Adobe ประกาศ Adobe Premiere บน iPhone และ iPad โดยการมาคราวนี้เป็นแอปฯ ตัดต่อเต็มรูปแบบ ทำงานได้อิสระ มีระบบเลเยอร์ และไทม์ไลน์ขนาดใหญ่ พร้อมใส่ซับไทเทิลที่มีสไตล์ เลเยอร์วิดีโอ เสียง ได้อย่างละเอียดทุกเฟรม และใส่ข้อความได้ไม่จำกัด รองรับ 4K HDR และอีกมากมาย ไม่ใช่แค่แอปฯ เล็ก ๆ แบบ Adobe Premiere Clip และ Adobe Premiere Rush ที่ออกมานานก่อนหน้านี้ การมาเต็มรูปแบบยังคงการใช้งานที่ง่าย คุณภาพระดับมืออาชีพ ไม่มีลายน้ำ ไม่มีโฆษณา
ฟีเจอร์เด่น
- Generative Sound Effects ใช้ข้อความคำสั่งและเสียงเพื่อกำหนดจังหวะ อารมณ์ และ AI-powered Enhance Speech เพื่อบันทึกเสียงบรรยายที่ฟังชัดเจนและคมชัด พร้อมตัดเสียงรบกวน
- Adobe Firefly และ Adobe Stock ในตัว เพียงอธิบายภาพหรือเสียง รวมถึงไอเดีย ก็สามารถเลือกนำมาใช้ในงานได้ ทั้งเพลงและเสียงเอฟเฟกต์ไปจนถึงรูปภาพ กราฟิก และวิดีโอ โดยสามารถใช้งานเชิงพาณิชย์หรือประกอบการงานที่ใช้หารายได้ได้ และได้รับอนุญาตจากเจ้าของผู้สร้างสรรค์
- Adobe Fonts และ Lightroom presets เพิ่มข้อความ เพลง รูปภาพ บี-โรล และคำบรรยายได้ง่าย มีฟอนต์ให้เลือกหลากหลายโดยไม่จำเป็นต้องไปหามาติดตั้งเอง
- จบใน iPhone iPad หรือไปต่อบน PC ก็ได้ แอปฯ Premiere เริ่มโปรเจกต์บน iPhone iPad แล้วจบทันทีพร้อมอัปโหลดลง TikTok, YouTube Shorts หรือ Instagram ในตัวหรือส่งโปรเจกต์ไปยัง Premiere Pro บน PC เพื่อทำงานต่อได้ทันที






แล้ว Android ล่ะ
สำหรับ Android ทาง Adobe แจ้งว่ากำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา แสดงว่าเตรียมตัวรอพบเร็ว ๆ นี้ได้เลย
iPhone iPad ดาวน์โหลดได้ยัง
แอปฯ นี้เปิดตัวแล้วโดยเป็นการจองสิทธิ์การใช้งานก่อน บน App Store ต้องการ iOS 17 และ iPadOS 17 ขึ้นไป โดยยังไม่มีข้อมูลเรื่องราคา (หรืออาจรวมกับค่าสมาชิก Creative Cloud ก็ได้) และจะเริ่มใช้งานได้ตั้งแต่ 30 กันยายน 2025

ยุติการสนับสนุนแอปฯ Adobe Premiere Clip และ Adobe Premiere Rush
แน่นอนว่าการมาของแอปฯ นี้จะมีความสามารถมากกว่าแอปฯ เดิม ๆ และทดแทนแอปฯ เดิม โดย Adobe แจ้งจะยุติการสนับสนุนและพัฒนาแอปฯ Adobe Premiere Clip และ Adobe Premiere Rush ในวันที่ 30 กันยายนนี้ โดยจะไม่มีให้ดาวน์โหลดอีกต่อไป และจะไม่สามารถใช้งานได้แม้ติดตั้งอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว
