[รีวิว] Resident Evil 4 VR จากเกมสุดคลาสสิก กลายพันธุ์เป็นหนึ่งในเกม VR ที่ดีที่สุด
Our score
9.0

Resident Evil 4 VR

จุดเด่น

  1. เป่าศัตรูให้มันส์แบบยกกำลังสองใน VR
  2. ตัวอย่างที่ดีของการพอร์ตเกมยังไงให้สนุกกว่าเดิม
  3. เกมเพลย์ดั้งเดิมของ RE4 ยังคงเล่นสนุก ไม่ตกยุค

จุดสังเกต

  1. ฉากคัทซีนแบบหนังกลางแปลงทำให้อารมณ์สะดุด
  2. เกมเล่นง่ายขึ้นจนไม่น่ากลัวเท่าของเดิม
  3. ไม่ได้มาพร้อมกับเนื้อเรื่องเสริมและโหมด The Mercenaries

ปกติเห็นใครจัดอันดับเกมที่ดีที่สุดในโลกหล้า ไม่ว่าจะเป็นท็อป 100 ท็อป 50 หรือแม้แต่ท็อป 10 ทีไร ชื่อของเกม “Resident Evil 4” (หรือ RE4) มักจะโผล่มาติดอยู่ในโผประหนึ่งซอมบี้ที่ฆ่ายังไงก็ไม่ตาย นั่นก็เพราะส่วนผสมอันลงตัวระหว่างเกมเพลย์แอ็กชันสุดมันส์ ความโหดสยองตื่นเต้นกำลังดี และกลิ่นอายความพิลึกประมาณหนังผีเกรดบี ทำให้มันกลายเป็นสุดยอดเกมในดวงใจใครหลายคน ถ้าไม่เชื่อก็ดูจำนวนแพลตฟอร์มที่เกมนี้ได้รับการพอร์ตลงถึง 12 เครื่องก็ได้ เรียกว่ามีเครื่องอะไรที่น่าจะเล่นเกมนี้ไหวพี่แกขนไปลงจนเรียบ อย่างไรก็ตาม การพอร์ตครั้งที่ 13 อาจทำให้เกมเมอร์เสียวสันหลังวาบกันได้ เพราะ Facebook / meta ดันออกมาประกาศว่าจะพอร์ตเกมนี้ลงแว่น VR Oculus Quest 2… 

เรื่องนี้ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่า Facebook คิดอะไรอยู่ จริงอยู่ที่ RE4 เป็นเกมดังระดับตำนาน แต่มันเป็นเกมดังที่อายุ 16 ปีแล้วไง ที่สำคัญความสนุกของ RE4 มันมาจากความกดดันที่ผู้เล่นต้องรับมือกับศัตรูโหดที่แห่กันมาเป็นฝูง ในขณะเดียวกันก็ต้องลุ้นกับบังคับตัวเอกที่ค่อนข้างอืดอาดยืดยาด แล้วแบบนี้มันจะไปเข้ากับเกมสไตล์ VR ที่เน้นเรื่องความสมจริงและการเคลื่อนไหวที่ลื่นไหลแบบเดียวกับในโลกจริงได้ไง? ก็ไม่รู้ว่าทีมพัฒนา Armature Studio เอา G-Virus ฉีดเข้าเส้นหรือไร เพราะพวกเขาดันทำออกมาให้มันเวิร์คได้ด้วยเว้ย! RE4 VR คือหนึ่งในเกมเดินหน้ายิง VR ที่ดีที่สุดไม่แพ้ Half-Life: Alyx และมันคือเวอร์ชันพอร์ตที่จะทำให้คุณสนุกสุดๆ จนเหมือนได้กลับไปเล่น Resident Evil 4 ครั้งแรกกันอีกครั้ง หากคุณสงสัยว่าเกมซอมบี้อายุปูนนี้มันยังดีขนาดนี้ได้ไง เรามาผ่าชันสูตรดูไปพร้อมกันเลยดีกว่า

คืนชีพความสยองระดับตำนาน

Resident Evil 4 VR ได้รับการปรับโฉมใหม่โดยใช้กราฟิกเอนจิ้น Unreal Engine 4 แต่ทีมพัฒนาเขาไม่ได้รื้อเกมทำใหม่หมดตั้งแต่ต้นแบบ Final Fantasy VII Remake งานภาพในเกมนี้จึงออกมาเป็นแนวเอาของเก่ามาขัดเงาให้คมขึ้นแบบเกม Mass Effect Legendary Edition มากกว่า ซึ่งถึงแม้ภาพกราฟิกในเกมจะดูเก่าเมื่อเทียบกับเกมเดินยิงและเกม VR ในยุคปัจจุบัน (ก็เกมอายุ 16 ปีนี่นะ)​ แต่เรื่องภาพก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคกับการเล่นเกมนี้ในแบบ VR เลย เพราะความสนุกเพลิดเพลินที่ Resident Evil 4 มอบให้มันแซงหน้าเรื่องความเก่าของภาพไปลิบลับ 

ระบบการต่อสู้ของ Resident Evil 4 ยังคงเล่นสนุกและท้าทายไม่เปลี่ยน ด่านแต่ละด่านก็วางผังออกมาอย่างมีเอกลักษณ์ เริ่มตั้งแต่หมู่บ้านเก่าๆ โทรมๆ ในแถบชนบทยุโรป ปราสาทยุคกลางที่ให้บรรยากาศคล้ายคฤหาสน์สเปนเซอร์จาก RE ภาคแรก และเมืองท่าอุตสาหกรรมที่เต็มไปด้วยเศษซากโรงงานร้าง ที่สำคัญคือเกมยังมีระบบอัพเกรดอาวุธและมินิเกมจัดของในกระเป๋าที่สนุกจนทำให้อยากเล่นต่อไปไม่หยุด (ถึงจะกลัวก็เหอะ) โรยเครื่องเทศรสเลิศด้วยตัวละครกวนๆ บทสนทนาตลกๆ ฉากโชว์ความเท่แบบเสี่ยวๆ ที่เป็นเหมือนวัตถุดิบของหนังผีเกรดบี องค์ประกอบทั้งหมดนี้ทำให้กล้าพูดอย่างเต็มปากว่าเกมนี้ยังคงสมศักดิ์ศรีแก่การอยู่บนหิ้งเกมในตำนานไม่เปลี่ยน 

ควงปืนยิงแหลกแบบพระเอกหนังแอ็คชัน

ส่วนใหญ่เกมแนวเดินหน้ายิงในรูปแบบ VR มักจะมีความสลับซับซ้อนในการเล่นมากกว่าเกม FPS บนจอแบน นั่นก็เพราะผู้เล่นจะต้องทำอะไรด้วยมือตัวเองเยอะขึ้น จะเติมกระสุนปืนแต่ละทีก็ต้องปลดแม็กกาซีนเก่าออกมาก่อน แล้วค่อยหยิบซองกระสุนใหม่ใส่เข้าไป เสร็จแล้วก็ต้องขึ้นลำปืน ซึ่งถ้าเป็นเกม FPS ทั่วไปแค่กดปุ่ม R ปุ่มเดียวก็เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ​ แต่สิ่งที่เซอร์ไพรส์มากก็คือ Resident Evil 4 VR ไม่ได้ทำให้เกมสลับซันซ้อนกว่าเดิม แต่มันดันทำให้เล่นง่ายกว่าเวอร์ชันดั้งเดิมซะงั้น จริงอยู่ที่รายละเอียดของการหยิบจับของและการใช้ปืนมีเยอะขึ้น แต่ระบบเกมก็เป็นมิตรกับผู้เล่นมากขึ้นด้วย การควบคุมพระเอกรูปหล่ออย่างนาย Leon S. Kennedy ทำได้ง่ายขึ้น การเล็งปืนก็ทำได้อย่างลื่นไหลเป็นธรรมชาติ และผู้เล่นยังสามารถเดินเยื้องไปทางซ้ายหรือทางขวาพร้อมกับยิงศัตรูไปด้วยได้อีกต่างหาก

RE4 VR ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่เข้ามามากมาย แต่ละฟีเจอร์ต่างช่วยให้เกมมีสีสันขึ้น เล่นได้อินขึ้น และมอบประสบการณ์ที่แปลกใหม่ยิ่งขึ้นกว่าเดิม ของเล่นใหม่เรื่องแรกก็คือผู้เล่นจะต้องลงมือเติมกระสุนด้วยตัวเองใน (แทบ)​ ทุกขั้นตอนเฉกเช่นเกม VR เกมอื่น ตั้งแต่ปลดแม็กฯ เก่าออก ใส่แม็กฯ ใหม่ ขึ้นลำ ซึ่งปืนบางกระบอกอย่างลูกซองและไรเฟิลซุ่มยิงยังให้ผู้เล่นดึงลูกเลื่อนเองทุกครั้งหลังจากลั่นไกซะด้วย จุดนี้ถือเป็นลูกเล่นใหม่ที่ช่วยให้เกมไม่ง่ายจนเกินไป​ ผู้เล่นยังคงต้องเผชิญกับฝูงศัตรูที่ยังอัดหนักไม่เปลี่ยน แถมยังปรี่เข้าใส่ผู้เล่นเร็วกว่าเก่า การเติมกระสุนอย่างรวดเร็ว ฉับไว และใจเย็นจึงถือเป็นทักษะสำคัญที่จะช่วยให้คุณเอาชีวิตรอดในเกมนี้

ของเล่นใหม่จุดที่สองก็คือในภาค VR ผู้เล่นสามารถยิงปืนจากท่าไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเอี้ยวตัวยิงจากมุมตึก นั่งคุกเข่ายิงเพื่อเพิ่มความแม่นยำ นอนยิงแก้เมื่อยเท้า หรือจะหยิบปืนคู่ขึ้นมายิงศัตรูเอามันส์ก็ได้ โดยใน RE4 VR คุณจะสามารถหยิบอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ออกมาใช้ได้ทันทีด้วยการยื่นมือไปหยิบของตามมุมต่างๆ บนร่างกาย ปืนสั้นจะอยู่ที่น่องด้านขวา แม็กกาซีนอยู่ที่น่องซ้าย ระเบิดอยู่ที่อกด้านขวา มีดอยู่ที่อกซ้าย ปืนกระบอกโตอยู่ที่บ่าด้านขวา และยาอยู่ที่บ่าซ้าย แน่นอนว่าคุณสามารถสลับสับเปลี่ยนของในตำแหน่งนั้นๆ ได้ตราบใดที่มันยังเป็นของในหมวดเดียวกัน และยังสามารถนำอาวุธที่พกติดตัวมามิกซ์แอนด์แมตช์กันเองได้แบบฟรีสไตล์ 

เริ่มตั้งแต่สูตรคอมโบประหยัดกระสุนอย่างการถือมีดในมือซ้ายและปืนพกมือขวา ยิงหัวซอมบี้เสร็จก็วิ่งเอามีดเข้าไปจ้วงรัวๆ ได้ ส่วนใครเป็นสายสาดกระสุนก็อาจจะหยิบปืนพกแบบรัวมาคู่กับปืนกล SMG ก็ได้ จะได้ยิงแหลกแบบไม่ต้องใส่ใจเรื่องกระสุน หรือถ้าใครกำลังจะตื้บบอสก็อาจจะเปลี่ยนมาใช้คอมโบล้มช้างอย่างปืนแม็กนัมคู่กับปืนลูกซองแทน ฟีเจอร์นี้อาจฟังดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่เวลาเล่นจริงมันช่วยให้เกมสนุกขึ้นเยอะ เหตุก็เพราะมันเปิดโอกาสให้เราเผลอเก๊กไปเองได้อย่างเต็มที่ว่าเรากำลังเป็นเฮียคีนูในหนัง The Matrix หรือ John Wick ส่วนใครที่เป็นสายบู๊แนวสมจริงจะใช้สองมือจับปืนกระบอกเดียวให้กระชับก็ได้ โดยเกมจะลดแรงถีบจากการยิงกระสุนแต่ละนัดลงอย่างเห็นได้ชัด

ของเล่นใหม่เรื่องที่ 3 ก็คือทีมพัฒนาเขาปรับวิธีการที่ผู้เล่นจะมีปฏิสัมพันธ์กับข้าวของต่างๆ ในเกมนี้ให้ทำได้ง่ายขึ้น ละเอียดขึ้น และสมจริงขึ้น เช่น ผู้เล่นจะต้องใช้นิ้วเคาะแป้นพิมพ์ดีดด้วยตัวเองในการเซฟเกมแต่ละที ฉาก Quick Time Event (QTE) ในเกมก็จะให้เราใช้จอยในมือขยับไปมาตามทิศทางต่างๆ ให้ทันเวลา ถ้าเกิดเผลอไปเดินเหยียบกับดักหมีก็ต้องใช้สองมือออกแรงง้างกับดักออกเอง ฯลฯ โดย RE4 VR มีตัวเลือกให้ผู้เล่นสามารถปรับแต่งวิธีที่ตนอยากจะเล่นได้เพียบ อยากจะยืนเล่น นั่งเล่น ให้ตัวละครเดินแบบปกติหรือวาร์ปไปมาก็ทำได้หมด รองรับทั้งสาย VR ขาจรและขาโปร นอกจากนี้ เกมยังใส่ตัวเลือกเอาใจแฟนพันธุ์แท้ที่อยากบังคับนาย Leon ตัวแข็งๆ เวอร์ชันดั้งเดิมเอาไว้ด้วย ใครอยากกลับไปเป็นนาย Leon ที่เดินปูซ้ายขวาไม่ได้ แถมเวลายิงแล้วยังเดินช้าก็เอาที่สบายใจเลย

กระบวนการกลายพันธุ์สู่ร่าง VR ที่ยังมีตำหนิ

อ่านมาถึงตรงนี้คงไม่ต้องสงสัยแล้วว่าทีมพัฒนา Armature Studio พอร์ตเกมนี้ออกมาอย่างพิถีพิถัน แต่จุดที่เกมปรับออกมาแล้วไม่ค่อยเนียนก็ยังมีเหลือให้เห็นบ้างเหมือนกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับฉากคัทซีนทั้งหลายในเกมนี่แหละ โดยทุกครั้งที่ RE4 VR มีภาพยนตร์คั่นฉากให้ดู ไม่ว่าจะเป็นฉากยาวๆ ที่เป็นบทสนทนาระหว่างตัวละคร ฉาก QTE สั้นๆ ที่ให้ผู้เล่นกดให้ทันไม่งั้นตาย หรือฉากจิ๊บจ๊อยอย่างตอนที่พระเอกเตะก้านคอชาวบ้าน เกมก็จะซูมออกมาให้เราดูเหตุการณ์ตรงหน้าบนหน้าจอแบน ประหนึ่งว่าเรากำลังนั่งดูหนังผีกลางแปลงตามงานวัด (แถมยังเห็นมือ VR ของตัวเองลอยไปมาอีก)​ ซึ่งมันทำให้อารมณ์สะดุดพอสมควร

อีกจุดหนึ่งที่ไม่รู้ว่าเป็นข้อเสียหรือข้อดีก็คือ RE4 VR พอร์ตมาดีเกินไปจนเป็นภัยแก่ตัว เนื่องจากการบังคับตัวละครและการยิงหัวทำได้ง่ายมากในเกมนี้ ผลที่ได้ก็คือมันทำให้ความท้าทายในเกมหายไปเยอะ เกมก็เลยไม่ค่อยลุ้นและไม่ค่อยน่ากลัวเท่าของเดิม แถมนาย Leon ก็เดินเร็วมากเมื่อเทียบกับเกม VR อื่นๆ ไม่ว่าสัตว์ประหลาดหน้าไหนโผล่มาก็แทบวิ่งตามพี่แกไม่ทัน ผมยังจำได้แม่นว่าตอนที่เล่น Resident Evil 4 เป็นครั้งแรกกับจอยเกมจะมีจุดที่ตายแล้วตายอีกจนแทบจะปาจอยทิ้งอยู่หลายจุด โดยเฉพาะโซนหมู่บ้านตอนเปิดเกมและฉากปะทะสารพัดบอส แต่พอมาเล่นในเวอร์ชัน VR ดันผ่านฉลุยแบบเลือดแทบไม่พร่อง บอสหลายตัวนี่ก็แทบไม่ได้สะกิดโดนตัวเลย กลายเป็นเกม Survival Horror ที่ผมเล่นจนจบแล้วตายน้อยสุดซะอย่างนั้น

อีกเรื่องที่น่าเสียดายก็คือถึงเกมจะมีโหมด New Game Plus และความยากระดับ Professional มาให้เล่นได้หลังจากที่เราเคลียร์เกมจบรอบแรก แต่เนื้อเรื่องเสริม Seperate Ways ที่ให้เราสวมบทเป็นสายลับ Ada Wong มองเหตุการณ์ในเกมผ่านอีกมุมหนึ่งกลับไม่ได้มาโผล่ตามมาในเกมเวอร์ชันนี้ ส่วนโหมด The Mercenaries ก็ยังไม่ได้รับการเพิ่มเข้ามาในตอนที่รีวิว (ทีมพัฒนาบอกว่าจะเติมมาให้ภายในปี 2022 นี่แหละ)​ แต่ถ้าถามว่าราคาค่าตัว 1,200 บาทคุ้มมั้ยกับประสบการณ์แอ็กชันสยองขวัญ VR ที่เล่นได้นาน 10-20 ชั่วโมง? ก็ต้องบอกว่าเท่านี้ก็คุ้มแล้วครับสำหรับคอเกมแนวนี้

ส่วนเรื่องที่เหมือนจะกลายเป็นดราม่าในหมู่แฟนอย่างการตัดบทสนทนาล่อแหลมในเกมเวอร์ชันเดิมออกไป ขอบอกเลยครับว่ามันไม่มีผลอะไรกับความสนุกที่ได้จากการเล่นเกมเวอร์ชันนี้เลย คงจะต้องเป็นแฟนเดนตายตัวจริงของเกมนี้เท่านั้นที่อาจจะรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาบ้าง ส่วนตัวผมกลับมองว่าจุดที่น่าหงุดหงิดจริงๆ มาจากคอนเทนต์ดั้งเดิมด้านมินิเกมแก้ปริศนาใน RE4 นี่แหละ เพราะปริศนาหลายแบบในเกมนี้ตกยุคไปเรียบร้อยแล้ว กรรมวิธีการแก้ก็ค่อนข้างน่าเบื่อมากกว่าสนุก ถึงแม้ทีมพัฒนาจะปรับวิธีเล่นให้เกมเมอร์ใช้มือหยิบจับเพื่อแก้ปริศนาในรูปแบบ VR แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้สนุกขึ้นเท่าไหร่

ร่างต้นแบบของการผันเกมคลาสสิกสู่ VR 

อันที่จริงค่ายเกมหลายเจ้าก็พยายามจะพอร์ตเกมเก่าคลาสสิกมาลงแว่น VR กันหลายทีแล้ว ตัวอย่างเช่น DOOM 3 และ The Elder Scrolls V: Skyrim แต่จุดที่เกมพวกนี้มักจะตกม้าตายก็คือทีมพอร์ตเกมไม่ได้เข้าใจเลยว่าการแปลงเกมลง VR มันต้องใส่ใจลงรายละเอียดในการปรับแต่งมากแค่ไหน ถึงจะทำให้เกมออกมาสนุกไม่แพ้ของเก่า ไม่ใช่ว่าแค่หยิบเกมมุมมองบุคคลที่หนึ่งมาใส่ในแว่น VR แล้วเป็นอันจบเรื่อง โชคดีสำหรับเกมเมอร์อย่างเราที่ทีม Armature Studio เขารู้ซึ้งถึงเรื่องนี้ดี และถึงแม้เกม RE4 VR ที่พวกเขารังสรรค์ออกมาจะไม่ได้เป็นเกม VR ระดับไฮเอนด์ ไม่ได้มีมีระบบฟิสิกส์สุดละเอียด และไม่ได้มีภาพงามงดสมจริงขนาดเกม HALF-LIFE: ALYX แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังมอบความสนุกได้ไม่แพ้กัน RE4 VR คือตัวอย่างในอุดมคติของการพอร์ตเกมเก่ามาลงแพลตฟอร์มโคตรใหม่อย่าง VR และมันอาจเป็นการเปิดประตูสู่การพอร์ตบรรดาเกมคลาสสิกมาลง VR ได้อย่างมีคุณภาพ นี่คือผลงานความสำเร็จอันน่าภูมิใจของ Facebook และทีม Armature Studio อย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนใครที่เป็นแฟนเกม Resident Evil 4 ของแท้และดั้งเดิม คุณมีเหตุผลให้ถอยแว่น VR Oculus Quest 2 แล้วล่ะครับ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส