หลังจากที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของประเทศไทย ได้ยื่นยุบสภาไปเมื่อวันพฤหัสบดี (11 ธันวาคม 2568) ที่ผ่านมานั้น ล่าสุดราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระราชกฤษฎีกายุบสภา โดยให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่ ไม่น้อยกว่า 45 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน ซึ่งนั่นเท่ากับว่าประเทศไทยจะมีการจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ภายในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569

โดยก่อนหน้านี้ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ได้มีหลายพรรคการเมืองเริ่มเปิดตัวแคนดิเดตนายกไปบ้างแล้ว แต่บางพรรคก็ยังไม่ได้มีการเปิดรายชื่อหรือระบุจำนวนแคนดิเดตอย่างเป็นทางการ บทความนี้แบไต๋จะพาส่องแคนดิเดตและว่าที่แคนดิเดตนายกฯ ที่เตรียมลงสนามในศึกเลือกตั้ง พร้อมทำหน้าที่รับใช้พี่น้องประชาชน จะมีใครกันบ้าง ?

พรรคภูมิใจไทย

เริ่มกันที่พรรคภูมิใจไทย พรรคของนายกคนล่าสุด ซึ่งได้มีการเปิดตัวแคนดิเดตนายกแบบกึ่งทางการผ่านการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ณ ตึกไทยคู่ฟ้า เมื่อ 10 พฤศจิกายน 2568 โดยมีรายชื่อแคนดิเดตนายกคือ อนุทิน ชาญวีรกูล แคนดิเดตนายกลำดับที่ 1, ดร. เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ แคนดิเดตนายกลำดับที่ 2, และศุภจี สุธรรมพันธุ์ แคนดิเดตนายกลำดับที่ 3

สำหรับพรรคภูมิใจไทยเรียกได้ว่ามีความพร้อม และเตรียมการสู้ในศึกเลือกตั้งครั้งนี้มาเป็นอย่างดี อีกทั้งหลายสื่อหลายโพลยังนำเสนอไปในทิศทางเดียวกันว่าพรรคภูมิใจไทยจะได้คะแนนความนิยมเพิ่มขึ้นในแง่ของการเป็นพรรคอนุรักษ์นิยม หลังจากการเข้ามามีบทบาทบริหารบ้านเมืองในช่วง 95 วันที่ผ่านมา อีกทั้งยังเป็นพรรคการเมืองเนื้อหอมที่ดึงดูด สส. จากพรรคอื่น ๆ เข้ามาไม่ขาดสาย แต่การฉีก MOA กับพรรคประชาชนก็เป็นอีกมุมที่ถือเป็นการทำลายภาพลักษณ์การไม่รักษาคำพูดเช่นเดียวกัน

พรรคประชาชน

23 พฤศจิกายน 2568 พรรคประชาชนได้เปิดตัว 3 แคนดิเดตนายกฯ ได้แก่ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ แคนดิเดตนายกลำดับที่ 1, ศิริกัญญา ตันสกุล แคนดิเดตนายกลำดับที่ 2 และวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร แคนดิเดตนายกลำดับที่ 3 พร้อมขึ้นเวทีแสดงวิสัยทัศน์ในการบริหารประเทศ เรียกเสียงเชียร์ท่วมท้น

พรรคประชาชนถือเป็นพรรคที่ยึดคะแนนความนิยมได้อย่างเหนียวแน่นมาตลอดตั้งแต่อยู่ภายใต้ชื่อพรรคอนาคตใหม่ และพรรคก้าวไกล แต่หลังจากการทำ MOA กับพรรคภูมิใจไทย ผลักดันอนุทินนั่งเก้าอี้นายกไปเมื่อเดือนกันยายนนั้น สร้างความกังวลให้กับประชาชนผู้สนับสนุนอยู่ไม่น้อย และถูกโจมตีว่าเป็นดีลที่ล้มเหลว เพราะแรกเริ่มตั้งใจให้เข้ามาเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่กลับถูกฉีก MOA ไปแล้ว แน่นอนว่าเหตุการณ์นี้น่าจะสร้างผลกระทบต่อพรรคไม่เพียงแค่ผู้สนับสนุนเท่านั้น แต่ยังถูกวิจารณ์จากพรรคการเมืองคู่แข่งอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งครั้งนี้จะพิสูจน์ผลของการทำงานฝ่ายค้านที่ผ่านมา ท้ายที่สุดแล้วพรรคประชาชนจะสามารถคว้าชัยชนะและได้เป็นผู้นำจัดตั้งรัฐบาลของตนเองได้หรือไม่ 

พรรคเพื่อไทย

พรรคเพื่อไทยหลังจากการลงจากตำแหน่งของ แพทองธาร ชินวัตร แม้จะมีข่าวลือหนาหูว่าแคนดิเดตพรรคคนต่อไปน่าจะมาจากตระกูลชินวัตร อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการยืนยันอย่างเป็นทางการใด ๆ ออกมา และพรรคได้ประกาศแคนดิเดตนายกฯ เมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยมี ศ.ดร. ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์, จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และไพ่ลับไม้ตาย ที่ว่ากันว่าเป็นบิ๊กเศรษฐกิจอีกคนหนึ่ง ซึ่งรายชื่อทั้งหมดนั้นจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้งในวันที่ 16 ธันวาคมนี้

พรรคเพื่อไทยที่มีตระกูลชินวัตรเป็นหัวหน้าทัพมาตั้งแต่ยุคของ ทักษิณ ชินวัตร และแม้ว่าการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ไม่ได้มีรายชื่อแคนดิเดตพรรคมาจากตระกูลนี้ก็ตาม ทักษิณ ชินวัตร ก็จะยังคงเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณและเป็นบุคคลที่สมาชิกภายในพรรคให้ความเคารพ รวมทั้งอาจมีส่วนในการให้ความเห็นเสนอแนะกับทิศทางของพรรคในอนาคตอีกด้วย

พรรคที่น่าจับตามอง

นอกจาก 3 พรรคใหญ่ที่มีบทบาทและอิทธิพลต่อการเมืองไทยในช่วงนี้แล้ว ยังมีพรรคการเมืองน่าสนใจอีกหลายพรรคที่เปิดชื่อแคนดิเดต รวมถึงมีแนวโน้มการส่งแคนดิเดต เสนอตัวรับใช้ประชาชนเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองที่เคยได้รับความสนใจในการเลือกตั้งครั้งก่อน ๆ จนมีผู้ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หรือเคยเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมในรัฐบาล

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีลำดับที่ 27 อดีตผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นชื่อที่หลายคนคุ้นเคยเป็นอย่างดี ครั้งนี้กลับมาในฐานะของแคนดิเดตนายกฯ สังกัดพรรคประชาธิปัตย์เช่นเดิม แม้จะลามือไปนาน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าพรรคฟ้ายังครองใจคนภาคใต้เสมอมาไม่เปลี่ยนแปลง

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แคนดิเดตจากพรรคไทยสร้างไทย ที่ขอส่งตัวเองในฐานะหัวหน้าพรรคเข้าสู่สนามอีกครั้ง และเชื่อว่าจะได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชน นอกจากนี้ยังมีข่าวเซอร์ไพรส์จากพรรคในเช้าวันนี้ (12 ธันวาคม 2568) ด้วยการประกาศว่า พล.ท. ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย ที่หลายคนต่างแสดงความเห็นว่าเป็นนักการเมืองผู้มากฝีมือนั้นได้ตอบรับการทาบทามเป็นรายชื่อแคนดิเดตชิงนายกของพรรคไทยสร้างไทยด้วยเช่นกัน

สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เปิดตัวพรรคไทยก้าวใหม่ พร้อมประกาศเสนอตัวรับใช้พี่น้องประชาชนในฐานะแคนดิเดตนายกฯ

ด้านพรรคกล้าธรรมแม้จะยังไม่มีการเปิดรายชื่ออย่างเป็นทางการ แต่คาดว่า ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ปรึกษาของพรรคจะเป็นหนึ่งในแคนดิเดต หลังจากมีส่วนในรัฐบาลของนายกอนุทิน ปรากฏตัวรับผิดชอบงานต่าง ๆ ในช่วงที่ผ่านมา ที่จะเป็นผลนำไปสู่การตัดสินใจเลือกหรือไม่ของพี่น้องประชาชน

พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ คาดว่าจะได้รับการถูกส่งชื่อเป็นแคนดิเดตของพรรค ด้วยประสบการณ์และผลงานการบริหารบ้านเมืองในช่วงที่ผ่านมาภายใต้รัฐบาลของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาอย่างยาวนาน ด้าน พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค คาดว่าจะเป็นแคนดิเดตคนสำคัญจากพรรครวมไทยสร้างชาติ มากกว่าอดีตนายกประยุทธ์ที่เคยลงสนามไปแล้วเมื่อครั้งเลือกตั้งปี 66 พร้อมชูอุดมการณ์ มาเพื่อทำงาน ไม่ได้มาเล่นการเมือง

วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา ด้วยคุณวุฒิและวัยวุฒิที่มาก แม้จะอายุ 81 ปีแล้ว แต่คาดว่าหากมีการประกาศส่งแคนดิเดต เขาจะเป็นตัวแทนของพรรคประชาชาติอย่างแน่นอน

ในอีกฟากฝั่งของพรรคเสรีรวมไทย จะเป็นใครไปไม่ได้เลย นอกจาก พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้คร่ำวอดในวงการเสื้อสีกากี และเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางเมื่อลงเล่นการเมือง และยังมีผู้ที่เป็นดาวเด่นจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นั่นคือ พล.อ. รังษี กิติญาณทรัพย์ ที่ได้แสดงวิสัยทัศน์และวิเคราะห์เหตุการณ์ได้อย่างน่าสนใจจนหลายคนชื่นชม เป็นแคนดิเดตของพรรคเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนต่อจากนี้จะเป็นการประกาศวันเลือกตั้ง รับสมัคร สส. และการหาเสียง ซึ่งเป็นช่วงที่ดุเดือดที่สุดก่อนการเข้าคูหา เนื่องจากแคนดิเดตนายกฯ จะได้เริ่มขึ้นเวที ออกสื่อ แสดงจุดยืน นำเสนอนโยบายสำคัญที่จะคว้าคะแนนเสียงจากพี่น้องประชาชน และก้าวขึ้นเป็นนายกคนที่ 33 ของประเทศไทย