ในยุคที่คนไทยชอบเสพข่าวด่วน ข่าวฮอต มิจฉาชีพก็ฉวยโอกาสใช้ช่องทางนี้มาหลอกลวงได้แยบยลขึ้นเรื่อย ๆ ล่าสุดต้องเตือนกันอีกครั้ง เมื่อพบการแพร่กระจายของ เฟกนิวส์เกี่ยวกับดาราและคนดังเสียชีวิต ที่สร้างความตกใจให้แฟนคลับและสังคมออนไลน์ หากเผลอหลงเชื่อแล้วกดเข้าไปอ่าน อาจถูกดูดข้อมูลส่วนตัวหรือตกเป็นเหยื่อสูญเงินได้ในพริบตา

ล่าสุดเกิดกรณีที่สร้างความเข้าใจผิดในสังคมออนไลน์ เมื่อมีการนำภาพของนักแสดงสาวรายหนึ่งไปตัดต่อ พร้อมใส่ข้อความแสดงความอาลัยราวกับว่าเสียชีวิตแล้ว ทำให้ผู้ที่พบเห็นเกิดความตกใจและเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง หลายคนเผลอกดเข้าไปที่ลิงก์ที่แนบมากับโพสต์ดังกล่าว

แต่แท้จริงแล้วลิงก์นั้นเป็นกับดักของมิจฉาชีพ เมื่อกดเข้าไป ผู้ใช้งานจะถูกพาไปยังเว็บไซต์ปลอมที่มีการหลอกให้กรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น เบอร์โทรศัพท์ รหัสผ่าน หรือแม้แต่ข้อมูลบัตรเครดิต หากเผลอกรอกข้อมูลลงไปอาจนำไปสู่การถูกขโมยข้อมูลสำคัญ สูญเสียเงิน หรือถูกนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิดได้

กรณีนี้สะท้อนให้เห็นว่า มิจฉาชีพใช้วิธี “ปล่อยข่าวลวง” หรือ เฟกนิวส์ ที่กระทบต่อความรู้สึกของคนจำนวนมาก โดยเฉพาะข่าวการเสียชีวิตของบุคคลมีชื่อเสียง ซึ่งมักทำให้ผู้คนขาดสติและอยากคลิกเข้าไปตรวจสอบทันที จึงตกเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว

วิธีป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อข่าวปลอมและลิงก์หลอกลวง

  1. อย่าเชื่อข่าวลือทันที

    ก่อนแชร์หรือกดลิงก์ ควรตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะข่าวที่มีเนื้อหาตื่นตระหนก เช่น ข่าวการเสียชีวิตของคนดัง หรือข่าวที่มีข้อความชวนให้รีบกดเข้าไปดู (กสทช. และ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม เตือนว่า ข่าวลวงมักใช้ข้อความเร่งเร้าเพื่อกระตุ้นให้คนคลิกโดยไม่คิด)
  2. เช็กความเป็นทางการของแหล่งข่าว

    ตรวจสอบว่าเพจ เว็บไซต์ หรือบัญชีที่เผยแพร่ข่าวนั้นมีเครื่องหมาย ยืนยันตัวตน (Verified Badge) หรือไม่ รวมถึงจำนวนผู้ติดตามว่ามีมากพอและเป็นของจริง
  3. ตรวจสอบกับต้นทางโดยตรง

    หากเป็นข่าวที่เกี่ยวข้องกับบุคคลสาธารณะ เช่น ดาราหรือคนดัง ควรเช็กความเคลื่อนไหวล่าสุดจากบัญชีโซเชียลทางการของคนดังที่ถูกแอบอ้างหรือคนใกล้ชิด หากยังมีการโพสต์หรือเคลื่อนไหวปกติ แสดงว่าข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง สำนักงานตำรวจแห่งชาติแนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลจากต้นทางเสมอ ก่อนแชร์ต่อ

ถ้าเผลอกดลิงก์ไปแล้วควรทำอย่างไร

  • ห้ามกรอกข้อมูลใด ๆ

    หากถูกพาไปยังเว็บไซต์ที่ให้กรอกเลขบัตรประชาชน รหัสผ่าน หรือข้อมูลทางการเงิน เช่น ข้อมูลบัตรเครดิต ต้องหยุดทันที เพราะเป็นการหลอกขโมยข้อมูล
  • รีบแจ้งและปรึกษาคนรอบข้าง

    หากถูกหลอกให้โอนเงิน หรือมีการข่มขู่ ควรรีบเล่าให้คนใกล้ชิดรับรู้เพื่อช่วยกันป้องกันความเสียหายเพิ่มเติมที่อาจจะเกิดขึ้นได้
  • ตั้งสติ และตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทันที

    ปิดทั้ง Wi-Fi และเครือข่ายมือถือ เพื่อลดความเสี่ยงที่ข้อมูลส่วนตัวหรือรหัสผ่านของเราจะถูกส่งออกไปโดยอัตโนมัติ
  • เปลี่ยนรหัสผ่านทุกบัญชีสำคัญ

    โดยเฉพาะ บัญชีธนาคาร อีเมล และโซเชียลมีเดีย และควรทำการ Log out ออกจากทุกอุปกรณ์ ที่เคยเข้าสู่ระบบไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้คนร้ายเข้าถึงข้อมูล
  • เปิดการยืนยันตัวตนแบบสองชั้น (Two-Factor Authentication : 2FA)

    เพิ่มความปลอดภัยอีกชั้น หากรหัสผ่านหลุด คนร้ายก็จะไม่สามารถเข้าสู่ระบบได้ง่าย ๆ
  • ตรวจสอบการเคลื่อนไหวทางการเงิน

    เช็กบัญชีธนาคารและบัตรเครดิตอย่างละเอียด หากพบความผิดปกติ เช่น การโอนเงินที่ไม่ได้ทำเอง ให้รีบติดต่อธนาคารทันที และอายัดบัญชีเพื่อป้องกันความเสียหาย
  • เก็บหลักฐานและแจ้งเจ้าหน้าที่

    หากพบว่ามีความเสียหายจริง ควรเก็บภาพหน้าจอ ลิงก์ หรือข้อความทั้งหมด แล้วแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือติดต่อ สายด่วนศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม 1111 กด 87 หรือ สายด่วนไซเบอร์ 1441 เพื่อรับคำแนะนำ

การเสพข่าวในโซเชียลมีเดียต้องใช้สติและวิจารณญาณอยู่เสมอ เพราะมิจฉาชีพมักใช้ช่องโหว่ทางอารมณ์ของเรา ไม่ว่าจะเป็น ความตกใจ ความอยากรู้ หรือความหวังดีในการแชร์ต่อ มาเป็นเครื่องมือหลอกลวง หากเราไม่ตรวจสอบให้ดีก่อนกดลิงก์หรือแชร์ข้อมูล ก็อาจตกเป็นเหยื่อได้ง่าย ๆ

ดังนั้น ก่อนจะคลิกหรือส่งต่อข่าว ควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของแหล่งข่าว และใช้ความระมัดระวังเป็นเกราะป้องกัน เพื่อไม่ให้ตกอยู่ในกับดักของมิจฉาชีพ