[รีวิวเกม] Spellbreak สงครามมหาเวทย์ เล่าแบบละเอียดยิบ อ่านจบเล่นได้เลย
Our score
8.5

[รีวิวเกม] Spellbreak สงครามมหาเวทย์ เล่าแบบละเอียดยิบ อ่านจบเล่นได้เลย

จุดเด่น

  1. ธีมเวทมนตร์ แปลกใหม่ มีมิติการเล่นที่มากขึ้น
  2. สมดุลเกมค่อนข้างดี

จุดสังเกต

  1. รายละเอียดค่อนข้างเยอะ ไม่เหมาะกับสายแคชวล
  2. โหมดการเล่นยังจำกัด

Spellbreak เปิดโลกสงครามเวทมนตร์แบบ Free to Play

Spellbreak เป็นเกมมาใหม่จากผู้พัฒนา Proletariat ที่เพิ่งเปิดให้เล่นกันฟรี ๆ บน PC ใน Epic Game Store และนอกจากนี้ยังสามารถเล่นพร้อมกันทุกแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น PS4 PC Xbox และ Switch ที่มาในธีมสงครามเวทมนตร์ ผ่านรูปแบบเกมเพลย์แบบ Battle Royale เรียกได้ว่าเปิดมิติใหม่ของการเล่นเกมแนวนี้เลยทีเดียว

เกมเพลย์แนว Battle Royale ที่มีกลิ่นอาย RPG

ลักษณะการเล่นจะรักษาแบบฉบับของเกมแนว Battle Royale เช่น PUBG หรือ Freefire ไว้ครบถ้วน แต่จะเปลี่ยนรายละเอียดไอเท็มที่ใช้ใหม่หมดจากการดวลปืนเป็นการไล่ยิงเวทย์ใส่กันแทน โดยโหมดที่เปิดให้เล่นตอนนี้จะเป็นแบบทีม 3 VS 3 อารมณ์ก็จะคล้าย ๆ OVERWATCH ในมุมมองบุคคลที่ 3

เริ่มเล่นตั้งแต่กดปุ่ม play เราจะได้เลือกถุงมือธาตุ ที่จะมีให้เลือก 6 ธาตุ ได้แก่ ไฟ น้ำแข็ง หิน ลม สายฟ้า พิษ ซึ่งธาตุของถุงมือที่เราเลือกนี้จะติดตัวเราไปจนจบเกม เปลี่ยนไม่ได้ จุดเด่นจุดด้อยของถุงมือแต่ละธาตุจะแตกต่างกันไป เช่น ธาตุหินจะมีดาเมจค่อนข้างแรง แต่เป็นการโจมตีลงพื้น ง่ายต่อการหลบหลีก ธาตุน้ำแข็งจะยิงได้ถี่แต่ดาเมจเบา ส่วนธาตุพิษจะมีพิษที่ทำดาเมจต่อเนื่อง แต่ถ้าเราอยู่ในระยะ ตัวเราเองก็จะโดนดาเมจด้วยเช่นกัน

พอเลือกถุงมือธาตุที่ชอบแล้ว เกมจะทำการสุ่มเพื่อนร่วมทีมให้เราทีมละ 3 คน จากนั้นจะโชว์แผนที่ให้เลือกจุดลงเกิด ซึ่งจะมีพิกัดแสดงตำแหน่งของหีบใหญ่ที่จะได้ไอเทมระดับดี ๆ (และอาจเป็นจุดยอดนิยมที่ทีมฝ่ายตรงข้ามก็เล็งอยู่เช่นกัน) ข้อดีคือถ้าไปแล้วไม่เจอศัตรูเลยก็จะได้ฟาร์มของดี ๆ มาใช้ก่อน แต่ถ้าเจอกันก็บวกกันตรงนั้นแหละ

เมื่อเราร่อนลงสู่พื้นดินตามสเต็ปเกมแนวนี้ เราก็ฟาร์มของต่าง ๆ มาใส่ได้เลย ซึ่งสิ่งที่เราฟาร์มได้ก็มีตั้งแต่ ถุงมือธาตุ (สำหรับมืออีกข้าง) ซึ่งเราจะใช้ธาตุอะไรก็ได้ เปลี่ยนธาตุเมื่อไรก็ได้ แล้วแต่จะหาเจอ และยังมีสร้อย เข็มขัด รองเท้า รวมไปถึงม้วนคัมภีร์ ที่จะเพิ่มสเตตัสของตัวเราได้ด้วย ถ้าคิดว่าหมดแล้ว ยัง ยังมีลูกเล่นอีก นั่นก็คือการหาเก็บ “รูน” ถ้าใครคิดภาพไม่ออก จะอธิบายง่าย ๆ ว่า รูนที่เราเก็บได้ จะเป็นเหมือนสกิลพิเศษสำหรับกดใช้นอกเหนือจากการใช้ถุงมือธาตุโจมตี เอาให้ง่ายกว่านั้นก็คือ มันเหมือนกับสกิลพิเศษที่เราจะต้องเลือกเอาไปใช้ก่อนเข้าเกมใน ROV เนี่ยแหละ เช่น สกิลเทเลพอร์ต สกิลพุ่งไปข้างหน้า สกิลเหาะขึ้นฟ้าแล้วพุ่ง สกิลเหล่านี้มีคูลดาวน์ ยิ่งได้รูนระดับดี สกิลยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ก็จะคูลดาวน์นานขึ้นด้วย

ไอเทมที่เราต้องหาฟาร์มจะแบ่งระดับออกเป็น common/ rare/ epic/ legend ถ้าเจออันที่ดีกว่าก็เปลี่ยนใส่ได้เรื่อย ๆ เลย เมื่อเจอทีมฝ่ายตรงข้ามก็เข้าไปสู้ ถ้าพลังชีวิตหมด เราจะกลายเป็นอณูวิญญาณอยู่ระยะเวลาหนึ่งเพื่อเปิดโอกาสให้เพื่อนเข้ามาชุบชีวิต ถ้าเพื่อนมาไม่ทัน เราตาย ถ้าศัตรูเข้ามาซ้ำ เราตาย

ในทุก ๆ เกมการเล่นเราจะได้รับ exp มาปลดล็อกพวกสกิล passive (เหมือนการอัป perk ในเกมแนวไล่ล่าเซอร์ไวเวอร์) ทั้งหมดทั้งมวลจึงทำให้เกมนี้มีกลิ่นอายของเกม RPG ที่ต้องฟาร์มของ อัปตัวกันพอหอมปากหอมคอก่อนจะไปบวกนั่นเอง

ในเกมจะมีหมอกที่เรียกว่า Storm คอยบีบวงเข้ามาเรื่อย ๆ เพื่อบังคับให้ผู้เล่นทั้งสองฝั่งมาเผชิญหน้ากัน ตามสไตล์ Battle Royale ด้วยเช่นกัน

รายละเอียดที่เยอะขึ้น ทำให้พลิกแพลงแนวการเล่นได้หลากหลาย

เนื่องจากระบบธาตุ (จากถุงมือ) จะมีธาตุถาวร และธาตุที่เราเปลี่ยนใช้ได้เรื่อย ๆ จากการฟาร์มหาถุงมือ ทำให้เราสามารถเลือกใช้ประโยชน์จากธาตุและทำคอมโบในการต่อสู้ได้ พอธีมหลักเป็นเวทมนตร์ ทำให้มีลูกเล่นมากขึ้น ระบบภาพเสียงแบบการ์ตูนฝรั่งนั้นก็ทำได้ดีไม่ขี้เหร่เลย การโจมตีแต่ละธาตุมีเอฟเฟกต์เสียงเฉพาะตัว ช่วยให้รู้ธาตุศัตรูได้ล่วงหน้าโดยยังไม่เห็นตัว (ถ้าฟังเสียงได้ก่อน) เกมนี้จึงเป็นเกม Battle Royale ที่มีมิติในการเล่นค่อนข้างมาก แต่ก็ตามมาด้วยรายละเอียดที่ผู้เล่นใหม่ต้องใช้เวลาในการศึกษาและทำความเข้าใจพอสมควร อย่างน้อย ๆ ต้องรู้จุดเด่นของแต่ละธาตุเพื่อเลือกใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เกมนี้จึงอาจขัดอกขัดใจสายแคชวลที่แค่อยากจะเข้ามายิงเวทย์ตูมตาม แล้วจบ ๆ ไป ก็อย่างที่บอก มันมีความ RPG แฝงอยู่เล็ก ๆ ถ้าไม่ติดตรงนี้ เชื่อว่าเล่นเกมนี้สนุกแน่นอน

สรุปแล้ว

จากที่เล่นมา ในด้านกราฟิกทำได้ดี ปิงน้อยมาก และแทบไม่เจอปัญหาเฟรมเรตตกเลย ถือว่าเป็นเกม multi-player เปิดใหม่ที่ปัญหาน้อยมาก อีกทั้งสมดุลเกมค่อนข้างดี แต่ละธาตุมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป การสุ่มทีมผู้เล่นก็จะเน้นผู้เล่นในระดับใกล้เคียงกัน ผู้เล่นใหม่ที่กล้า ๆ กลัว ๆ และยังงง ๆ กับระบบน่าจะสบายใจได้

ส่วนจุดด้อยคือเกมนี้ยังไม่เปิดโหมด Solo และ Duo ตอนนี้จึงยังมีแค่ทีมแบทเทิล (Squad) 3 VS 3 ซึ่งเท่ากับว่าในหนึ่งแมพ มีผู้เล่นแค่ 6 คน เอาง่าย ๆ คือถ้าโดดไปเจอกันตั้งแต่แรกเกมจะจบไวมาก แต่ถ้าอยู่กันคนละฟากแมป กว่าจะมาเจอมาบวกกันก็นานมากเช่นกัน

เรื่องและภาพ : Perapun Vichitkraivin , Spellbreak Twitter

เรียบเรียง : Nisa S.

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส