เรียกว่าประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลาย จนซีรีส์ที่สร้างจากเกมเรื่องอื่น ๆ ได้แต่มองตาปริบ ๆ ด้วยความอิจฉา กับสิ่งง่าย ๆ ที่แฟนเกมและคนดูต้องการในซีรีส์นั่นคือความเคารพต้นฉบับกลิ่นอายการตีความใหม่ ที่ยังคงเอกลักษณ์และความเป็นเกมนั้นอยู่ ซึ่งซีรีส์ ‘The Last of Us’ มีทุกอย่างที่ซีรีส์จากเกมต้องมีและต้องการ จนแม้แต่คนที่ไม่ได้เล่นเกมไม่รู้จักยังชื่นชอบการนำเสนอของซีรีส์นี้ แต่คุณรู้กันรึไม่ว่ากว่าซีรีส์ ‘The Last of Us’ จะได้สร้างจนโด่งดังที่เราได้เห็นตอนนี้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง รวมถึงสิ่งต่าง ๆ ที่คุณอาจจะยังไม่รู้เกี่ยวกับซีรีส์นี้ในมุมมองเรื่องต่าง ๆ ที่น่าสนใจสำหรับคนที่เป็นแฟนซีรีส์นี้ให้ได้อ่านกัน รวมถึงคนที่เล่นเกมก็จะได้รับข้อมูลที่น่าสนใจที่คุณยังไม่รู้เกี่ยวกับซีรีส์นี้ด้วย จะมีเรื่องราวอะไรที่น่าสนใจบ้างนั้นมาดูไปพร้อมกันเลย

จุดเริ่มต้นการสร้างซีรีส์ The Last of Us มีมาตั้งแต่ปี 2014

The Last of Us

เริ่มต้นเรื่องแรกเรามาทำความรู้จักที่มาที่ไปของซีรีส์นี้ ที่เริ่มต้นโครงการจริง ๆ กับการพัฒนาบทเกมมาเป็นภาพยนตร์และซีรีส์ตั้งแต่ปี 2014 หรือ 1 ปีหลังจากที่เกม ‘The Last of Us’ วางจำหน่ายบน ‘PlayStation 3’ โดยมี นีล ดรักแมน (Neil Druckmann) นักเขียนและผู้กำกับเกมมาคุมงานเอง จนมาถึงปี 2016 ตัวโครงการก็ยังไม่คืบหน้าไปไหนแต่ก็มีการเขียนบทเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่โครงการจะถูกล้มเลิกในปี 2019 เพราะการเจรจาข้อตกลงกับสตูดิโอภาพยนตร์และโทรทัศน์ในตอนนั้น ต่างต้องการสร้างภาพยนตร์ซีรีส์ของเกม ‘Uncharted’ เกมล่าสมบัติที่โด่งดังในตอนนั้นมากกว่าจะทำซีรีส์ ‘The Last of Us’ แถมในช่วงปี 2018 ทาง ‘PlayStation Productions’ ของทางพ่อใหญ่ ‘Sony’ ต้องการเอาเกมของตัวเองมาสร้างเป็นภาพยนตร์ หนึ่งในนั้นก็มี ‘The Last of Us’ ที่จะถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ แต่ทางนีลไม่ต้องการแบบนั้นเขาต้องการสร้าง ‘The Last of Us’ ให้เป็นซีรีส์เพื่อบอกเล่าสิ่งต่าง ๆ ที่ตนเองไม่ได้เล่าในเกมให้ทุกคนได้รู้ จนแล้วจนรอดซีรีส์นี้ก็ถูกส่งผ่านไปยัง ‘HBO’ รับช่วงต่อจนมาถึงปี 2020 จึงมีการประกาศสร้างซีรีส์ ‘The Last of Us’ ที่เป็นการร่วมทุนสร้างระหว่าง ‘HBO’ และ ‘Sony Pictures Television’ ที่มีการประกาศจากทาง ‘HBO’ กับนีลที่โพสต์ลง ‘Twitter’ ประกาศถึงความพร้อมในการสร้างซีรีส์นี้ จนเราได้เห็นข่าวความคืบหน้าและการฉายในปี 2023 เรียกว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะมาก ๆ กว่าจะมาถึงตรงนี้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมซีรีส์นี้ถึงออกมาดีขนาดนี้

The Last of Us

การเลือกนักแสดงมารับบท Joel

The Last of Us

มาที่ตัวละครหลักกันบ้างที่หลังจากมีการประกาศการสร้างซีรีส์ไปแล้ว คราวนี้ก็มาถึงการตามหานักแสดงที่เป็นตัวหลักของซีรีส์นี้ ที่ในตอนแรกทางทีมพัฒนาต้องการ แมทธิว แม็กคอนาเฮย์ (Matthew McConaughey) นักแสดงหนุ่มมารับบท โจล (Joel) ก่อนที่เจ้าตัวจะปฏิเสธรับบทนี้ และมีข่าวลือว่าจะได้นักแสดงผิวดำอย่าง มาเฮอร์ชาลา อาลี (Mahershala Ali) มารับบทนี้ (บอกเลยว่าถ้าเป็นจริงซีรีส์คงโดนด่ากระจาย) แต่ก็เป็นแค่ข่าวลือ จนหวยมาตกที่ เพโดร พาสคาล (Pedro Pascal) ที่ยินดีรับแสดงแต่ต้องผ่านการคัดเลือกผ่านระบบ ‘Zoom’ ในวันที่ 8 มีนาคม 2020 จนวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2021 ทางนีลก็ประกาศว่าตอนนี้ได้คัดเลือกนักแสดงหลักในซรีส์ครบแล้ว ซึ่งในตอนนั้นลุงเพโดรก็มีชื่อเสียงจากซีรีส์สงครามอวกาศ ‘The Mandalorian’ ที่ใส่หน้ากากตลอดทั้งซีรีส์แต่พี่แกกลับได้รับความนิยม จนเมื่อมีการประกาศว่าลุงแกจะได้บทนี้แฟน ๆ ที่รู้ต่างก็ยินดีเพราะพลังการแสดงและหน้าตาลุงนั้นเหมือนโจลในเกมมากจนแฟน ๆ พอใจ และสิ่งหนึ่งที่ทีมสร้างซีรีส์กำชับลุงเพโดรว่าห้ามไปเล่นเกมนี้ เพราะทีมงานต้องการความสดใหม่เป็นตัวละครที่นักแสดงตีความเองไม่ใช่ลอกมาจากเกม แต่สุดท้ายลุงแกก็แอบไปเล่นเพื่อเรียกรู้หลาย ๆ อย่างของตัวละครนี้

The Last of Us

การเลือกนักแสดงที่มารับบท Ellie

The Last of Us

เรียกว่ามีข้อถกเถียงกันจนแบ่งออกเป็นสองฝ่ายทันที เมื่อมีการประกาศนักแสดงหญิงที่จะมารับบทเด็กสาวปากดีอย่าง เอลลี่ (Ellie) ที่กว่าจะได้นักแสดงคนนี้มาทางทีมงานต้องคัดเลือกนักแสดงเด็กผู้หญิงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นน้องเข็มเล็กอย่าง เมซี วิลเลียมส์ (Maisie Williams) จากซีรีส์ ‘Game of Thrones’ ที่น้องมีโครงหน้าที่เหมือนเอลลี่มาก ๆ ไปจนถึงน้อง แคทลิน เดเวอร์ (Kaitlyn Dever) ที่ก็ดูเหมือนจนเรียกว่าลอกหน้าจากเกมมาใช้ได้เลยทีเดียว แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ไม่ผ่านการคัดเลือกเพราะอายุของทั้งสองคนเกินกว่าในซีรีส์มาไกล ที่หลายคนอาจจะสงสัยว่าการนำนักแสดงที่อายุเกินกว่าความจริงมาแสดงก็เป็นเรื่องปกติในวงการนี้ แต่ทำทำไมถึงเอามาแสดงไม่ได้ ซึ่งสิ่งนี้คนเล่นเกมอย่างเราสามารถตอบแทนคนที่ไม่รู้ได้ทันทีว่า ถ้าซีรีส์นี้ถูกสร้างภาคต่อออกมาแน่นอน และเมื่อตอนนั้นนักแสดงจะอายุเกินไปไกลกว่าซีรีส์ไปอีก การใช้นักแสดงที่อายุจริงพอมาถึงภาค 2 อายุน้องก็จะตรงกับเกมจนไม่ผิดเพี้ยนไปจากความจริง เพราะเรื่องราวในภาค 2 นั้นก็ผ่านมา 5 ปีจากภาคแรก ซึ่งการเลือกน้องหมี เบลลา แรมซีย์ (Bella Ramsey) มาน่าจะเพราะเหตุผลนี้ รวมถึงการแสดงอารมณ์ผ่านสีหน้าแววตาที่น้องทำออกมาได้สุดมาก ๆ จนคนที่เคยว่าน้องไปว่าไม่เหมือนในเกมต่างถอนคำพูดกันไม่ทันเลยทีเดียว และทั้งลุงเพโดรกับหนูแรมซีย์ก็ไม่เคยเจอกันเลยจนมาถึงการถ่ายทำที่ทั้งสองคนก็เข้ากันได้อย่างดี เรียกว่าลงตัวแบบสุด ๆ

The Last of Us

การรักษาจิตวิญญาณของเรื่องที่ Neil Druckmann ย้ำว่าต้องมี

The Last of Us

เหมือนเป็นการลูบหน้าคนเขียนบทและกำกับซีรีส์ภาพยนตร์ที่สร้างจากเกมเบา ๆ ที่คนเหล่านั้นมักจะบอกว่าตนเองรู้จักเกมนี้เป็นแฟนและรักเกมนี้มาก ๆ และต้องการนำจิตวิญญาณทุกอย่างของเกมมาใส่ในหนังซีรีส์ แต่สุดท้ายคนดูก็ถึงกับมองบนแล้วพูดว่านี่ใส่จิตวิญญาณลงไปแน่นะวิ เพราะมันไม่มีความเป็นเกมอยู่ในซีรีส์กับภาพยนตร์เรื่องนั้น ๆ เลย แต่สำหรับนีลแล้วเขาบอกว่า “องค์ประกอบที่สำคัญที่สุดในการดัดแปลงเกมเป็นภาพยนตร์หรือซีรีส์ คือการรักษาจิตวิญญาณของเกมเอาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์ของตัวละคร ในขณะที่เกมเพลย์กับฉากแอ็กชันควรมีความสำคัญน้อยที่สุด” ขณะที่ผู้กำกับร่วมอีกคนอย่าง เครก มาซิน (Craig Mazin) กล่าวว่า “เราไม่ควรเปลี่ยนแปลงสิ่งที่อยู่ในเกมแต่ควรออกแบบเติมเต็มและขยายสิ่งต่างๆ ที่มีให้คนดูรับรู้สิ่งต่าง ๆ ไม่ใช่การเอามาตีความใหม่” อ่านมาถึงตรงนี้แล้วทำให้คิดถึง ภาพยนตร์ซีรีส์ที่สร้างจากเกมเรื่องก่อน ๆ ที่ทำมาก็ตรงข้ามกับที่สองคนนี้บอกมาทั้งหมด จนมันเละเป็นโจ๊กใส่ไข่อย่างที่เราได้เห็น ๆ มา

The Last of Us

นักแสดงต้นแบบในเกมที่กลับมารับบทเดิมในซีรีส์

The Last of Us

ตัดมาที่ฝั่งเกมทางทีมพัฒนาซีรีส์ก็ไม่พลาดที่จะเชิญเหล่าตัวละครที่เป็นต้นแบบ ‘Motion Capture’ ของตัวละครในเกมมาเป็นแขกรับเชิญในซีรีส์ถึง 3 คน 1 ตัวที่คนเล่นเกมรู้จักพวกเขาและเธอรวมถึงมันเป็นอย่างดี ซึ่งทุกคนก็ได้รับบทสำคัญในเรื่องแถมบางคนก็รับบทเป็นตัวเดียวกับในเกมอีกด้วย

Merle Dandridge รับบท Marlene

The Last of Us

เริ่มจากนักแสดงคนแรกที่เราได้เห็นตัวเธอไปแล้ว กับบท มาร์ลีน (Marlene) ผู้นำกลุ่ม ‘Fireflies’ ที่ส่งตัวเอลลี่ให้โจลไปดูแลต่อ ซึ่งได้ เมิร์ล แดนดริดจ์ (Merle Dandridge) มารับบทเป็นตัวละครเดียวกับในเกม ที่ตัวเกมได้ใช้หน้าตาท่าทางของเธอมาเป็น ‘Motion Capture’ ที่แฟนเกมเห็นเธอครั้งแรกต่างก็เอามืออุดปากน้ำตาไหลริน เพราะได้เห็นตัวละครในเกมปรากฏตัวเป็น ๆ อยู่ในซีรีส์

The Last of Us

Troy Baker รับบท James

The Last of Us

อีกหนึ่งนักแสดงคนสำคัญที่ขาดไม่ได้ (ถ้าไม่มีแกในซีรีส์แฟน ๆ เกมมีเคือง) เพราะในวงการเกม ทรอย เบเกอร์ (Troy Baker) นักแสดงชื่อดังที่ฝากผลงานไว้ในเกมมากมาย จนเราสามารถเอางานแกมาเขียนเป็นอีกบทความได้เลย ซึ่งในเกม ‘The Last of Us’ พี่ทรอยก็รับบท ‘Motion Capture’ เป็นลุงโจลและให้เสียงพากย์ด้วย ส่วนในซีรีส์นั้นพี่เขาได้รับบทเป็น เจมส์ (James) หนึ่งในสมาชิกอาวุโสของกลุ่มผู้ตั้งถิ่นฐานที่จะมีบทบาทในซีรีส์ช่วงกลางเรื่อง ที่เราบอกคุณได้เท่านี้ที่เหลือไปรอดูเอาเอง

The Last of Us

Ashley Johnson รับบทแม่ของ Ellie

The Last of Us

อีกหนึ่งนักแสดงที่ถ้าไม่มีเธอในซีรีส์ แฟน ๆ เกมจะมีเคืองจนลูกบวชแน่นอน เพราะ แอชลีย์ จอห์นสัน (Ashley Johnson) คือคนที่สร้างตัวตนจิตวิญญาณเสียงพากย์และเป็น ‘Motion Capture’ ให้กับเอลลี่ในเกม ‘The Last of Us’ ที่ถ้าคุณเล่นเกมนี้คุณจะต้องตกหลุมรักสาวน้อยคนนี้เหมือนนักเล่นเกมทั่วโลกที่น้อยคนจะสามารถทำได้ และนอกการแสดงให้เสียงพากย์ในเกมแล้ว แอชลีย์ยังเป็นนักแสดงในภาพยนตร์ซีรีส์อีกมากมายที่ถ้าใครจำไม่ได้ ให้ไปดูตอนจบของ  ‘The Avengers’ ที่พนักงานให้สัมภาษณ์นักข่าวท้ายเรื่อง ส่วนในซีรีส์ ‘The Last of Us’ แอชลีย์ก็มีบทบาทรับเชิญในฐานะแม่ของเอลลี่ ที่ตัวละครนี้ไม่มีในเกมและเธอก็ปรากฏให้เราเห็นในตัวอย่างก่อนซีรีส์ฉายไปแล้ว มารอดูกันว่าส่วนนี้จะถูกเพิ่มเติมจนน่าสนใจขนาดไหน

The Last of Us

Buckley รับบทเป็นตัวเอง

The Last of Us

และก็มาถึงบทของน้องหมาในเกม ‘The Last of Us’ ที่ถ้าใครเคยเล่นเกมนี้ทั้งสองภาคมาแล้ว คงจะได้เห็นน้องหมา บัคลีย์ (Buckley) ตัวประกอบที่ไม่มีความสำคัญในเรื่อง แต่มันก็ช่วยบอกเราถึงความมีชีวิตในโลกที่ล่มสลาย ว่าถึงโลกนี้จะล่มสลายสายสัมพันธ์มนุษย์กับสัตว์ก็ยังคงอยู่ ที่ในเกมนี้ก็ใช้น้องหมาจริง ๆ มาเป็นนักแสดง และเมื่อตัวซีรีส์ถูกเอามาสร้างน้องบัคลี่ย์ก็ได้รับเชิญมาเล่นเป็นตัวเองในซีรีส์อีกด้วย ที่กว่าเราจะเห็นน้องก็น่าจะเป็นช่วงกลางเรื่องไปแล้ว ส่วนใครที่คิดถึงก็ไปหาน้องในเกมทั้งสองภาคได้

The Last of Us

ชื่อตอนที่เหลือในซีรีส์

The Last of Us

ปิดท้ายกับการดูรายชื่อตอนที่ทางทีมสร้างซีรีส์เปิดเผยออกมาว่าจะมีทั้งหมด 9 ตอน โดยในตอนแรกมีชื่อว่า ‘When You’re Lost in the Darkness’ ที่แปลว่า “เมื่อคุณหลงทางในความมืด” ที่บ่งบอกถึงเรื่องราวจุดเริ่มต้นได้เป็นอย่างดี ส่วนตอนที่ 2 นั้นมีชื่อว่า ‘Infected’ ที่หมายถึงการติดเชื้อที่ถ้าใครดูตอนที่ 2 ของซีรีส์ไปแล้วคงจะเข้าใจว่ามันหมายถึงฉากป้อนเห็ดเข็มทองแบบปากต่อปาก ที่เล่นเอาหลายคนไม่กล้ากินเห็ดไปอีกพักใหญ่เลยทีเดียว ส่วนตอนที่ 3 จะมีชื่อว่า ‘Long Long Time’ ที่หมายถึง “เป็นเวลายาวนานมาก ๆ” ที่สำหรับคนเล่นเกมน่าจะรู้ทันทีว่ามันหมายถึงอะไร เพราะความหมายมันตรงกับเนื้อหาในเกม ส่วนตอนที่ 4 มีชื่อว่า ‘Please Hold My Hand’ ที่แปลว่า “โปรดจับมือฉันไว้” ที่น่าจะถึงช่วงสำคัญที่สุดส่วนหนึ่งที่บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ของโจลกับเอลลี่มากขึ้นผ่านตอนนี้ มาถึงตอนที่ 5 มีชื่อว่า ‘Endure and Survive’ หมายถึง “อดทนเพื่อการอยู่รอด” ที่คนเล่นเกมอ่านชื่อนี้ก็รู้ทันทีว่าคราวนี้จะมีตัวละครใหม่เพิ่มเข้ามา ตอนที่ 7 มีชื่อตอนสั้น ๆ ว่า ‘Kin’ ที่แปลว่า “ญาติ” ที่น่าจะเป็นตอนย้อนอดีตเรื่องราวของเอลลี่ตอนเธอเกิด (เดาล้วน ๆ) ตอนที่ 8 คนเล่นเกมถึงกับขนลุกเพราะมันคือชื่อเดียวกับใน ‘DLC’ ที่ใช้ชื่อเดียวกันอย่าง ‘Left Behind’ หรือแปลว่า “ทิ้งไว้ข้างหลัง” ที่เป็นการบอกเล่าเรื่องราวของเอลลี่ช่วงที่โดนกัด (อันนี้ยืนยันถูกต้อง 100%) ตอนที่ 9 นั้นจะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของเรื่องราว ที่ถ้าเป็นช่วงเปลี่ยนแปลงอะไรหลาย ๆ อย่างของทั้งคู่ เพราะใช้ชื่อตอนว่า ‘When We Are in Need’ ที่แปลอ้อม ๆ ก็หมายถึง “ความจำเป็น สิ่งที่เราต้องทำ หรือความต้องการ” ที่เมื่อตีความออกมาแบบนี้คนเล่นเกมก็จะอืม ๆ กันทันที และมาถึงตอนสุดท้ายที่ยังไม่บอกชื่อ แต่หลายคนก็คิดไว้แล้วว่ามันต้องมีชื่อตอนว่า “I Swear” ที่แปลว่า “ฉันสาบาน” (เป็นการคาดเดาเท่านั้นแต่คิดว่าต้องไม่ผิดจากนี้แน่ ๆ นอน) แล้วมารอดูว่าจะตรงตามที่บอกรึเปล่า

The Last of Us

ก็จบกันไปแล้วกับการรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ที่น่าสนใจในการสร้างซีรีส์ ‘The Last of Us’ ที่คุณอาจจะไม่เคยรู้ ทั้งในส่วนของซีรีส์และเกมเพื่อเอาใจทั้งคนดูซีรีส์กับเล่นเกมให้ได้รับข้อมูลที่น่าสนใจเพื่อจะได้ดูซีรีส์ได้สนุกขึ้น และถ้าข้อมูลขาดตกตรงไหนไปก็ขออภัยมาด้วย เพราะเราได้คัดข้อมูลต่าง ๆ ที่น่าสนใจที่หลายคนไม่รู้มาบอกกัน และถ้าเรามีข่าวสารอื่น ๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับ ‘The Last of Us’ อีกเราจะรีบมารายงานให้คุณได้ทราบทันที ยังไงก็ติดตามทางแบไต๋ได้เลย รับรองไม่พลาดทุกข่าวสารความบันเทิงแน่นอน

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส

เนื้อหาล่าสุด

เปิดตัว Xiaomi 13 Lite : ขุมพลัง Snapdragon 7 Gen 1, กล้องหน้าคล้าย Dynamic Island

นอกจากการเปิดตัว Xiaomi 13 และ Xiaomi 13 Pro เวอร์ชันระดับโลกแล้วนั้น Xiaomi ยังได้เปิดตัว Xiaomi 13 Lite ที่ถูกกว่าเวอร์ชันมาตรฐานเกือบครึ่ง

Qualcomm แอบสปอยล์ iPhone 16 จะใช้ชิปโมเด็มของตัวเองแล้ว

อย่างที่เราทราบกันดีว่าตั้งแต่ iPhone 12 ที่รองรับการเชื่อมต่อ 5G นั้น Apple ได้ใช้โมเด็มของ Qualcomm เรื่อยมาเนื่องจากปัญาหาด้านคดีความ รวมถึง Apple ...อ่านต่อ

[รีวิว] We Have a Ghost : หลากหลายรสชาติในเรื่องเดียว แต่ไม่อร่อย
5.1 / 10

[รีวิว] We Have a Ghost : หลากหลายรสชาติในเรื่องเดียว แต่ไม่อร่อย

พล็อตที่ว่าด้วยครอบครัวซื้อบ้านเก่าราคาถูก แล้วพบว่าที่ราคาถูกก็เพราะมีผีในบ้าน แต่พ่อแม่และลูกชายทั้งสองไม่กลัวผี หนำซ้ำยังถ่ายคลิปผีมาสร้างรายได้บนโลกโซเชียล แต่ก็ต้องสู้รบปรบมือกับหน่วยงานลับของ ...อ่านต่อ