รีวิวเกม The Last Friend เกมแนว Plants vs. Zombies ฉบับน้องหมา
Our score
8.0

The Last Friend

จุดเด่น

  1. ผสมผสานรูปแบบการเล่นได้ลงตัว
  2. มีความท้าทาย รูปแบบการเล่นหลากหลาย

จุดสังเกต

  1. กราฟิกธรรมดาไปหน่อย
  2. ในการต่อสู้บางฉากดูวุ่นวายไปหน่อย

เมื่อพูดถึงเกมแนวปกป้องป้อมปราการหรือป้องกันฐานทัพ เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ต้องคิดถึงซีรีส์ Plants vs. Zombies ที่เป็นเป็นหนึ่งในเกมที่ผู้เล่นต้องสร้างตัวละครเพื่อมาช่วยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะมาบุกบ้านของเรา ซึ่งแม้ว่าภาคหลัง ๆ มันจะเปลี่ยนแนวไปบ้างแต่เชื่อว่าเกมแนวนี้ยังสามารถเอาไปต่อยอดได้

ล่าสุดมีการเปิดตัวเกม The Last Friend จากค่ายเล็ก ๆ อย่าง The Stonebot Studio, Ludus Games และ Stonebot Games ที่เป็นการเอารูปแบบการเล่นแนวป้องกันป้อมปราการ ที่เราจะสามารถสร้างตัวละครในฉากที่จำกัด และต้องปกป้องศัตรูไม่ให้เข้ามาทำลายฐานของเราได้ ที่หากใครเห็นภาพก็จะรู้ในทันทีว่ามันคือ Plants vs. Zombies แต่จะผสมผสานความเป็นเกมแอ็กชันเข้าไปด้วย และวางขายบน PS4 , Xboxone , Nintendo Switch และ PC

โดยเรื่องราวใน The Last Friend จะเกิดในโลกอนาคตที่ล่มสลายกลายเป็นดินแดนเถื่อน คล้ายกับภาพยนตร์ Mad Max ที่ไร้กฎหมายมนุษย์ต้องเอาชีวิตรอดพร้อมกับน้องหมา คุณจะได้รับบทเป็น Alpha หนุ่มกล้ามโตที่ออกเดินทางไปบนรถตู้ RV ที่ต้องต่อสู้กับแก๊งอันธพาลและช่วยเหลือน้องหมาที่ถูกจับตัวไป ที่การเล่าเรื่องผ่านภาพแบบการ์ตูน 2 มิติที่ไม่ได้มีความรุนแรงดังนั้นเด็ก ๆ ก็เล่นได้

กราฟิกแนวการ์ตูน 2 มิติ

ในส่วนของภาพอาจจะไม่ใช่จุดขายของเกม เพราะมันนำเสนอแบบ 2 มิติที่เรียบง่าย ตัวละครเหมือนกับภาพตัดแปะ โดยรวมมันเหมือนเกมแจกฟรีบนสมาร์ตโฟนมากกว่าจะออกบนคอนโซล แถมตัวละครก็ออกแบบมาเรียบง่ายไม่มีจุดเด่น ยิ่งไปเทียบกับ Plants vs. Zombies แล้วงานออกแบบถือว่าห่างชั้นกันมาก ทำให้มันคงถูกมองเมินจากภาพลักษณ์ภายนอกไป

และคัตซีนก็ยังคงใช้ภาพแบบ 2 มิติเรียบ ๆ ยิ่งมารวมกับการที่มันไม่มีเสียงพากย์แล้วถือว่า The Last Friend ดูเรียบเกินไป ถือว่าน่าเสียดายเพราะมีหลายส่วนในเกมเน้นการเล่าเรื่องและมีการใช้เนื้อเรื่องแยกย่อยมาให้เสพกัน รวมทั้งน้องหมาที่เป็นตัวละครหลักก็ดูธรรมดาไร้เสน่ห์ไปหน่อย ส่วนงานออกแบบไอเทมก็ใช้ธีมโลกอนาคตที่หมาแต่ละตัวจะใช้อาวุธและมีชุดเกราะที่ดูมาจากโลกอนาคต ที่ไม่ค่อยจะเข้ากับตัวน้องหมาเท่าที่ควร

เกมเพลย์ผสมผสานได้ลงตัว

อย่างที่บอกไปว่ามันคือแนว Plants vs. Zombies ที่นำมารวมกับเกมแอ็กชันแนวต่อยตีศัตรูให้หมดฉาก ที่เข้าใจไม่ยากหากเคยเล่นแนวนี้มาก่อน โดยในฉากต่อสู้จะแบ่งออกเป็นด่านแบบ 2 มิติที่จะแบ่งเส้นทางเป็นช่องในฉากเดียว และผู้เล่นจะสามารถเรียกน้องหมาออกมาช่วยต่อสู้ได้ตามประเภท จุดนี้จะมีความคล้ายกับเกมแนวปกป้องฐานทัพ ซึ่งเราต้องเก็บสะสมชิ้นส่วนที่มีหน้าตาเป็นน็อตเพื่อเอามาเรียกน้องหมาออกมาช่วยต่อสู้ได้

ส่วนหมาในเกมจะมาหลากหลายรูปแบบมาก เช่นพันธุ์ชิวาวาที่มาพร้อมป้อมปืนไว้ยิงศัตรู หรือ หมาพันธุ์เยอรมันเชปเพิร์ดที่มาพร้อมกำแพงป้องกัน และยังมีอีกหลากหลายรูปแบบเช่นบางตัวจะไม่ได้ออกมาสู้แต่จะช่วยเติมพลังให้ตัวละคร หรือบางตัวจะเพิ่มค่าพลังโจมตีแทน โดยแต่จะด่านจะใช้งานได้จำกัดชนิดของน้องหมา ดังนั้นเราต้องวางแผนให้ดีและต้องเลือกน้องหมาออกมาให้ถูกที่ถูกเวลาถึงจะผ่านฉากไปได้

มีความท้าทายต้องใช้ฝีมือส่วนของแอ็กชัน

จุดเด่นที่ทำให้ The Last Friend แตกต่างจากเกมอื่นคือการผสมผสานความเป็นแอ็กชันเข้าไปได้ลงตัวมาก ๆ เพราเราไม่ได้วางตัวละครน้องหมาเพื่อปกป้องรถตู้ของเราเท่านั้น ยังสามารถบังคับตัวละครหลักอย่าง Alpha ให้เดินในฉากได้ และสามารถโจมตีศัตรูโดยตรงได้ด้วยการต่อยตีทำคอมโบได้แบบเกมแอ็กชันทั่วไป และมันจำเป็นมากเพราะศัตรูในเกมนี้ไม่ได้ค่อย ๆ เดินมาเหมือน Plants vs. Zombies แต่จะมีความเร็วที่สูงมาก แถมยังโจมตีได้หลากหลายรูปแบบด้วย

นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับบอสสุดโหดที่มีพลังโจมตีมหาศาล เรียกว่าผู้เล่นต้องทั้งคิดวางแผนการรับมือด้วยการวางตัวน้องหมาเพื่อช่วยโจมตีและป้องกัน และยังต้องวุ่นวายกับการต่อยตีกับศัตรูในฉากอีก ฟังดูอาจจะคิดว่ามันจะยุ่งเกินไปจนไม่สนุก แต่พอได้เล่นแล้วบอกได้เลยว่ามันผสมผสานได้ลงตัวกว่าที่คิดไว้มาก แม้ว่าจะมีบางจุดอาจจะดูยากเกินไป เพราะบางครั้งศัตรูระดับบอสสุดโหดก็ออกมาพร้อมกันหลายตัวทำให้เราต้องวิ่งไปมาแถมยังมีพวกที่ยิงไกลออกมาที่มันสามารถโจมตีข้ามเครื่องป้องกันที่เราสร้างไว้ไปโดนฐานของเราได้เลยแต่ถือเป็นข้อดีสำหรับคนที่ชอบความท้าทาย

และข้อดีอีกส่วนคือในบางฉากจะมีรูปแบบที่แตกต่างไปด้วย เช่นด่านที่เราต้องทำลายสิ่งกีดขวากรถตู้ของเราเพื่อเปิดทางไปต่อที่ต้องแข่งกับเวลา หรือบางฉากจะบังคับให้เลือกน้องหมาให้ถูกกับรูปแบบฉากเช่นเลือกหมาที่ใช้ปืนฉีดน้ำเพื่อดับไฟ นอกจากนี้เรายังสามารถอัปเกรดตัวละครได้ผ่านการเอาไอเทมรูปกระดูกมาเพิ่มเลเวลของน้องหมาได้ด้วย และยังมีการเลือกเส้นทางการเล่นผ่านระบบแผนที่พร้อมกับการเล่าเรื่องที่น่าติดตาม

ถือว่าการมาของเกม The Last Friend ทำออกมาได้ดีกว่าที่คาดหวังไว้มาก แม้ว่าการนำเสนอในส่วนของกราฟิกจะไม่ได้โดดเด่น งานออกแบบก็ดูธรรมดาไป แต่รูปแบบการเล่นทำได้ลงตัวสามารถผสมผสานเกมแนวแอ็กชันกับแนวปกป้องฐานทัพได้ดีในระดับน่าพอใจ และมีความยากท้าทายพอสมควร เราต้องวางแผนการเล่นไปพร้อมกับการใช้ฝีมือในส่วนของแอ็กชัน ใครชอบของแปลกที่ไม่ได้มีมาให้เล่นบ่อย ๆ ไม่ควรพลาด

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส