ซื้อเองรีวิวเองไม่มีใครเปย์ AirPods Pro ดีหรือไม่ เหมาะกับใคร ของมันต้องมีจริงรึเปล่า!?
Our score
8.2

AirPods Pro

จุดเด่น

  1. ไมค์ดี พูดชัดฟังชัด
  2. ใช้งานง่าย
  3. ตัดเสียงได้ดี
  4. ขนาดที่พกพาได้ง่าย

จุดสังเกต

  1. คุณภาพเสียงเพลงไม่ดีเท่าที่ควร
  2. ราคาค่อนข้างสูง
  • คุณภาพเสียง

    6.0

  • คุณภาพวัสดุ

    8.0

  • ความคล่องตัวในการใช้งาน

    9.5

  • ความสามารถในการคุยโทรศัพท์

    9.5

  • ความคุ้มค่า

    8.0

หากจะกล่าวถึงหูฟัง True Wireless หรือหูฟังไร้สายของแท้ที่มีการพูดถึงมากที่สุดคงปฏิเสธไม่ได้ว่า AirPods Pro หูฟังไร้สายรุ่นใหม่ของ Apple เป็นหูฟังที่มีคนพูดถึงเยอะที่สุด จนหลาย ๆ คนอาจถามว่า “เฮ้ย หูฟัง Apple ราคา 9,450 บาทเนี่ย เสียงมันดีรึเปล่า มันจำเป็นขนาดนั้นเลยหรอ?” มาครับ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง

บอกก่อนว่าส่วนตัวมีผลิตภัณฑ์ของ Apple ใช้งานหลายอย่าง คือ iPhone, MacBook, iPad Pro และชิ้นล่าสุดคือ AirPods Pro ที่ซื้อมาเอง เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่ารีวิวนี้จะไม่เป็นกลาง เป็นกลางยิ่งกว่าอะไรอีก (จัดมาเกือบหมื่น)

แนะนำสักนิดสำหรับใครที่ยังไม่เคยใช้ AirPods มาก่อน

อย่างที่กล่าวมาข้างต้นว่า AirPods เป็นหูฟังไร้สายแบบ True Wireless ของ Apple เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2017 จุดเด่นของ AirPods คือระบบการเชื่อมกับ iOS ที่แนบเนียน ใช้งานง่าย UI และ UX ดี เช่น การแตะเพื่อสั่งการเล่นเพลง/หยุดเพลง หรือสั่งงานเครื่องผ่าน Siri ที่ตัวหูฟังได้เลย แต่ด้านคุณภาพของเสียงนั้นต้องบอกตามตรงว่าด้อยกว่าราคาไปเยอะมาก (ผู้เขียนใช้มาตั้งแต่ AirPods ตัวแรกที่วางจำหน่าย)

ทีนี้ ทำไม AirPods ถึงขายดี? หนึ่งคือขึ้นชื่อว่า Apple สองคือระบบที่ใช้งานง่าย ระบบเสียงที่ดีเลย์น้อยที่สุด และที่สำคัญคือ ไมค์ที่ดีที่สุดในตลาด

มาถึงรุ่นท็อปอย่าง AirPods Pro

ต่อยอดจาก AirPods รุ่นแรกคือ AirPods (2) ที่เปลี่ยนมาใช้ชิป H1 รองรับชาร์จไร้สาย และรุ่นล่าสุดกับ AirPods Pro ที่เสริมประสิทธิภาพหลาย ๆ ด้าน ทำให้เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้นไปอีก

AirPods ปกติก้านยาวกว่า ส่วน AirPods Pro ก้านสั้นกว่าเยอะ

เปรียบเทียบกับ AirPods ปกติ

ตัวกล่องของ AirPods Pro นั้นมีขนาดค่อนข้างใกล้เคียงกับ AirPods ปกติ เพียงแต่ตัว Pro นั้นจะลดความสูงลง ออกด้านข้างมากขึ้น แต่ถือว่ายังอยู่ในขนาดที่พกพาได้ง่ายเหมือนเดิม สามารถใส่กระเป๋ากางเกงที่มีกระเป๋าเงินอยู่แล้วได้ด้วย

ในส่วนของหน้าตาหูฟังนั้นก็ทำมาในทรงอินเอียร์ที่เห็นแว้บแรกแล้วแอบขำ “เออ ตลกดี” ทีเด็ดหนึ่งอย่างของ AirPods Pro ที่อาจจะไม่ดีกับผู้ใช้งานบางกลุ่มคือจุกหูฟัง In-Ear ที่ออกแบบเอง ไม่เหมือนชาวบ้าน ดังนั้น เราไม่สามารถซื้อจุกหูฟังอื่น ๆ มาใส่แทนได้เลยครับ

การใช้งานเป็นยังไงนะ?

เล่ามาอย่างไว ไม่ให้เสียเวลา มาดูเรื่องการใช้งานต่อกันเลย AirPods Pro ถูกวางตำแหน่งเอาไว้เป็นหูฟังที่ (แพง) ดีที่สุดของ AirPods จุดเด่นเดิม ๆ ที่เคยมีใน AirPods รุ่นเก่ายังคงตามมาอย่างครบถ้วน คือการเชื่อมต่อที่ง่ายแบบง่ายมาก ๆ แต่เปิดฝามาก็เชื่อมต่อได้เลย หรือแม้แต่การฟังเพลงบนอุปกรณ์อื่นที่เชื่อมต่อ iCloud ไว้โดยไม่ต้องต่อใหม่ เช่นตอนนี้ผมฟังเพลงผ่าน iPhone แต่อยากจะไปดูหนังต่อ ก็เปิด iPad หรือ MacBook มาใช้งานต่อได้เลย (แต่ต้องผูก iCloud เดียวกันนะ)

AirPods pro

แต่ที่ตะหงิดใจคือการควบคุม เนื่องจาก AirPods รุ่นปกตินั้นใช้การแตะที่หูฟังเพื่อควบคุมการทำงานหรือเล่นเพลง ส่วนรุ่นนี้ใช้การบีบที่ก้าน เอาจริง ๆ คือแบบเก่าเป็น UX ที่ใช้งานง่ายกว่าเยอะมาก

เสียงเป็นยังไง ดีมั้ย?

ผมมองว่าเมื่อเทียบกับราคา 9,450 บาทที่จ่ายแล้วบอกตรง ๆ ว่า “ไม่ประทับใจเลย” เสียงรวม ๆ ค่อนข้างแห้ง เสียงกลางไม่เคลียร์ ไม่ใสเท่าที่ควร เสียงสูงไม่บาดหูแต่ไปได้ไม่สุด ซาวนด์สเตจและมิติของเสียงอยู่ในระดับกลาง ๆ ไม่กว้างมาก ส่วนเบสมาให้สัมผัสได้ แต่ไม่นุ่ม ไม่ลึก เสียงโดยรวมรู้สึกกระจุกอยู่ตรงกลาง (แต่ที่กล่าวมานี้ยังไม่พ้นระยะเบิร์นนะ ซื้อมาลองเลยว่างั้นเถอะ)

แต่ ถ้าเทียบกับ AirPods ปกติ สองอย่างที่พัฒนาขึ้นมาคือเรื่องของเบส มีมวลที่หนาขึ้นเล็กน้อย และเสียงกลางที่ใส ชัดเจนขึ้น โดยรวมไม่ได้มีความแตกต่างมากมายนักขนาดต้องอัปเกรดเพื่อคุณภาพของเสียง

เป็น In-Ear ที่สบายหูจริงรึ?

ถ้าใครเคยอ่านรีวิวของคนอื่น ๆ มาก่อน ส่วนใหญ่มักจะบอกว่า “มันสบายหูมากเหมือนไม่ใส่” อะไรทำนองนี้ แต่ว่ากันตามตรงคือ มันยังคงมีกลิ่นอายของ In-Ear อยู่นั่นแหละ อาจจะสบายขึ้นมาหน่อยจริง แต่ก็ยังทำให้ปวดหูอยู่บ้าง ถึงแม้ว่า Apple ได้ใส่ระบบตรวจจับขนาดรูหูมาใน AirPods Pro ด้วย ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบว่าขนาดของหูฟังที่ใส่อยู่นั้นเหมาะกับหูหรือไม่ ซึ่งตอนแรกที่ทดสอบก็พบว่าขนาดพอดีนะ แต่ยังปวดหู จึงลดขนาดของจุกมาที่ไซส์ S ก็พบว่าสบายหูขึ้น อันนี้ต้องดูความชอบและความสบายของเราเองด้วยนะครับ

Noise Cancelling และ Transparency

AirPods Pro มาพร้อมกับคุณสมบัติใหม่อย่าง Noise Cancelling หรือระบบตัดเสียงรบกวนภายนอก และ Transparency หรือระบบที่ทำให้เสียงภายนอกผ่านเข้ามาในหูได้ โดยวิธีการสลับระหว่างสองโหมดนี้คือบีบที่ก้านหูฟังค้างเอาไว้ (ถ้าบีบจังหวะเดียวจะเป็นการ Play/Pause เพลง)

AirPods pro

จากการทดสอบ Noise Cancelling แบบไม่เทียบกับใครก็ถือว่าทำได้ดี โดยผมแบ่งเป็นสถานการณ์ตัวอย่างดังนี้ (เปิดเสียงประมาณ 40-50%)

  • เสียงพูดคุย: แทบไม่ได้ยิน ตอนนั่งกินไอติมในร้าน ๆ หนึ่ง โต๊ะข้างหลังพูดค่อนข้างเสียงดังยังไม่ได้ยิน คิดว่าน่าจะต้องตะโกนคุยกันคงได้ยิน
  • เสียงรถยนต์: สำหรับรถเก๋งที่เงียบ ๆ แบบ เบนซ์ บีเอ็ม หรืออะไรพวกนี้จะไม่ค่อยได้ยินเท่าไหร่ แต่ถ้ารถบรรทุกหรือรถเมล์ ผ่านไปก็ยังพอได้ยินเสียงตึงตัง ๆ เข้ามาอยู่บ้าง ยิ่งรถแต่งท่อมายิ่งชัดเข้าไปใหญ่ ก็ถือว่ามีทั้งข้อดีข้อเสีย ข้อดีคือเงียบดี ข้อเสียคือจะโดนรถชนเมื่อไหร่ไม่รู้
  • เสียงรถไฟฟ้า: ประกาศในรถไฟชัดเจนมาก (5555) คือมันไม่ได้ยินชัดแบบหูเปล่า ๆ นะ แต่พอฟังรู้เรื่องว่ารถไฟประกาศอะไร เช่น สถานีต่อไปคือสถานีสยาม หรือห้ามดื่มน้ำกับกินอาหารบนขบวนเป็นต้น
  • เสียงลม: เวลาลมพัดเข้าหูเต็ม ๆ ครับ ไม่รอด

แต่ ถ้าเทียบกับ Sony WF-1000XM3 ก็ต้องบอกว่าฝั่งนั้นเขาตัดเสียงได้ดีกว่าเยอะมาก เงียบสนิทจริง ๆ โดยปกติแล้ว Noise Cancelling จะทำให้หูอื้อหน่อย เมื่อเทียบกันสองรุ่นแล้วพบว่า Sony ให้ความรู้สึกอื้อน้อยกว่าเล็กน้อย แต่ก็ยังอื้ออยู่

ที่น่าสนใจคือโหมด Transparency หรือโหมดให้เสียงภายนอกเข้ามา อ้างอิงจาก Apple Support โหมดนี้ทำงานโดยให้เสียงภายนอกผ่านหูฟังเข้ามาทำให้เราได้ยินเสียงจากภายนอก ถือว่าเป็นโหมดที่มีประโยชน์มากเวลาเราต้องการฟังประกาศอะไรที่ชัดเจน เช่น สลากกินแบ่งออกเลขอะไร สถานีรถไฟต่อคือสถานีอะไร ประกาศจากกระเป๋ารถเมล์ ประกาศจากห้าง หรือแม้แต่ฟังเสียงคนนินทาข้าง ๆ เรา ขอบอกว่าได้ยินชัดมาก ๆ

ดูหนังดู YouTube เล่นเกมไหวมั้ย?

สำหรับการรับชม YouTube และ Netflix เท่าที่เพ่งจนปวดตา ยังไม่พบอาการดีเลย์แต่อย่างใด ส่วนการพูดคุยผ่าน ROV พบว่าเสียงยังดีเลย์ระดับเกือบ 1 วินาทีครับ (นั่งคุยเล่นกับเพื่อนนี่ชัดเลย ปากไปแล้ว เสียงยังไม่มา) ถ้าต้องการชมคอนเทนต์อันนี้ไปได้สวย แต่ถ้าเอามาเล่นเกม ยังไงหูฟังแบบมีสายก็ดีกว่าแบบไม่ต้องสงสัยครับ เกือบ 1 วินาทีนี่พลาดเวลาบวกฝ่ายตรงข้ามได้เลยนะ

แล้วคุยโทรศัพท์ล่ะ? สำหรับ AirPods นั้นไม่ว่าจะรุ่นไหนก็ไม่ต้องเป็นห่วง ยกให้เป็นหูฟังที่คุยโทรศัพท์ดีที่สุดเลย อีกฝ่ายได้ยินเสียงเราชัดเจนมาก สำหรับ AirPods Pro นั้นเรื่องคุยโทรศัพท์ถือว่าไม่ต้องกังวล แต่มีอาการดีเลย์เล็กน้อย เหมือนเวลาเปิดไมค์เล่น ROV คือ เวลาคุย ปากไปแล้วแต่เสียงยังตามมาทีหลัง ซึ่งอันนี้อาจจะต้องรอเฟิร์มแวร์อัปเดตเพื่อแก้ปัญหาต่อไปครับ (เป็นหมดทั้งโทรปกติ โทร LINE, Messenger)

สรุป ซื้อดีมั้ย!?

เล่ากันมาก็ยาว บางคนอาจจะรอแค่สรุป “จะซื้อดีมั้ยวะ?” ด้วยความเห็นส่วนตัวในฐานะคนรีวิว ผมขอสรุปว่า AirPod Pro เหมาะกับคนที่

ต้องการ Noise Cancelling, ไมค์ที่ดีเยี่ยม คุยโทรศัพท์รู้เรื่อง ต้องการเสียงภายนอกบางจังหวะ ใช้ง่าย สะดวกสบาย แต่ไม่จริงจังกับเสียงเพลง

AirPods Pro เป็นหูฟังที่ให้คุณภาพของเสียงเพลงในระดับที่งั้น ๆ ไม่ดีเด่นอะไรเลย ถ้าเทียบกับ WF-1000XM3 ยังตามอยู่พอสมควร แต่ที่เหนือว่าหูฟังทุกค่ายคือเรื่องของไมค์ การเชื่อมต่อที่ง่าย ใช้งานง่าย สะดวก โดยส่วนตัวผมมีลำโพง Beoplay ที่บ้านอยู่แล้วหนึ่งตัว ดังนั้น ถ้าต้องการเสพเสียงเพลงจริง ๆ จะฟังเพลงที่บ้าน ส่วนเวลาไปข้างนอกผมไม่ได้ต้องการฟังเพลงจริงจังมาก AirPods Pro เลยเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า ประกอบกับว่าบางครั้งเราต้องใช้งานโทรศัพท์ ตอนใช้หูฟัง True Wireless ตัวอื่น ๆ ต้องถอดหูฟังออกแล้วยก iPhone ขึ้นมาคุย (ตลกตัวเอง) สุดท้ายเลยจบที่ AirPods Pro ที่ใช้งานโทรศัพท์ได้อย่างราบรื่นมาก

และที่สำคัญคือ เนื่องจากมันเป็นสินค้าของ Apple ดังนั้น การใช้ AirPods Pro คู่กับอุปกรณ์ของ Apple จะทำให้ดึงประสิทธิภาพการใช้งานออกมาได้มากที่สุดครับ

อย่างที่กล่าวไว้สักครู่ว่า AirPods Pro ไม่ได้เป็นหูฟังที่เหมาะสำหรับเสพเสียงเพลง แต่มันมีความง่ายต่อการใช้งาน และครอบคลุมการใช้งานทั่วไปได้อย่างลงตัวเลยล่ะ

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส