และแล้วงาน Worldwide Developer Conference 2025 หรืองานโชว์ของใหม่ประจำปีของ Apple ก็ได้เริ่มต้นขึ้น โดยในปีนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 – 13 มิถุนายน 2025
ในงานปีนี้ก็อีกเช่นเคยที่ Apple ได้เข็นอัปเดตซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ใหม่ ๆ มากมายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หรือบางส่วนก็ได้เกิดขึ้นแล้ว โดยในบทความนี้จะขอให้เล่าถึงอัปเดตใหม่ ๆ สำหรับ iOS26 ที่เกิดขึ้นในวันแรกของงาน WWDC โดยคาดว่าน่าจะปล่อยออกมาในช่วงฤดูใบไม้ร่วง (ราวเดือนกันยายนและตุลาคม) พร้อมกับ iPhone 17
เลขรุ่น iOS จะรันตามปีที่ออก
ประเดิมกันที่ชื่อรุ่นแบบใหม่ของ iOS โดย Apple ออกมาเผยว่าตัวเลขรุ่นของ iOS, macOS, iPadOS ที่จะออกมาหลังจากนี้จะสอดคล้องกับเลขปีที่ออก (หรือปีถัดจากปีที่ออก) อย่างเลข iOS26 ที่จะออกมาในปีนี้ก็จะเป็นรุ่นแรกที่รันแบบใหม่
การรันเลขแบบใหม่นี้ก็น่าจะช่วยให้ผู้ใช้รู้ได้ง่ายขึ้นมากว่า iOS รุ่นที่ใช้อยู่ตอนนี้เป็นรุ่นปัจจุบันหรือไม่
เปลี่ยนลุคใหม่ด้วย Liquid Glass
iOS26 ยังมาพร้อมกับธีมใหม่ในชื่อ Liquid Glass ที่จะเปลี่ยมโฉมหน้าอินเตอร์เฟซของ iPhone ให้มีคุณสมบัติคล้ายกับแก้ว ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากซอฟต์แวร์ visionOS โดยจะทำให้ปุ่น สวิตช์ แถบเลื่อน ข้อความ และตัวควบคุมสื่อดูใสเงางามมากขึ้น และจะตอบสนองต่อความมืดและความสว่างด้วย

Liquid Glass ใช้เทคโนโลยีเรนเดอร์แบบเรียลไทม์และจะตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยการเปลี่ยนแปลงนี้จะเกิดขึ้นในแอปหลักต่าง ๆ ที่จะมีดีไซน์เปลี่ยนไปด้วย นอกจากการให้ความรู้สึกที่ดูเหมือนแก้วใสแล้ว ตัวปุ่มและอินเตอร์เฟซยังมีความไหลลื่นเหมือนหยดน้ำที่รวมและแยกกันได้อย่างลื่นไหลอีกด้วย

Liquid Glass จะกลายเป็นภาษาด้านการออกแบบใหม่ที่จะครอบคลุมสำหรับอุปกรณ์อื่น ๆ นอกเหนือไปจาก iPhone ด้วย โดย อลัน ดาย (Alan Dye) รองประธาน Apple ฝ่าย Human Interface Design ชี้ว่า Liquid Glass ถือเป็นการอัปเดตดีไซน์ที่ “ครอบคลุมมากที่สุด” ที่เคยมีมา และถือเป็น “ครั้งแรก” ที่เป็นการรีดีไซน์ครอบคลุมทุกแพลตฟอร์ม
แอปหลักโฉมใหม่
หนึ่งในสิ่งใหม่ ๆ ที่จะมาพร้อมกับ iOS 26 คือการปรับโฉมแอปหลักใหม่ อย่างหน้าเว็บใน Safari ที่เป็นเว็บเบราว์เซอร์หลักของ Apple จะคลุมทั้งหน้าจอแล้ว ขณะที่เลย์เอาต์ของ Camera ก็จะดูมินิมอลขึ้น ตัวเลือกแรกที่ขึ้นมาก็จะเหลือเฉพาะ Photo และ Video เท่านั้น หากจะดูตัวเลือกอื่นก็จะต้องไถแถบเครื่องมือเพื่อดูโหมดอื่น ๆ
สำหรับแอป Phone จะมีเลย์เอาต์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรวมเอา Favorites, Recent และ Voicemails เข้ารวมอยู่ในแถบเดียวกันได้ ขณะที่ตัวเลือก Calls, Contacts และแป้นกดเบอร์ก็จะอยู่ที่ด้านใต้แอปเหมือนเดิม นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ Hold Assist ที่ใช้ Apple Intelligence แบบ On-Device ซึ่งจะช่วยรอสายแทนเรา ทำให้ไม่ต้องถือสายรอข้างหูอีกต่อไป โดยเมื่อปลายสายรับสายแล้ว ก็จะมีการแจ้งเตือนให้ยกหูขึ้นต่อไป

ด้านแอป Messages จะมาพร้อมกับความสามารถในการเปลี่ยนพื้นหลังของหน้าต่างแชตได้แล้ว ผู้ใช้ยังสามารถสร้างโพลล์ในห้องสนทนาแบบกลุ่มได้ด้วย นอกจากนี้ ยังมีตัวหนังสือที่แสดงให้เห็นว่าคู่สนทนาในห้องแชตแบบกลุ่มกำลังพิมพ์อยู่ และเพิ่มความสามารถในการกรองข้อความจากผู้ส่งที่ไม่รู้จักได้ด้วย โดยจะอยู่ในโฟลเดอร์แยก
ในแอป Apple Music จะมีฟีเจอร์ Lyrics Translation เพื่อช่วยแปลเนื้อหาของเพลงโปรด และมี Lyrics Pronunciation ที่ช่วยถอดคำอ่านออกเสียงของเนื้อเพลงให้ผู้ใช้ร้องคู่ไปด้วยได้ในหลายภาษา แถมด้วย AutoMix ที่ใช้ AI ในการเปลี่ยนเพลงอย่างไม่มีขาดตอน

ขณะที่ใน Apple Maps จะมีฟีเจอร์ Visited Places ที่ช่วยจดจำสถานที่ที่เคยไปมาแล้ว ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าจะให้ iPhone ช่วยตรวจดูว่าสถานที่ที่อยู่ในตอนนี้เป็นร้านค้าหรือร้านอาหารหรือไม่ โดยสถานที่ใน Visited Places จะถูกเก็บรักษาแบบเข้ารหัสเอาไว้ ยิ่งไปกว่านั้น Apple Intelligence จะช่วยทำความเข้าใจเส้นทางเดินทางแต่ละวันและนำเสนอเส้นทางที่ดีกว่าด้วย
มาดูกันที่ Apple Wallet จะมีตัวเลือกให้ผู้ใช้เลือกว่าจะจ่ายเงินแบบผ่อนจ่ายหรือใช้แต้มรางวัลแทนการจ่ายเงินขณะจ่ายเงินด้วย Apple Pay ส่วน Boarding Pass หรือตั๋วเครื่องบินใน Wallet ก็จะมีอัปเดตแสดงสถานะปัจจุบันของเที่ยวบิน รวมถึงเชื่อมโยงข้อมูลสถานที่ใน Maps และมีฟีเจอร์ตามหาของหายและรายงานกระเป๋าเดินทางหายได้ด้วย
ฟีเจอร์ใหม่ของ Apple Intelligence

นอกจาก Apple Intelligence จะช่วยเสริมฟีเจอร์ของแอปต่าง ๆ ที่กล่าวมาแล้ว ยังเพิ่มฟีเจอร์ Live Translation ให้กับ Messages, FaceTime และ Phone เป็นตัวช่วยแปลภาษาบทสนทนาแบบเรียลไทม์ทั้งเสียงและข้อความ ให้คู่สนทนาเข้าใจกันได้แม้จะคุยกันคนละภาษา Apple ชี้ว่าตัว Apple Intelligence จะทำงานแบบ On-Device ไม่มีการเก็บข้อมูลเข้าคลาวด์เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว
ด้วย Apple Intelligence ผู้ใช้ยังจะสามารถค้นหาและสั่ง ChatGPT เกี่ยวกับสิ่งที่อยู่บนอุปกรณ์ iPhone หรือบนอินเทอร์เน็ตก็ได้หมด ไม่ว่าจะค้นหาแอป หรือค้นเว็บไซต์เพื่อหาของที่อยากซื้อ ฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้าไปคือ Visual Intelligence ที่จะรู้ว่าผู้ใช้ดูอะไรบนจออยู่และมาพร้อมกับคำแนะนำ
CarPlay ทรงพลังขึ้น
CarPlay แอปสำหรับใช้ในรถมีอัปเดตใหม่ที่เปลี่ยนอินเตอร์เฟซของแอปให้มีรูปร่างกะทัดรัดมากขึ้น จะทำให้ผู้ใช้เห็นสายที่โทรเข้ามาโดยที่ยังแสดงเส้นทางที่รถมุ่งหน้าไปอยู่
นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มฟีเจอร์ Tapbacks และ Pinned Conversations สำหรับ Messages ลงใน CarPlay ด้วย รวมถึงมีการนำ Widgets และ Live Activities เพื่อให้ไม่พลาดกิจกรรมขณะขับรถ ฟีเจอร์เหล่านี้จะมีให้ใช้ใน CarPlay Ultra ด้วย
Apple Games แอปใหม่รวมเกมไว้ใน iPhone
Apple ยังได้เปิดเผยแอป Apple Games ที่ให้ผู้ใช้เข้าถึงเกม Apple Arcade และค้นหาเกมใหม่ ๆ ไว้ในที่เดียว ในแอปจะมีแถบ Library ที่ให้ผู้ใช้เข้าดูเกมที่ได้ดาวน์โหลดมาจาก App Store และมีตัวเลือก Play Together ที่ชวนเพื่อนมาเล่นเกมด้วยกันได้ด้วย
นักพัฒนายังสามารถใช้ Play Together ในการเปลี่ยนให้เกม Singleplayer เป็นการแข่งขันแบบกลุ่มได้ด้วย ที่สำคัญคือแอปนี้ทำงานคู่กับคอนโทรลเลอร์ด้วย