ZTE แบรนด์สมาร์ตโฟนจากประเทศจีน ตามเทรนด์การพัฒนาสมาร์ตโฟนระดับพรีเมียมดีไซน์บอดีบางเบา (เช่น Samsung Galaxy S25 Edge เป็นต้น) ด้วยการเปิดตัว nubia Air ซึ่งมีความบางของตัวเครื่องอยู่ที่ 6.7 มม. (รวมโมดูลกล้อง) แต่ถ้าวัดเฉพาะบอดีพร้อมกรอบตัวเครื่อง จะมีความบางเพียง 5.9 มม. เท่านั้น
nubia Air ยังมาพร้อมน้ำหนักเบาเพียง 172 กรัม, กรอบตัวเครื่องผลิตจากอะลูมิเนียม ช่วยป้องกันทั้ง 4 มุม และมาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP68/IP69K ซึ่งช่วยป้องกันตัวเครื่องจากฝุ่นละเอียดโดยสมบูรณ์, กันน้ำลึก 1.5 เมตร ได้ไม่น้อยกว่า 30 นาที และกันน้ำแรงดันสูงที่อุณหภูมิสูงสุด 80 องศาเซลเซียส

nubia Air ได้รับการติดตั้งแผงหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด 1,224 × 2,720 พิกเซล ซึ่งรองรับรีเฟรชเรตสูงถึง 120 Hz (แสดงการเคลื่อนไหวของภาพอย่างนุ่มนวลที่ 120 เฟรมต่อวินาที), มีความสว่างสูงสุด 4,500 Nit, ป้องกันรอยด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 7i, ติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้แผงหน้าจอ และกล้องเซลฟี ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล

ด้านหลังตัวเครื่องได้รับการติดตั้งกล้องหลัก ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เสริมด้วยเซนเซอร์วัดระยะ ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และเลนส์อีก 1 ตัว ความละเอียด 0.08 ล้านพิกเซล


nubia Air ได้ใช้ศักยภาพจากชิปเซต Unisoc T8300 ที่เปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคม 2025 ซึ่งได้รับการผลิตด้วยเทคโนโลยี 6 นาโนเมตร และติดตั้งแกนซีพียู/หน่วยประมวลผลกราฟิก ดังนี้
- แกนซีพียู Cortex-A78 จำนวน 2 คอร์ : ความเร็วในการประมวลผลสูงสุด 2.2 GHz
- แกนซีพียู Cortex-A55 จำนวน 6 คอร์ : ความเร็วในการประมวลผลสูงสุด 2.0 GHz
- ชิปกราฟิก Mali-G57 MP2
ชิปเซตดังกล่าวจะทำงานร่วมกับแรม 8 GB และสตอเรจ 256 GB รวมถึงแบตเตอรี่ ความจุ 5,000 mAh ซึ่งรองรับการชาร์จไฟเร็ว 33 W

nubia Air ได้รับการวางจำหน่ายในยุโรป โดยมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Titanium Black, Streamer Black และ Titanium Desert พร้อมราคา 250 ยูโร หรือประมาณ 9,400 บาท
ทั้งนี้ ZTE จะขยายตลาดของ nubia Air ไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ลาตินอเมริกา และตะวันออกกลาง ในเร็ว ๆ นี้
