สิ้นสุดการรอคอยกับ HTC One M8 ที่ปรับปรุงจากรุ่นเดิมให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นในทุกๆ ด้าน พร้อมวางขายในสหรัฐอเมริกาแล้ววันนี้ และวางขายในอีก 100 ประเทศ 10 เมษายนนี้

สเปกของ HTC One M8 จะใช้ชิปเซ็ท Snapdragon 801 quad-core 2.3 GHz พร้อม RAM 2GB ความจุในเครื่องมี 2 รุ่นคือ 16GB และ 32GB และสามารถเพิ่ม MicroSD รองรับได้สูงสุดถึง 128GB

ตัวเครื่องใช้วัสดุระดับพรีเมี่ยมและการออกแบบที่สวยงาม คงเอกลักษณ์แบบฉบับของ HTC One เอาไว้เหมือนเดิม มีจุดสังเกตที่ต่างไปจากเดิมคือตัวเครื่องจะยาวขึ้นเพราะปุ่มกดเปลี่ยนเป็นแบบ OnScreen แทน ตัวเครื่องจะมีให้เลือก 4 สีคือ ดำ, เทา, เงิน และทอง

หน้าจอจะเป็นขนาด 5 นิ้วแบบ IPS Full HD (1920 x 1080 pixels) รองรับ Nano SIM แบตเตอรี่ความจุ 2,600 mAh เพิ่มขึ้นมาจากรุ่น M7 ที่มี 2,300 mAh ลำโพงคู่หน้าเป็นแบบ Boom Sound ที่มีการพัฒนาให้เสียงดีขึ้น (แต่ไม่มีแปะ Beat by Dr.Dre แล้ว)

BlinkFeed

รองรับการเชื่อมต่อด้วย Bluetooth 4.0, Dual band WIFI 802.11ac. LTE, NFC สำหรับ Android มาเป็น 4.4 Kitkat พร้อม Sense UI 6.0 นอกจากนี้ยังมีลูกเล่นของ Fitbit app ที่สามารถใช้ HTC One เป็นอุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหว การออกกำลังกายได้ในตัวเลย และยังมีแอพ Blinkfeed ที่นำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจต่างๆ ส่งตรงมาให้ในมือถือของคุณ

HTC_One_M8_DuoCamera

ส่วนเรื่องของกล้องนั้นเป็นการพัฒนา Ultrapixel ให้ดียิ่งขึ้น ด้วยกล้องพร้อมแฟลช LED คู่แบบ Dual Camera 2 ตัวที่ทำให้สามารถถ่ายภาพแบบเลือกปรับโฟกัสในภาพภายหลังได้ และการใช้กล้องถ่ายพร้อมกันทั้ง 2 กล้องจะช่วยให้การประมวลผลของภาพได้ดีขึ้น และ HTC One M8 ยังอินเทรนด์ถ่ายภาพตัวเองแบบ Selfie จัดเต็มกล้องหน้าให้มาอีก 5 ล้านพิกเซล

เครื่องนอกจากจะมีแบตเตอรี่ที่มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นแล้ว ยังมีโหมด Ultra Save ที่ช่วยประหยัดเรื่องพลังงานให้สามารถใช้งานได้นานมากกว่าเดิมขึ้นอีกด้วย

HTC_One_M8__cases

HTC One M8 จะมีเคสปิดหน้าจอที่ออกแบบมาแปลกตา คือเป็นรูจุดๆ โดยที่มันจะทำให้เครื่องสามารถแสดงข้อมูลต่างๆ เช่นเวลา, สายเรียกเข้า หรือการเตือนต่างๆ ได้โดยไม่ต้องเปิดฝา cover ออกมา ดูเก๋ไก๋แปลกตาดี

สำหรับแฟนๆ ของ HTC น่าจะถูกใจกับ HTC One M8 กันพอสมควร เพราะรอบนี้ HTC แก้ไขและปรับปรุงสิ่งที่เป็นข้อด้อยในรุ่นก่อนหน้านี้ให้ดีขึ้น และมีการเพิ่มฟีเจอร์และความสามารถใหม่ๆ ให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ที่มา : The NextWeb