เรื่องย่อ ในยุครณรัฐแผ่นดินจีนแตกออกเป็น 7 แว่นแคว้น ณ รัฐฉิน เกิดสงครามภายในเมื่อ อิเซอิ กษัตริย์หนุ่มถูกสถาปนาขึ้น หากแต่พระอนุชาต่างมารดานามเซเกียวไม่เห็นด้วยและก่อการกบฏ จนอิเซอิต้องเร่ร่อนออกนอกเมืองกับพลทหารเพียงเล็กน้อย ในตอนนั้นเขาได้พบกับทาสหนุ่มนาม ชิน ผู้มีความฝันร่วมกับเพื่อนรักนาม ฮิโยว ที่จะไต่เต้าเป็นแม่ทัพใหญ่เพื่อปลดสถานะทาสชั่วชีวิตของพวกเขา โชคชะตาระหว่างกษัตริย์หนุ่มกับทาสชาวบ้านจึงต้องมาร่วมทางกันเพื่อกลับไปกู้บัลลังก์กลับคืนมา และนี่คือเรื่องราวก่อนอิเซอิจะได้ถูกจารึกในประวัติศาสตร์ในฐานะปฐมจักรพรรดิ์คนแรกแห่งจีน (จิ๋นซีฮ่องเต้) เป็นอีกหนึ่งในหนังที่แฟนมังงะชื่อเดียวกันอย่าง Kingdom ในบ้านเราต่างรอคอย เพราะด้วยสเกลของเรื่องที่เล่าประวัติศาสตร์ยุคก่อนจิ๋นซีฮ่องเต้ออกมาได้สนุกมาก ๆ ไม่ว่าจะกระบวนท่าฝั่งบู๊ที่มีฉากต่อสู้ และฉากสงครามยิ่งใหญ่เปี่ยมอารมณ์ทุกครั้ง...
เรื่องย่อ เพราะความรักไม่ได้มีที่ว่างพอสำหรับ 3 คน Farewell Song เป็นเรื่องราวของฮารุ และ เลโอะ ที่ได้ร่วมกันฟอร์มวงดนตรีแนวอินดี้ชื่อ ฮารุเลโอ (HaruLeo) แล้วก็เริ่มกลายเป็นวงที่โด่งดังขึ้นมา ทั้งสองตัดสินใจออกทัวร์แสดงคอนเสิร์ต ตอนนั้นเองก็ได้พบกับ ชิมะ อดีตโฮสต์เก่า ที่มาขอสมัครเป็นผู้ช่วยวง ด้วยเหตุผลว่า เขาชอบเพลงที่ฮารุเป็นคนแต่ง ทั้งสามออกทัวร์ไปด้วยกัน พร้อมกับความรู้สึกบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นในหัวใจ ระหว่างที่วงมีชื่อเสียงขึ้นเรื่อย ๆ วันหนึ่ง ฮารุ และ เลโอะ...
เรื่องย่อ คุน เด็กชายอายุ 4 ขวบ ผู้เอาแต่ใจ ในขณะนี้เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก เนื่องจากครอบครัวของเขากำลังมีสมาชิกใหม่ และเขากลัวว่าพ่อแม่ของเขาจะไม่รักเขาแล้ว ในระหว่างที่เขากำลังเผชิญกับความกดดันครั้งแรกในชีวิต เขาได้บังเอิญไปพบสวนแห่งเวทมนตร์ สวนแห่งนี้ทำให้เขาเดินทางข้ามเวลามาพบกับ มิไร น้องสาวของเขาในโลกอนาคต การผจญภัยของทั้งสองจะช่วยทำให้เขาเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับน้องสาวได้อย่างมีความสุข เป็นหนังแอนิเมชั่นจากผู้กำกับดาวรุ่งความหวังใหม่คนหนึ่งของวงการญี่ปุ่นเลย ชื่อของเขาคือ โฮโซดะ มาโมรุ ด้วยเอกลักษณ์ลายเส้นที่ทันสมัยน่ารัก เนื้อเรื่องเกี่ยวพันกับสายสัมพันธ์ครอบครัวที่แสนอบอุ่น และมักมีองค์ประกอบความแฟนตาซีหรือไซไฟใส่ไว้อย่างสนุกสนาน นับเป็นสามปัจจัยหลักที่แฟนแอนิเมชั่นไม่อาจมองข้ามผลงานของอาจารย์ท่านนี้ได้เลย ครั้งนี้โฮโซดะ กลับมาด้วยหนังอย่าง Mirai ซึ่งเปิดตัวได้สวยงามกับการได้รับเลือกไปฉายในเทศกาลหนังระดับโลกอย่างเมืองคานส์มาแล้ว สำหรับตัวหน้าหนังเหมือนจะชู มิไร ที่เป็นชื่อตัวละครน้องสาว...
เรื่องย่อ เมื่อคนสองคนเสียชีวิตเพราะการสูดก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ที่เกิดขึ้นกันคนละสถานที่ ตำรวจจึงต้องพึ่งความเห็นของนักวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม ชูสุเกะ อาโอเอะ (ซากุราอิ โช) เพื่อพิสูจน์ว่าทั้งสองคดีคืออุบัติเหตุหรือการฆาตกรรม ในระหว่างการสืบสวน ชูสุเกะได้พบกับสาวน้อยปริศนา มาโดกะ อุฮาระ (ฮิโรเสะ ซึสุ) เธอสามารถทำนายสถานที่เกิดปรากฏการณ์ได้อย่างแม่นยำ จุดเริ่มต้นของความร่วมมือระหว่างวิทยาศาสตร์และความลึกลับจึงเริ่มขึ้น จริง ๆ จั่วหัวชื่อรีวิวได้น่ากลัวแฟนคลับของนางเอก ฮิโรเสะ ซึสุ ตามมาตีหัวมาก ๆ แต่นั่นก็เพราะมีคนพูดแบบนี้ให้ได้ยินหลายคนแล้วเหมือนกัน โดยเฉพาะตัวโปสเตอร์หนังเรื่องนี้ ซึสุ ยิ่งเหมือน เฌอปราง เข้าไปใหญ่ ยิ่งกว่าตอนเล่นหนังดัง...
เรื่องย่อ ในคืนหนึ่งที่เกิดเหตุประหลาดขึ้นบนฟ้า ชาย 2 คนที่บังเอิญอยู่ในที่นั้นได้ฟื้นจากความตายขึ้นพร้อมร่างกายที่เปลี่ยนไป หนึ่งคือ อินุยาชิกิ (รับบทโดย คินาจิ โนริตาเกะ) ลุงแก่ใกล้เกษียณผู้ที่ล้มเหลวในการเป็นผู้นำครอบครัวที่ไม่มีใครในบ้านเคารพหรือเห้นคุณค่า ซ้ำร้ายเขายังเป็นโรคร้ายใกล้ตายอีก ส่วนอีกหนึ่งคือ ชิชิกามิ ฮิโระ (รับบทโดย ซาโตะ ทาเครุ) เด็กหนุ่มหน้าตาดีผู้ที่ครอบครัวแตกแยก เขาจึงซ่อนความเกลียดชังสังคมและโลกใบนี้อยู่ภายใน ด้วยพลังมหาศาลที่ได้รับมาจากอุบัติเหตุครั้งนั้น เด็กหนุ่มเลือกนำมาใช้เพื่อฆ่าคนที่ทำร้ายจิตใจเขาเพื่อระบายความรู้สึกแปลกแยกภายในใจของตนเอง ขณะที่ชายแก่เลือกที่จะปกปิดตัวตนและลุกขึ้นเป็นฮีโร่เพื่อช่วยเหลือผู้คนอย่างลับ ๆ วิธีคิดและทางเลือกที่ต่างกันชักนำให้ทั้งสองต้องมาปะทะกันโดยมีโลกทั้งใบเป็นเดิมพันในที่สุด หนังสร้างจากมังงะและแอนิเมะชื่อเดียวกันของ โอคุ ฮิโรยะ (ผู้เขียน...
หนังคือชีวิตและจิตใจของ เคนจิ (เคนทาโร ซาคากุจิ) จนถึงกับทนฝึกงานหนักเพื่อจะได้พาตัวเองไปใกล้กับความฝันในการเป็นผู้กำกับที่สุด และสิ่งเดียวที่ปลอบประโลมจิตใจเคนจิได้ดีที่สุดคงหนีไม่พ้นการได้หยิบฟิล์มหนังขาวดำเก่าๆที่คนเกือบลืมอย่าง เจ้าหญิงจอมแก่นกับ 3 อสูร มาฉายบนจอเพื่อให้เขาได้พบหน้าของ เจ้าหญิงมิยูกิ (ฮารูกะ อายาเสะ) จนเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่อจู่โรงหนังโรมานซ์ เธียเตอร์ ถูกฟ้าผ่าจน เจ้าหญิงมิยูกิ ตัวขาวดำหลุดออกมาจากจอ และปฏิบัติกับเขาราวคนรับใช้ แต่หลังเวลาผ่านไปความจริงใจของเคนจิ ก็ค่อยๆละลายหัวใจที่เย็นชาของ มิยูกิ โดยอุปสรรคเพียงอย่างเดียวคือหาก มิยูกิ ได้สัมผัสไออุ่นจากมนุษย์...
ถ่ายอาหารได้หิวมาก ถ่ายยังไงให้มันมีกลิ่นมีรสชาติลอยออกมาจากจอหนังได้ขนาดนี้ อ่อยยย น้ำย่อยเริงระบำเลยจ้า ส่วนที่แข็งแกร่งอีกอย่างคือหนังมันฉลาดผูกเรื่องมาก ถึงจะดูเว่อ ๆ แต่น้ำตาเอ่อได้เลยนะ เอาเป็นว่าเราคงไม่ได้ดูหนังแบบนี้ได้อีกบ่อย ๆ แน่ เพราะมันสร้างแนวทางตัวเองไว้ได้แบบใครยากเลียนแบบ ข้อแนะนำเพิ่มเติมคืออย่าท้องว่างไปดูเรื่องนี้เด็ดขาด เตือนแล้วนะ The Last Recipe (Kirin no shita no kioku) เป็นหนังญี่ปุ่นแนวซึ้งอบอุ่นเรื่องเด่นประจำปีนี้อีกหนึ่งเรื่องเลยครับ ทั้งยังเป็นการกลับมาครั้งใหม่ของผู้กำกับรางวัลออสการ์สาขาต่างประเทศจากเรื่อง Departures (2008) อย่าง โยจิโร่ ทาคิตะ สมทบด้วยนักแสดงมือฉมังมากมายตั้งแต่ นิโนะมิยะ...
หนังญี่ปุ่นเรียกน้ำตามีมาให้ชมกันปีละหลายเรื่องเลยอย่างต้นปีก็เพิ่งมี Tomorrow I will Date with Yesterday’s You และ The 100th love with you ที่มีพลอตเรื่องกาลเวลาแบบไซไฟเป็นตัวชูโรงคล้ายกัน แต่เรื่องนี้นอกจากชื่อเรื่องสุดประหลาดว่า ฉันอยากกินตับอ่อนเธอ แล้ว ความน่าสนใจยังคือเป็นหนังที่เล่นเรื่องเวลาที่ล่วงผ่านไป เหมือนแท็กไลน์ของหนังซึ่งฟังชวนเศร้าว่า “บางคำสารภาพรัก ต้องรอนานนับ 12 ปี” แถมยังสามารถเอาชนะใจคนดูในญี่ปุ่น ทำยอดตั๋วเข้าชมเปิดตัวชนะ 2 เรื่องดังข้างต้นได้อีกต่างหาก...
สรุปก่อนเลย เผื่อใครขี้เกียจอ่านยาว ไม่ได้คิดว่าจะได้รู้สึกสนุกสนาน อมยิ้มตั้งแต่ 5 นาทีแรกของหนังเรื่อยไปจนจบแบบนี้ เป็นหนังฟีลกู้ด ใสใสวัยรุ่นชอบ มาก ๆ หนังสร้างจากเรื่องจริงแต่ก็เสริมเติมแต่งได้สนุก ตัวละครเยอะแต่ก็เฉลี่ยบทได้ดี ก็ต้องยอมรับว่าหนังมีจุดเป๋จุดพร่องประปราย แต่สุดท้ายเราก็ไม่ได้ยิ้มขวยเขินกับความใสของวัยรุ่นแบบนี้มานานจริง ๆ เลยให้อภัยหมดทุกสิ่งอย่าง ออกจากโรงมีความสุขมาก ปี 2006 โรงเรียนพาณิชยการแห่งจังหวัดฟุคุอิ เมืองธรรมดา ๆ เมืองหนึ่งของญี่ปุ่น ได้เกิดมีชมรมเชียร์แดนซ์หญิงที่รวบรวมเด็กสาวที่รักการเต้น ทั้งมีทักษะบ้างและไม่เคยเต้นมาก่อนเลย แต่กลับมีความฝันสุดโต่งร่วมกันอย่างการต้องไปชนะเชียร์แดนซ์ระดับโลกที่อเมริกาให้ได้...
สรุปก่อนเลย เผื่อใครขี้เกียจอ่านยาว หนังรักญี่ปุ่นที่พระเอกย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตได้ กลับมาอีกแล้ว และอีกแล้ว ดูจะกลายเป็นพลอตที่เฝือ ๆ ไปแล้วด้วยซ้ำนะ แต่ความพิเศษของหนังเรื่องนี้คือ ความกลมกล่อม ทั้งบทแอบรัก บทสารภาพรัก บทหวาน บทขำ บทสิ้นหวัง บทจากลา และบทเพลงแสนไพเราะ ซึ่งลงตัวกันมาก ดังนั้นคุณจะได้ลุ้นเอาใจช่วย อายเขินหน้าแดง จิ้นจิกเบาะ ยิ้มหัวเราะ ร้องไห้ไปกับมัน และที่สำคัญคือได้ค้นพบคุณค่าเหลือประมาณของการที่ยังมีเวลาได้อยู่กับคนที่เรารักในวันนี้ พระเอกหล่อ นางเอกเสียงดี...
ณ.เมืองชนบทที่เคยเงียบสงบ บัดนี้ชื่อ ฮารูโกะ อาซูมิ (ยู อาโออิ) กลับถูกกล่าวขานไปทั่วโลกโซเชียลหลังมีสีสเปรย์ที่พ่นจากภาพประกาศคนหายของเธอปรากฎอยู่รอบเมือง ไม่แพ้ข่าวแก๊งนักเรียนหญิงที่ตระเวนระบายความแค้นกับผู้ชายทุกคนที่พวกเธอพบเจอ แต่ 2 เหตุการณ์นี้มีที่มาและความเกี่ยวข้องกันอย่างไร มีเพียง ฮารูโกะ เท่านั้นที่จะให้คำตอบได้ Japanese Girls Never Die เป็นผลงานกำกับของ ไดโกะ มัตสึอิ ผู้กำกับหนังขวัญใจวัยรุ่นจาก Wonderful World End ซึ่งได้เสียงวิจารณ์แง่บวกอย่างท่วมท้นจากการฉายในสายประกวดของเทศกาล...
Tomorrow I Will Date With Yesterday’s You (ぼくは明日, 昨日のきみとデートする) คือ ผลงานหนังญี่ปุ่นรักระทมรับลมหนาวประจำต้นปีนี้ หนังได้ผู้กำกับอย่าง ทาคาฮิโระ มิกิ ที่เคยมีผลงานจี๊ดใจวัยรักอย่างหนังวงดนตรีจากมังงะเรื่อง Soranin (2010) มาแล้ว (ใครไม่เคยดูลองหามาชมนะครับ หนังโตและละมุนมาก) คราวนี้เขาหันมาทำหนังจากนิยายผู้หญิงขายดีหลักล้านเล่มที่ชื่อเดียวกันของ นานัตสึกิ ทากาฟุมิ บ้าง โดยได้ โยชิดะ โทโมโกะ มือเขียนบทคู่บุญของผู้กำกับมิกิ มาช่วยดัดแปลงเนื้อหาให้ ซึ่งหลักๆที่ต่างจากนิยายเลยก็คงเป็นการปรับวัยของตัวเอกจากมัธยมมาสู่เด็กมหาวิทยาลัยแทนนั่นเอง หนังเล่าเรื่องของ ทาคาโตชิ (ฟุคุชิ...
เป็นหนังญี่ปุ่นที่ผมรอดูมากสุดเรื่องหนึ่งเลยกับ If Cats Disappeared From the World หรือชื่อไทย ถ้าแมวตัวนั้นหายไปจากโลกนี้ คือแบบว่าตัวอย่างหนังนี่ได้อารมณ์มากๆโปรดักชั่นดูดีไม่เบา นักแสดงก็ไม่ได้แบบจับมาส่งๆ ทั้งพล็อตที่แบบเจ๋งมากๆซึ่งสร้างจากนิยายยอดนิยม และหนังแนวนี้ของญี่ปุ่นมักจะดีโคตรๆด้วย และสุดท้ายเครดิตคนเขียนบทจากหนังที่ผมชอบเอามากๆเรื่องหนึ่งอย่าง Be With You (2004)ด้วย แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้หนังเรื่องหนึ่งดึงดูดผมเข้าไปดูแต่แรกๆถ้ามีโอกาส แล้วก็โชคดีสำหรับบ้านเรามากๆที่ไม่ต้องรอคอยกันนาน ได้ดูต่อจากญี่ปุ่นแบบห่างกันไม่ถึงเดือนแบบนี้ด้วยแล้ว โคตรอยากดูเลยขอบอก ตรงนี้ก็ขออนุญาตรีวิวแบบไม่สปอยล์ โดยจะพูดเท่าที่ตัวอย่างหนังที่ปล่อยออกมาเท่านั้น และแบบสปอยล์นิดหน่อยไม่กระทบไคลแมกซ์ของหนังแล้วกันนะครับ เพราะจะเล่าความดีงามของหนังโดยไม่เล่าเนื้อในเลยสักนิดนี่ก็ยากอยู่ แบบไม่สปอยล์...
Hana's Miso Soup (はなちゃんのみそ汁, Hanachan no Misoshiru) หรือชื่อไทยตรงตัวว่า มิโซะซุปของฮานะจัง สร้างจากเรื่องจริงที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นหนังสือชื่อเดียวกันในปี 2012