AI เทคโนโลยีฮีโรที่เข้ามาเพื่อเป็นตัวช่วยในการใช้ชีวิตของผู้คน หรือแม้แต่ใช้ในการช่วยชีวิต แน่นอนว่าการมีอยู่ของ AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของงาน สร้างและพัฒนาทักษะการเรียนรู้ใหม่ ๆ ให้เราได้ แต่ในช่วงที่ผ่านมา หลายคนเริ่มตั้งคำถามกับการพึ่งพาความสามารถของ AI ที่มากขึ้น จะทำให้ความเฉียบคมของทักษะเราถดถอยเพราะไม่ได้ใช้งานรึเปล่า แล้วถ้าเป็นแบบนั้น จะเกิดอะไรขึ้น ?
งานวิจัยชิ้นล่าสุดพบว่า แพทย์ที่ใช้ AI ช่วยตรวจหามะเร็ง อัตราการตรวจพบติ่งเนื้อในลำไส้เป็นประจำ กลับมีความสามารถในการตรวจหามะเร็งด้วยตัวเองแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด

งานวิจัยนี้ตีพิมพ์ในวารสาร The Lancet Gastroenterology & Hepatology โดยทีมแพทย์และนักวิจัยจากหลายประเทศ ได้แก่ โปแลนด์ นอร์เวย์ สวีเดน สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่น ซึ่งติดตามแพทย์ที่ทำงานในศูนย์ส่องกล้อง 4 แห่งในโปแลนด์ ที่เข้าร่วมโครงการทดลองใช้ AI ในการส่องกล้องเพื่อลดความเสี่ยงมะเร็ง เพื่อประเมินว่า “แพทย์ส่องกล้องที่ใช้ AI เป็นประจำจะมีผลงานอย่างไรเมื่อไม่มี AI ช่วย”
นักวิจัยได้เปรียบเทียบคุณภาพของการส่องกล้องแบบไม่มี AI ช่วย ใน 2 ช่วงเวลาที่แตกต่างกัน คือ
- ช่วงก่อนใช้ AI : 3 เดือนก่อนที่ศูนย์ฯ จะเริ่มนำระบบ AI มาใช้งาน
- ช่วงหลังใช้ AI : 3 เดือนหลังจากที่ศูนย์ฯ ได้นำระบบ AI มาใช้งานแล้ว (ซึ่งในระหว่างนั้น แพทย์ได้มีประสบการณ์การใช้ AI สลับกับการไม่ใช้ AI)
ซึ่งพบว่าอัตราการตรวจติ่งเนื้อชนิดหนึ่งที่เป็นร่องรอยของโรคมะเร็ง (Adenoma Detection Rate – ADR) ลดลง 6 เปอร์เซ็นต์ จาก 28.4% เหลือ 22.4%
ผลการวิจัยนี้สร้างคำถามต่อการใช้ AI ในวงการแพทย์ ว่ามันช่วยได้เมื่อไร และอาจทำให้แย่ลงเมื่อไร
อย่างไรก็ตาม การพึ่งพา AI จนทำให้เกิดผลกระทบต่อทักษะความรู้ความสามารถเดิมนั้น ไม่เพียงเกิดขึ้นแต่กับแพทย์เท่านั้น แม้แต่นักเรียน นักศึกษา หรือพนักงานออฟฟิศยังเกิดความกังวลในเรื่องการใช้งาน AI ที่มากเกินไป ที่อาจส่งผลเสียในด้านการเรียนรู้ด้วยตัวของตัวเอง ขาดการฝึกฝน และการเอาความรู้จริงที่มีอยู่ออกมาใช้
ดังนั้นแม้ AI จะเป็นก้าวสำคัญของมนุษยชาติ แต่การเรียนรู้ที่จะใช้มันให้เกิดประโยชน์โดยที่ไม่ทำให้เราถูกลดความสามารถลง อาจเป็นสิ่งที่ต้องตระหนักมากขึ้นในอนาคต