บัตรแรบบิท (Rabbit Card) คือระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ ที่นอกจากจะใช้เป็นบัตรโดยสารแล้ว ยังครอบคลุมไปถึงการใช้ชำระสินค้าและบริการอื่น ๆ ได้อีกด้วย ถือว่าเป็นบัตรอีกใบที่หลายคนต้องพกติดตัวตลอดเวลาเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการเปิดตัวโครงการรถไฟฟ้า 20 บาท ทำให้หลายคนเริ่มสนใจที่จะทำบัตร เพื่อใช้สิทธิ์ในการเดินทาง
บทความนี้ จะพามาแบไต๋ขั้นตอนในการสมัครบัตรแรบบิทฉบับมือใหม่ พร้อมรายละเอียดที่ต้องรู้ในการลงทะเบียนโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
ประการแรกที่ต้องรู้คือบัตรแรบบิทที่ให้บริการในปัจจุบัน แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก เพื่อตอบสนองการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนี้
- บัตรสำหรับบุคคลทั่วไป คือ ผู้ที่มีอายุระหว่าง 23 ปี ขึ้นไปแต่ไม่เกิน 60 ปี ใช้ได้ทั้งเดินทางและชำระค่าสินค้า
- บัตรนักเรียน/นักศึกษา คือผู้ที่มีอายุไม่เกิน 23 ปีบริบูรณ์
- บัตรผู้สูงอายุ เป็นบัตรที่ให้ส่วนลดค่าโดยสารแก่ผู้สูงอายุที่ลงทะเบียน โดยต้องเป็นผู้ที่มีสัญชาติไทยอายุ 60 ปีขึ้นไป
สำหรับบัตรประเภท บัตรนักเรียน/นักศึกษา และบัตรผู้สูงอายุ จะต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชนต่อพนักงานเมื่อมีการร้องขอ หากไม่มีคุณสมบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดจะถือว่าไม่ได้ชำระค่าโดยสาร และต้องชำระค่าปรับในอัตราไม่เกิน 20 เท่าของค่าโดยสารสูงสุดในราคาปกติ
ขั้นตอนการสมัครบัตรแรบบิท ง่ายและรวดเร็ว
การมีบัตรแรบบิทในครอบครองสามารถทำได้ในไม่กี่ขั้นตอน และคุณยังสามารถเลือกช่องทางที่สะดวกที่สุดได้ด้วยตนเอง
1. สมัครผ่านช่องทางที่สะดวก
- ช่องทางออฟไลน์ สามารถซื้อและรับบัตรได้ทันทีที่ ห้องจำหน่ายตั๋วรถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS) ทุกสถานี เพียงแจ้งความประสงค์กับเจ้าหน้าที่และแสดงบัตรประชาชนเพื่อลงทะเบียนยืนยันตัวตน
- ช่องทางออนไลน์ หากต้องการความสะดวก สามารถสั่งซื้อบัตรได้ผ่านร้านค้าทางการของบัตรแรบบิทบน Shopee และ Lazada ซึ่งจะจัดส่งบัตรให้ถึงมือคุณ
2. ค่าใช้จ่ายและเอกสาร
ค่าธรรมเนียม บัตรแรบบิทมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้น 200 บาท ซึ่งประกอบด้วยค่าธรรมเนียมการออกบัตร 100 บาท และยอดเงินคงเหลือในบัตรสำหรับใช้โดยสารอีก 100 บาท
สำหรับเอกสารใช้เพียง บัตรประชาชนตัวจริง (สำหรับชาวไทย) หรือ หนังสือเดินทาง (สำหรับชาวต่างชาติ) เพื่อยืนยันตัวตนในขั้นตอนการลงทะเบียน
3. การเปิดใช้งานบัตรแรบบิทที่ลงทะเบียนแล้ว
หลังจากลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว ต้องห้องจำหน่ายบัตรโดยสารเพื่อเปิดการใช้งานอย่างสมบูรณ์ โดยต้องนำบัตรแรบบิท, บัตรประชาชน และโทรศัพท์มือถือที่ทำการลงทะเบียนติดต่อที่ห้องจำหน่ายตั๋วโดยสารบีทีเอสทุกสถานีเพื่อเปิดใช้บริการ
การลงทะเบียนยืนยันตัวตน (KYC) เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
การลงทะเบียนบัตรหรือที่เรียกว่า KYC (Know Your Customer) เป็นขั้นตอนสำคัญที่คุณไม่ควรมองข้าม เพราะเป็นการผูกบัตรกับข้อมูลส่วนตัวเพื่อความปลอดภัยของยอดเงินในบัตร
ประโยชน์ของการลงทะเบียน หากบัตรสูญหายหรือถูกขโมย คุณสามารถแจ้งอายัดบัตรและโอนยอดเงินคงเหลือไปสู่บัตรใบใหม่ได้ ช่วยป้องกันความเสียหายทางการเงิน
ช่องทางการลงทะเบียน
- ที่ห้องจำหน่ายตั๋วรถไฟฟ้าบีทีเอสทุกสถานี
- ศูนย์บริการแรบบิท (Rabbit Service Center)
- ผ่านแอปพลิเคชัน My Rabbit ซึ่งช่วยให้คุณสามารถลงทะเบียนด้วยตนเองได้ทุกที่ทุกเวลา
สำหรับ ศูนย์บริการบัตรแรบบิท (รถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีพญาไท) และที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสทุกสถานี สามารถติดต่อได้ในเวลาทำการ ตั้งแต่เวลา 09.00 – 19.00 น. ขั้นตอนง่าย ๆ เพียงเตรียมหลักฐานและข้อมูลดังต่อไปนี้มาติดต่อเพื่อดำเนินการลงทะเบียนที่ศูนย์บริการบัตรแรบบิท
- บัตรแรบบิทที่ต้องการลงทะเบียน
- บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง สำหรับชาวไทย หรือแสดงหนังสือเดินทางตัวจริงสำหรับชาวต่างชาติ
- ข้อมูลการติดต่อ เช่น เบอร์โทรศัพท์หรืออีเมล
สำหรับผู้ลงทะเบียนบัตรแรบบิทที่มีอายุต่ำว่า 15 ปี และไม่มีบัตรประชาชน ให้แสดงสูติบัตรหรือทะเบียนบ้าน หรือผู้ปกครองสามารถลงทะเบียนแทนได้
การผูกบัตรเพื่อใช้กับโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
บัตรแรบบิทที่สามารถเข้าร่วมมาตรการค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ได้นั้น จะต้องเป็นบัตรที่รองรับระบบ ABT (Account-based Ticketing) หรือบัตรที่ได้ลงทะเบียนผูกกับ Rabbit Wallet หรือ Rabbit LINE Pay เรียบร้อยแล้วเท่านั้น
บัตรประเภทนี้จะครอบคลุมการเดินทางในเส้นทางรถไฟฟ้าดังต่อไปนี้
- รถไฟฟ้าสายสีเขียว (BTS) ส่วนต่อขยาย (สถานีห้าแยกลาดพร้าว – คูคต และ สถานีบางจาก – เคหะฯ)
- รถไฟฟ้าสายสีทอง (Gold Line)
- รถไฟฟ้ามหานครสายสีเหลือง (MRT Yellow Line)
- รถไฟฟ้ามหานครสายสีชมพู (MRT Pink Line)
วิธีผูกบัตร Rabbit กับ Rabbit Wallet
วิธีการเปิดบัญชีแรบบิท วอลเล็ท สำหรับผู้ใช้ My Rabbit (ผู้ใช้รายใหม่)
1. เปิดบัญชี My Rabbit
2. เตรียมบัตรประชาชนเพื่อยืนยันตัวตน แล้วทำตามขั้นตอน
3. สแกนใบหน้า
4. เปิดบัญชีแรบบิท วอลเล็ท สำเร็จ
วิธีการเปิดบัญชีแรบบิท วอลเล็ท สำหรับผู้ใช้ My Rabbit (ผู้ใช้ปัจจุบัน)
1. กดปุ่ม “เปิดใช้งาน Rabbit Wallet”
2. เตรียมบัตรประชาชนเพื่อยืนยันตัวตนแล้วทำตามขั้นตอน
3. สแกนใบหน้า
4. เปิดบัญชีแรบบิท วอลเล็ท สำเร็จ
วิธีผูกบัตร Rabbit กับ Rabbit Line Pay
หากคุณเป็นผู้ใช้งาน LINE อยู่แล้ว สามารถเลือกผูกบัตรผ่าน Rabbit LINE Pay ได้ ตาม 2 ขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้
- ลงทะเบียนบัตรแรบบิทบน LINE Pay
2. เปิดใช้งานบัตรแรบบิทที่ห้องจำหน่ายตั๋ว
นอกจากนี้ยังสามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม บัตรแรบบิทไม่ได้จำกัดอยู่แค่การโดยสารรถไฟฟ้าเท่านั้น แต่ยังสามารถนำไปใช้จ่ายที่ร้านค้าและบริการต่าง ๆ ที่มีสัญลักษณ์ Rabbit ได้อีกด้วย เช่น ร้านสะดวกซื้อ, ร้านอาหาร, ร้านกาแฟ, โรงภาพยนตร์ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีโปรแกรม Rabbit Rewards ที่ให้คุณสะสมพอยต์จากการใช้จ่ายเพื่อแลกรับสิทธิประโยชน์และส่วนลดต่างๆ ได้อีกมากมาย ทำให้บัตรแรบบิทเป็นมากกว่าบัตรเดินทาง แต่คือไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่สะดวกสบายในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง