“มันน่าเกลียดสุด ๆ ไปเลย” – เว็บไซต์ The Next Web
“สำหรับผมมันเหมือนกับใครเอาก้นบุหรี่ไปยัดไว้ในหู” – JoeKroganExperience บนเว็บไซต์ Reddit
“มันเหมือนหูฟังถูก ๆ จากจีนเลย” – Vic9420 บนเว็บไซต์ Reddit

นั่นเป็นเพียงเศษเสี้ยวของคอมเมนต์จากกลุ่มคนจำนวนมากที่แชร์ความเห็นหลังจาก Apple ประกาศเปิดตัวหูฟังไร้สาย AirPods ในเดือนกันยายน 2016 คนส่วนใหญ่ (รวมทั้งผู้เขียนด้วย) ก็คิดว่ามันเหมือนกับเอาหูฟัง Apple แบบมีสายมาตัดสายทิ้งแล้วก็เพิ่มฟังก์ชันไร้สายเข้าไป ดูน่าเกลียดพิลึก

แต่หลังจากที่วางขายคนก็เริ่มซื้อ เริ่มใช้ คุ้นกับมัน จนกระทั่งวันนี้มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของอุปกรณ์ที่ต้องมีติดตัวตลอด ใช้จนรู้สึกว่า AirPods มาทำให้ประสบการณ์การใช้งานอุปกรณ์ของ Apple ดีขึ้นอย่างชัดเจน ใช้งานง่าย รับสายวางสาย ความเบา พกไปไหนก็สะดวก สลับเครื่องจาก iPhone ไป iPad ไป Mac ทุกอย่างล้วนเป็นอัตโนมัติหมด บางทีเสียบทิ้งไว้จนลืมไปเลยว่าเสียบ AirPods ทิ้งไว้ในหูอยู่ เสียงเพลงเรียกเข้า iPhone ดังขึ้นตกใจเพราะลืมไปว่าเสียบหูฟังอยู่ก็มี

หลายคนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญต่างออกมาแสดงความเห็นถึงเรื่องคุณภาพเสียงของ AirPods ว่ามันไม่ได้เป็นหูฟังที่เสียงดีเด่นอะไร แต่จำนวนยอดขายของ AirPods กว่า 200 ล้านคู่ (รวมทุกรุ่นตั้งแต่เปิดตัว 2016 – 2021) ก็พอจะเห็นว่าคุณภาพเสียงอาจไม่ใช่ประเด็นหลักในการใช้งานและปัจจัยในการตัดสินใจซื้อหูฟังไร้สายของ Apple

แต่กว่า AirPods จะกลายมาเป็นหูฟังไร้สายคู่ใจของใครหลายคนในปัจจุบันนั้นมันมีที่มาที่ไปที่น่าสนใจ และถึงแม้มันจะวางขายในปี 2016 อย่างที่กล่าวไป แต่ครั้งแรกที่ไอเดีย AirPods ถูกเอ่ยถึงนั้นต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2011 เลยทีเดียว

ในเว็บไซต์ฐานข้อมูลการจดสิทธิบัตรของอเมริการ จอร์จ ฟิโน (Jorge S Fino) อดีตพนักงานของ Apple ในส่วน Human Interface Design ได้ยื่นจดทะเบียนสิทธิบัตรหูฟังที่ใช้งานได้ทั้งแบบมีสายและไร้สาย โดยรายละเอียดคร่าว ๆ คือ

“เมื่ออุปกรณ์รับฟังนั้นถูกถอดออกมาจากส่วนที่เป็นสาย สัญญาณไร้สายที่มีสัญญาณเสียงจะถูกส่งจากส่วนที่สองของส่วนแบบมีสายไปยังตัวรับสัญญาณในส่วนแรกของอุปกรณ์รับฟัง”

“กล่าวกว้าง ๆ รูปลักษณ์ที่อธิบายไว้ในที่นี้เกี่ยวข้องกับเครื่องมือสื่อที่สามารถใช้ร่วมกับอุปกรณ์หลักเพื่อให้ผู้ใช้ปลายทางได้รับประสบการณ์การฟังที่น่าพึงพอใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาของการออกกำลังกาย”

ภาพออกมาจะประมาณนี้

ถ้าดูในภาพเราจะเห็นส่วนที่แยกระหว่างสายที่เป็นหูฟังตรงบริเวณคาง กับอีกสายหนึ่งด้านล่างซึ่งจะเป็นตัวส่งสัญญาณเสียง ซึ่งเป้าหมายของ Apple ในตอนนั้นก็ชัดเจนว่าอยากสร้างหูฟังที่ไม่ต้องมีสายเชื่อมกับตัวเครื่อง แต่ยังไม่ 100% ว่าจะเป็นหูฟังแบบไร้สายทั้งหมด ซึ่งนอกจากตอนนั้นเทคโนโลยี Bluetooth ก็ยังไม่ได้ดีมากแล้ว ช่วงเวลานั้น ตัว สตีฟ จอบส์ (Steve Jobs) เองก็ไม่ได้เชื่อในเทคโนโลยี Bluetooth ที่ต้องชาร์จหูฟังด้วย ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ก่อนหน้านั้นเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของ Bluetooth iPod เขาบอกว่า

“ปัญหาของหูฟัง Bluetooth คือมันไม่ใช่แค่คุณต้องชาร์จ iPod เท่านั้น คุณต้องชาร์จหูฟังของคุณด้วย คนเกลียดการทำแบบนี้ ยังมีเรื่องของคุณภาพ คลื่นความถี่ยังไม่สูงพอ และถึงแม้ว่ามันจะไปถึงตรงนั้นสักวันหนึ่ง คนก็ยังไม่อยากชาร์จหูฟังอยู่ดี”

มองย้อนกลับไปตอนนั้นก็พอเข้าใจได้ว่าทำไมจอบส์ถึงคิดแบบนั้น เพราะพฤติกรรมการชาร์จหูฟังทุกวันหรือสองสามวันครั้งยังไม่ได้เป็นที่ยอมรับแพร่หลายเหมือนอย่างตอนนี้ หรืออย่างน้อย ๆ ตอนนั้นก็ยังไม่สะดวกเท่ากับตอนนี้ที่มีเคสเอาไว้ชาร์จหูฟังด้วย

หลังจากจดทะเบียนสิทธิบัตรในปี 2011 แล้ว Apple ก็ไม่ได้มีการออกมาเคลื่อนไหวหรือประกาศว่าจะทำหูฟังมีสาย/ไร้สายหรือเปล่า แต่ก้าวใหญ่ของการลงทุนในอุตสาหกรรมเพลงเกิดขึ้นปี 2014 เมื่อเข้าซื้อกิจการ Beats ด้วยเงินราว ๆ 3 ,000 ล้านเหรียญ​ เป็นหมากการเดินเกมทางธุรกิจที่สร้างความสงสัยกับหลาย ๆ คนว่าทำไม Apple ถึงทุ่มเงินเยอะขนาดนี้สำหรับบริษัทผลิตหูฟัง Beats และบริการสตรีมมิ่งเพลง Beats Music

ปี 2015 ภาพเริ่มชัดมากขึ้น Beats Music กลายเป็น Apple Music แต่ส่วนที่ผลิตหูฟังยังคงทำงานแยกเป็นเหมือนอีกบริษัทหนึ่งอยู่แม้ Apple จะเป็นเจ้าของก็ตาม (ถึงตอนนี้ก็ยังซื้อหูฟังของ Beats ได้อยู่ครับ) ซึ่งจากความเป็นไปได้ทุกอย่างแล้วเชื่อว่าสิ่งที่ Apple ได้จากดีลครั้งนี้คือองค์ความรู้ในการสร้างหูฟังแบบไร้สายจาก Beats ด้วย

ในงาน Apple เดือนธันวาคม ปี 2016 ฟีล ชีลเลอร์ หัวหน้าแผนมาร์เก็ตติงของ Apple เป็นคนเปิดตัว AirPods

หลังจากที่ปิดดีลทุกอย่างจบในเดือนสิงหาคม 2014 ในเดือนพฤษภาคม 2015 ก็มี Apple Music เกิดขึ้น และเดือนกันยายนปีเดียวกันบริษัทก็จดลิขสิทธิ์ชื่อ AirPods เป็นที่เรียบร้อย (ตอนนั้น Apple พยายามซ่อนเรื่องนี้ไว้เป็นความลับโดยใช้บริษัทเปลือกนอก (Shell Company) ชื่อ ‘Entertainment in Flight’ ที่เป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นเพื่อทำธุรกรรมบางอย่างแทนบริษัทที่อยู่เบื้องหลัง แต่ตอนนี้ถูกแทนที่ด้วย Apple, Inc เรียบร้อยแล้ว)

ตอนนี้ชื่อก็มีแล้ว เทคโนโลยีก็มีแล้ว เหลืออย่างเดียวจะให้โน้มน้าวให้ผู้ใช้งานมาใช้ได้ยังไงล่ะ? ในเมื่อคนยังใช้หูฟังแบบมีสายกันเต็มบ้านเต็มเมือง

เอางี้สิ…เอารูเสียบออกไปจากเครื่อง ทำให้การใช้หูฟังแบบมีสายเป็นเรื่องยุ่งยาก เปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคเลยละกัน

Apple ตัดสินใจเอาหูช่องเสียบหูฟังออกตอนที่เปิดตัว iPhone 7 ในเดือนกันยายน 2016 มันสร้างเสียงฮือฮา (และก่นด่า) จากผู้ใช้งานจำนวนมหาศาล แต่อ่านมาถึงตรงนี้ทุกคนน่าจะพอเห็นการวางหมากของ Apple แล้วว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่ มันเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่ก็ดูไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจอีกต่อไป เพราะในการประกาศเอารูเสียบหูฟังออก พวกเขาก็ประกาศเปิดตัว AirPods ไปในงานเดียวกันเลย

เสียงตอบรับหลังจากงานคือ “โดนด่ายับ” แม้ตัว AirPods รุ่นแรกจะมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตการใช้งานหูฟังไร้สายมากขนาดไหน คนก็ไม่พอใจที่จู่ ๆ เหมือนถูกยัดเยียดเทคโนโลยีใหม่ให้ใช้และตัดเทคโนโลยีเดิมออกไปเลย (ซึ่ง Apple ก็พยายามลดแรงกระแทกโดยแถมสายแปลงเสียบหูฟังที่รูชาร์จมาให้ด้วย) ยังมีเรื่องราคาอีกที่ตั้งไว้ 159 เหรียญ เทียบกับหูฟังมีสายที่ราคา 29 เหรียญ มันต่างกันเอามาก ๆ

นอกจากนั้นยังถูกล้อเลียนเละเทะเกี่ยวกับเรื่อง ‘ความสวยงาม’ ภาพลักษณ์ของมันที่เหมือนเอาหูฟังมีสายมาตัดสายออก บางคนบอกว่าเดี๋ยวใช้ไปหูฟังก็หลุดจากหูเพราะไม่มีสาย หายอย่างแน่นอน ฯลฯ เอาเป็นว่าเสียงตอบรับของประชาชนไม่ดีสักเท่าไหร่ ซึ่งเอาจริง ๆ ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Apple เจอด่าเรื่องนี้ อย่างตอนประกาศ iPad ก็โดนด่าบอกว่าชื่อไปคล้องกับผ้าอนามัยที่ในภาษาอังกฤษเรียกว่า “Pads” ทำไมไม่คิดชื่อที่ดีกว่านี้

แต่เสียงเซ็งของคำวิจารณ์ด้านลบก็ค่อย ๆ จางลงไปเรื่อย ๆ หลังจากที่ผู้ใช้งานใจกล้า (ต้องบอกว่าคนที่ซื้อแรก ๆ ต้องเชื่อใจ Apple อย่างมาก) เริ่มได้รับ AirPods ช่วงปลาย ๆ ปี 2016 และออกมารีวิวถึงคุณภาพและประสบการณ์ใช้งานที่ยอดเยี่ยม อย่างบนเว็บไซต์ AppleInsider บอกว่า

“มันมากกว่าหูฟังไร้สาย AirPods ถูกผสานรวมกับทุกอย่างของ Apple เพิ่มความล้ำสมัยแก่บริษัทและเป็นผู้นำในด้านอุปกรณ์ Wearable ด้วยเทคโนโลยีของ “Pods” ขนาดเล็กที่ใช้งานได้จริงและทรงพลัง นำความสุขครั้งใหม่มาสู่การฟังเพลงในระดับที่ชวนให้นึกถึง iPod รุ่นดั้งเดิมเลยทีเดียว”

ประเด็นเรื่องการที่หูฟังหลุดออกจากหูมีให้เห็นอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วรายงานว่าเสียบไว้จนลืมไปเลยและไม่เคยหล่นโดยไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ นอกจากนั้น Apple ก็ออกซอฟต์แวร์อัพเดตให้กับ AirPods เพื่อให้หาได้บน Find My iPhone อย่างน้อย ๆ ก็ยังพอหาเจอถ้าเกิดลืมไปว่าวางไว้ที่ไหน

การเปิดตัวของ AirPods นั้นไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นวิสัยทัศน์ระยะยาวของ Apple ที่วางไว้มานานหลายปีเท่านั้น แต่มันได้กำหนดทิศทางและเปลี่ยนมาตรฐานของหูฟังไร้สายในตลาดไปด้วย แม้ยังคงถูกนักวิจารณ์เฉพาะกลุ่มเรื่องคุณภาพไม่ได้ดีอะไร แต่นั่นไม่ใช่ความตั้งใจของ Apple ที่มีกลุ่มลูกค้าระดับกลางที่อยากได้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีในราคาที่พอเอื้อมถึงเป็นเป้าหมายมากกว่า

มันเป็นการเดินทางที่ยาวไกลพอสมควรกับ AirPods วันแรก ๆ ที่เกือบมีสาย จนเปิดตัวแล้วโดนล้อทั่วบ้านทั่วเมือง ทว่าตอนนี้หันไปทางไหนก็มีแต่คนใส่เต็มบ้านเต็มเมือง แถมถูกหลาย ๆ แบรนด์ลอกการออกแบบไปใช้ด้วยซ้ำ

หลังจากรุ่นแรกในปี 2016 ตอนนี้ผ่านมา 6 ปี เราเห็น AirPods มาถึงรุ่นที่ 3 มีการเปลี่ยนโฉมเล็กน้อย มีรุ่นโปร AirPods Pro ออกมา 2 รุ่น และรุ่นแบบครอบหู AirPods Max อีก 1 รุ่น เสียงตอบรับก็ดีมาโดยตลอด จากยอดขายแล้วก็คงเห็นการพัฒนาอย่างต่อเนื่องแน่นอน

จุกหูฟังซิลิโคนออกแบบให้มีหลายขนาดเพื่อความกระชับ

AppleInsider Medium
The Next Web Tech The Lead
Reddit Business of Apps
Engadget Patents
USPTO Apple Insider 2

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส