Meitu (เหมยตู) เผยผลประกอบการพุ่งแรง รายได้โต 12.3% ด้วยกลยุทธ์ AI และการขยายตลาดทั่วโลก สะท้อนความนิยมของแอปฯ ที่ครองใจผู้ใช้งาน ในประเทศไทยได้รับการจัดอันดับทั้งบน App store และ Google Play 4.8 ดาว

แทบจะเป็นทุกอย่างแล้ว เมื่อ Meitu แอปพลิชันแต่งรูปจากฮ่องกงกลายเป็นแอปฯ ที่หลายคนโดยเฉพาะสายแต่งรูปต้องมีติดเครื่อง จนกลายเป็นแอปฯ All in One ที่ช่วยเสกความปัง รังสรรค์ความเป๊ะได้ทุกอณู ยิ่งถ้าใช้แบบพรีเมียมจ่ายเงินสมัคร (Subscribe) เป็น Meitu VIP ที่จะได้รับการอัปเกรดเพื่อตกแต่งรูปในระดับที่สตาร์ฮอลลีวูดยังต้องยอม

ในขณะที่แอปพลิชันนี้เปิดให้สามารถใช้ฟีเจอร์บางส่วนได้ฟรี แต่ทำไมคนกลับยอมจ่ายเงินเพื่อใช้บางฟีเจอร์ที่ถูกล็อกไว้ ผู้ใช้งานบางคนอาจจะตอบว่า ยิ่งจ่ายยิ่งเนียน เพราะแต่งชนิดที่ไม่มีใครจับโป๊ะได้ จนใครหลายคนยกให้เป็นแอปฯ โปรด

บทความนี้เราจะมาเผยไต๋ พร้อมเปิดโปงความลับนางฟ้า อะไรที่ทำให้ Meitu ยืนอยู่ในตลาดแอปฯ แต่งภาพได้อย่างแข็งแกร่ง ท่ามกลางการเติบโตของ แอปฯ สร้างภาพ AI ที่แค่ป้อน Prompt ก็สวยได้ตามสั่ง

แอปฯ แต่งภาพ โตตามความ (อยาก) สวยที่ไม่มีวันสิ้นสุด

ตลาดแอปพลิเคชันภาพรวมเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะแอปฯ ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างคอนเทนต์ อย่าง การแต่งภาพและวิดีโอ สถิติจากหลายแหล่งชี้ให้เห็นว่าผู้คนทั่วโลกใช้เวลาบนมือถือเพิ่มขึ้นอย่างมาก และส่วนใหญ่ใช้ไปกับโซเชียลมีเดีย

อ้างอิงจาก Demandsage บริษัทที่ให้บริการด้านการรายงานและการวิเคราะห์ข้อมูล ของสหรัฐฯ ระบุว่า ผู้คนประมาณ 7.21 พันล้านคนใช้สมาร์ตโฟนทั่วโลก คิดเป็นประมาณร้อยละ 90 ของประชากรโลกซึ่งมีจำนวนราว 8 พันล้านคน ข้อมูลของ Exploding Topics พบว่ามี 7 ประเทศที่มีเวลาหน้าจอโทรศัพท์เกิน 5 ชั่วโมงต่อวัน โดยประเทศไทยอยู่ในอับดับ 2 โดยใช้เวลากับสมาร์ตโฟนเฉลี่ย 5 ชั่วโมง 28 นาทีต่อวัน ซึ่งเป็น Social Media มากถึง 2 ชั่วโมง 32 นาทีต่อวัน สถิติเหล่านี้กลายเป็นแรงผลักดันให้แอปฯ แต่งภาพได้รับความนิยมตามไปด้วย

อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่าการมีอยู่ของแอปพลิเคชันแต่งรูปเป็นการสนับสนุนค่านิยมความสวย ทั้ง “Meitu” และ “BeautyPlus” ซึ่งเป็น 2 แอปฯ ที่มีผู้พัฒนาเจ้าเดียวกัน โดดเด่นในเรื่องการรีทัชและการปรับแต่งภาพบุคคล เช่น การปรับผิวให้เรียบเนียน ลบสิว หรือปรับโครงหน้า ทำให้เป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มผู้ใช้งานที่ชอบการถ่ายภาพเซลฟี่

แม้แต่ผู้ผลิตสมาร์ตโฟนยักษ์ใหญ่ยังออกผลิตภัณฑ์ที่ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพของกล้องมือถือ ไม่ใช่แค่ถ่ายวิวสวย แต่กำลังพยายามทำให้ภาพถ่ายบุคคลสวยทันทีหลังกดถ่าย ถือเป็นส่วนหนึ่งที่บ่งบอกว่าผู้ใช้งานสมาร์ตโฟนคำนึงถึงเรื่องความสวยงามของภาพถ่ายบุคคลแค่ไหน สุดท้ายกล้องมือถืออาจจะไม่เพียงพอกับความต้องการสวยของผู้ใช้งาน และแอปฯ แต่งภาพ แอปฯ เดียวก็อาจจะไม่เพียงพอด้วยเช่นเดียวกัน

การแข่งขันในตลาดแอปฯ แต่งรูป มี AI เป็นตัวแปรสำคัญ

การแข่งขันในตลาดแอปฯ แต่งรูปสูงขึ้น หลังความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้เกิดแอปฯ Generate ภาพหรือแต่งภาพสำเร็จโดย AI ทำให้แอปฯ แต่งภาพต้องพัฒนาขึ้นเพื่อให้มีพื้นที่ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง และ Meitu ก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยผสมผสานเทคโนโลยี AI เข้ามาภายในแอปฯ ที่เน้นการควบคุมแบบละเอียดสำหรับมืออาชีพ และแอปฯ ที่เน้นความง่ายและรวดเร็วด้วยพลังของ AI 

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฟีเจอร์ AI ในแอปฯ แต่งภาพเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ผู้ใช้งานเริ่มหันมาใช้ฟีเจอร์เหล่านี้มากขึ้น เพราะช่วยลดเวลาและขั้นตอนที่ยุ่งยากได้อย่างมาก ตัวอย่างเช่น 

  • การลบวัตถุที่ไม่ต้องการ ผู้ใช้สามารถลบคนหรือสิ่งของออกจากภาพได้อย่างง่ายดายด้วย AI โดยไม่ต้องรีทัชเอง
  • การเปลี่ยนสไตล์ภาพ AI สามารถเปลี่ยนภาพถ่ายธรรมดาให้เป็นภาพวาดในสไตล์ต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
  • การสร้างภาพจากข้อความ (AI Image Generation) เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมอย่างสูงและถูกนำมาใช้ในแอปฯ แต่งภาพมากขึ้นเรื่อย ๆ

นายแกรี่ หงัน (Gary Ngan) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและเลขานุการบริษัทของ Meitu กล่าวว่า “ด้วยแอปพลิเคชัน AI ที่ประสบความสำเร็จในตลาดทั่วโลก รายได้จากผลิตภัณฑ์ภาพถ่าย, วิดีโอ และการออกแบบของเราจึงเพิ่มขึ้น, อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น และกำไรสุทธิทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะเดียวกัน ฐานผู้ใช้งานรายเดือนทั่วโลกของเรายังคงขยายตัว โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศ นี่เป็นการย้ำความมุ่งมั่นของเราในกลยุทธ์ Productivity & Globalization เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้ใช้ และสร้างผลิตภัณฑ์ระดับโลก”

จากรายงานทางการเงินล่าสุดของ Meitu Inc. สะท้อนการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยรายงานบนเว็บไซต์ทางการของบริษัทระบุไว้ ดังนี้

  • ผู้ใช้งานรายเดือน (Monthly Active Users – MAUs) ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 Meitu มีผู้ใช้งานรายเดือนทั่วโลกรวม 280 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้น 8.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้านั้น การเติบโตนี้ส่วนหนึ่งมาจากการขยายตลาดไปนอกประเทศจีน โดยมีผู้ใช้งานนอกประเทศจีนเพิ่มขึ้นถึง 15.3% ในช่วงเวลาเดียวกัน
  • จำนวนผู้ใช้งานแบบจ่ายเงิน (Paying Subscribers) Meitu มีการเติบโตของรายได้จากผู้ใช้งานแบบสมัครสมาชิกเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยล่าสุดมีผู้ใช้งานแบบจ่ายเงินสูงถึง 15.4 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งเพิ่มขึ้น 42% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าผู้ใช้เต็มใจที่จะจ่ายเงินเพื่อเข้าถึงฟีเจอร์ AI และฟังก์ชันระดับพรีเมียม
  • รายได้และกำไร บริษัทมีการเติบโตที่น่าประทับใจ โดยรายได้รวมในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 อยู่ที่ 1.8 พันล้านหยวน (ประมาณ 8.1 ล้านล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้น 12.3% และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 71.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากการเติบโตของธุรกิจผลิตภัณฑ์ภาพและดีไซน์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI

การดึง AI เข้ามาเป็นส่วนสำคัญ ทำให้ Meitu ชิงพื้นที่ในตลาดแอปฯ ได้สำเร็จ 

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ Meitu ยังคงเป็นแอปฯ แต่งรูปที่ผู้ใช้งานไว้วางใจ คือการไม่หยุดตามเทรนด์และเข้าใจความต้องการของผู้ใช้งาน โดยเฉพาะการนำ AI มาเป็นฟีเจอร์ที่สร้างความโดดเด่น อาทิ

  • การลงทุนวิจัยและพัฒนา AI : โดยเฉพาะ Generative AI ซึ่งทำให้แอปฯ สามารถสร้างฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจและใช้งานง่าย เช่น การลบวัตถุ การแต่งหน้าเสมือนจริง และการปรับแต่งภาพในสไตล์ต่าง ๆ และฟีเจอร์ Flash ที่ทำให้ภาพเสมือนถ่ายด้วยกล้องดิจิทัล ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมาก นอกจากนี้ยังเปิดให้ทดลองใช้ฟรี เพื่อเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจสมัครใช้งานแบบจ่ายเงินอีกด้วย
  • การขยายตลาดต่างประเทศ : แม้ว่าฐานผู้ใช้หลักจะยังอยู่ในจีน แต่ Meitu ก็ประสบความสำเร็จในการขยายตลาดไปยังประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และบางส่วนของยุโรป การนำฟีเจอร์ AI ที่ได้รับความนิยมในแต่ละประเทศมาใช้ช่วยให้แอปฯ ติดอันดับการดาวน์โหลดในหลาย ๆ ตลาด 
  • การเปลี่ยนโมเดลธุรกิจ : Meitu ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนจากโมเดลธุรกิจที่เน้นรายได้จากโฆษณาไปเป็นรายได้จากการสมัครจ่ายเงินเป็น Meitu VIP ซึ่งเป็นโมเดลที่ยั่งยืนกว่า และมีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อไปในอนาคต

Meitu พิสูจน์ให้เห็นว่าการปรับตัวทำให้อยู่รอดในยุคดิจิทัล ด้วยการนำเทคโนโลยี AI มาเป็นแกนหลักในการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานทั่วโลก ทำให้แอปฯ สามารถเพิ่มฐานผู้ใช้และเปลี่ยนใจคนให้ยอมจ่ายเงินเพื่อเข้าถึงฟีเจอร์ระดับพรีเมียม ทั้งยังทำให้ผู้ใช้งานที่จ่ายเงินคุ้มค่าที่จะจ่าย โดยไม่รู้สึกว่าแอปฯ กำลังเอาเปรียบผู้บริโภคอยู่