ไทยกับสหรัฐอเมริกาทำข้อตกลงผ่าน MOU แรร์เอิร์ธ ท่ามกลางกระแสวิจารณ์ถึงวิกฤตทางสิ่งแวดล้อมและข้อเสียเปรียบที่ไทยต้องเผชิญ
หลังจากจบพิธีลงนามข้อตกลงสันติภาพระหว่างไทย-กัมพูชา โดยมีมาเลเซียและสหรัฐอเมริกาเป็นสักขีพยานในการทำข้อตกลง แม้จะเป็นการทำข้อตกลงเรื่องสันติภาพ แต่กลับมีวาระซ่อนเร้นด้วยการประชุมแบบสองต่อสองในการลงนาม MOU เรื่องแร่หายาก หรือแรร์เอิร์ธ (Rare Earth) ร่วมกันระหว่างนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และนายโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่ต่อมาเกิดเสียงแตกถึงความกังวลด้านวิกฤตสิ่งแวดล้อม และหลายฝ่ายวิจารณ์ว่าเพราะเหตุใดนายกรัฐมนตรีไทยถึงลงนามในเรื่องที่ไทยเสียเปรียบ ซึ่งเป็นประเด็นที่อาจทำให้เกิดปัญหาขึ้นในอนาคต

บทความนี้จะพามาแบไต๋ที่มาที่ไปความสำคัญของแร่แรร์เอิร์ธ และเหตุผลที่ว่าทำไมนายกไทยถึงทำข้อตกลงนี้ ?
ชื่อเต็มของ MOU ฉบับนี้คือ ‘บันทึกความเข้าใจเรื่องความร่วมมือในการพัฒนาความหลากหลายของห่วงโซ่อุปทานของแร่ธาตุที่มีความสำคัญในระดับโลก และการส่งเสริมการลงทุน’
ใจความสำคัญของ MOU นี้ กล่าวโดยสรุปคือ ประเทศไทยจะเปิดโอกาสให้สหรัฐอเมริกาเข้ามาลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีการสำรวจ การขุด แปรรูป การกู้คืน และการนำกลับมาใช้ใหม่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับแร่หายากในไทย ซึ่งรวมถึงแร่ที่ขุดและขายในไทยและขายโดยบริษัทที่ตั้งอยู่ในไทย โดยสหรัฐฯ ต้องถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ไทย และให้ไทยเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานแร่หายากของโลก แลกกับการที่สหรัฐอเมริกาจะมีสิทธิ์ก่อนประเทศอื่นในการขอซื้อแร่หายาก
ชนวนเหตุที่ทำให้สหรัฐฯ หันซบประเทศอื่นเพื่อหาแรร์เอิร์ธ
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหลายคนน่าจะได้ทราบจากข่าวใหญ่ที่ทรัมป์แสดงออกถึงความไม่พอใจจีนอย่างมากจนประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนเพิ่มขึ้น 100% อันเนื่องมาจากชนวนเหตุของแรร์เอิร์ธ ที่จีนออกมาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายากอย่างเข้มข้น เพื่อเป็นข้อต่อรองในเรื่องภาษีนำเข้าสหรัฐฯ การออกมาตรการนี้ของจีนสร้างผลกระทบอย่างมากต่อประเทศที่มีอุตสาหกรรมอันต้องพึ่งพาแรร์เอิร์ธ ในขณะที่จีนเองมีข้อได้เปรียบในด้านการผลิตและแปรรูปแรร์เอิร์ธโดยครองตลาดอยู่ที่ 70% ของโลก
โดยข้อมูลของสำนักงานทดสอบธรณีวิทยาของสหรัฐฯ (USGS) ระบุว่า จีนสำรองแร่หายากรวมกว่า 44 ล้านตัน REO (Rare Earth Oxides) คิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของแหล่งสำรองทั่วโลก ซึ่งรวมกันราว 90 ล้านตัน ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีสำรองเพียง 1.9 ล้านตัน ทำให้ยังคงพึ่งพาการนำเข้าแร่จากจีนเป็นหลัก กล่าวคือจีนแทบจะผูกขาดแรร์เอิร์ธไปแล้ว เมื่อมีประเด็นขัดข้องหมองใจกับจีนในเรื่องนี้ ส่งผลให้สหรัฐฯ ต้องมองหาทางออกใหม่ด้วยการทำข้อตกลงในเรื่องแรร์เอิร์ธกับชาติอื่น ๆ รวมถึงประเทศไทยด้วย
สาเหตุที่สหรัฐฯ อยากทำ MOU แรร์เอิร์ธกับไทย
แม้กระทั่งคนไทยเองยังสงสัยว่าประเทศไทยมีแร่หายากด้วยเหรอ ข้อมูลอ้างอิงจากสำนักงานทดสอบธรณีวิทยาของสหรัฐฯ (USGS) ระบุว่า ไทยอยู่ในอันดับ 6 ซึ่งเป็นประเทศที่ผลิตแร่หายากมากที่สุดในปี 2024 ซึ่งมีผลผลิตถึง 13,000 ตัน โดยส่วนใหญ่ประเทศไทยจะเป็นผู้นำเข้าแรร์เอิรธนี้ในกระบวนการผลิตของอุตสาหกรรมต่าง ๆ อาทิ การตั้งโรงงาน Neo Magnequench ที่ จ. นครราชสีมา ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Neo Perfomance Materials ประเทศแคนาดา ผลิตวัสดุแม่เหล็กหายากสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์

ทำไมประเทศไทยถึงทำ MOU นี้ ?
ต้องบอกว่า MOU นี้ ถือเป็นการสร้างเซอร์ไพรส์จากรัฐบาลไทย และนำมาซึ่งการวิพากษ์วิจารณ์ของฝ่ายค้าน เนื่องจากเรื่องของแรร์เอิร์ธไม่ได้มีการประชุมและถกถึงผลดีผลเสียมาก่อน อีกทั้งยังมีวิกฤตน้ำเป็นพิษจากกรณีการสร้างเหมืองแร่จากประเทศเพื่อนบ้าน
นายกอนุทินระบุว่า ไทยและสหรัฐฯ ได้หารือเรื่องนี้มาเป็นระยะเวลานานแล้ว และกรมอุตสาหกรรมและเหมืองแร่ได้นำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมาแล้วเมื่อวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นที่มาว่าทำไมถึงนำมาซึ่งการลงนาม MOU ฉบับนี้
ข้อกังวลและเสียงวิจารณ์
ด้าน สส. พรรคประชาชนได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน โดยมองว่าเป็นข้อเสียเปรียบที่บีบประเทศไทยไว้ถึง 4 ข้อ ได้แก่
1. ให้สิทธิสหรัฐฯ มาวิเคราะห์การขยายพื้นที่และพิกัดของแร่หายากในประเทศไทย
2. หากเจอพื้นที่แร่หายาก สหรัฐฯ จะรู้ก่อน โดยระบุไว้เลยว่า ต้องบอกสหรัฐฯ ให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และสหรัฐฯ คาดหวังว่าจะได้โอกาสในการลงทุนก่อนเจ้าอื่น
3. กระบวนการอนุญาตต่าง ๆ จากผู้ลงทุนของสหรัฐฯ ทั้งจากกฎหมายระดับชาติ หรือท้องถิ่นต้องถูกทำให้รวดเร็วและคล่องตัวมากขึ้น
4. แม้การยกเลิก MOU ฉบับนี้ถูกระบุให้สามารถทำได้ทุกเมื่อ แต่ก็ระบุแนบท้ายไว้ด้วยเช่นกันว่า โครงการใด ๆ ที่ตกลงกันแล้วก่อนยกเลิก ให้ยึดถือการดำเนินการตาม MOU ฉบับนี้ต่อ แม้ MOU จะถูกยกเลิกไปแล้ว
ชี้แจงข้อกังวล พร้อมแสดงจุดดีของ MOU ฉบับนี้
สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของไทยได้ชี้แจงถึงข้อกังวล พร้อมระบุว่า การทำ MOU ฉบับนี้ ไม่มีข้อผูกมัดทางกฎหมายใด ๆ และจะส่งผลดีให้ไทยเข้าไปอยู่ในซัปพลายเชนเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลก อีกทั้งจะทำให้ไทยกับสหรัฐฯ ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลองค์ความรู้และการถ่ายทอดเทคโนโลยีในเรื่องแร่ธาตุสำคัญ ซึ่งมองว่าการทำ MOU ฉบับนี้เป็นข่าวดีของประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม แม้รัฐบาลจะระบุถึงประโยชน์ในเชิงการค้าก็ดีหรือด้านองค์ความรู้ก็ดี แต่แรร์เอิร์ธมีผลกระทบอย่างมากสำหรับสุขภาพและสิ่งแวดล้อม หากมีการค้นพบและต้องดำเนินการตามกระบวนการมีการขุดเจาะหรือทำเหมืองจะต้องทำด้วยความระมัดระวัง และคำนึงถึงความเป็นอยู่ของประชาชน ผลกระทบต่อสุขภาพของพี่น้องประชาชน และสิ่งแวดล้อม อันเป็นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องคำนึงเหนือเรื่องของเศรษฐกิจและการเมือง