการนอนไม่หลับ

ส่วนข้อดี คือเราสามารถวัดระดับสติปัญญาจากความเหงาได้ คนที่มีสติปัญญาจะเหงาน้อยกว่า นั่นเป็นเพราะพวกเขาสามารถรับมือกับความเหงาได้ พวกเขาสามารถเข้าใจถึงความเห็นอกเห็นใจ การควบคุมอารมณ์ และการมองตัวตน เพื่อที่จะรับมือกับความเหงาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม งานวิจัยชิ้นนี้เป็นงานแรกที่ทำการศึกษาเกี่ยวกับความเหงาอย่างจริงจัง มันจึงยังมีคำถามและช่องว่างของงานวิจัยมากมายที่ต้องพัฒนาต่อ

แต่งานวิจัยชิ้นนี้ได้แสดงให้เราเห็นว่าความจริงแล้วความเหงาไม่ได้เกิดจากสังคม คนที่อยู่คนเดียวก็สามารถที่จะจัดการกับความเหงาได้ ดังนั้น เราจึงต้องหาแนวทางแก้ไขเพื่อให้ผู้คนเหล่านั้นรับมือกับความเหงาได้ดียิ่งขึ้น

อ้างอิง