OnePlus ได้เปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่นล่าสุดในแบรนด์ Nord CE นั่นคือ Nord CE4 ซึ่งเป็นตัวเลือกราคาประหยัดจากรุ่นเรือธง โดยได้รับการอัปเกรดจาก Nord CE3 ด้วยการเปลี่ยนมาใช้ชิปเซต Qualcomm Snapdragon 7 Gen 3

Snapdragon 7 Gen 3 ใช้เทคโนโลยีการผลิตระดับ 7 นาโนเมตร ซึ่งช่วยให้จีพียู (GPU: หน่วยประมวลผลกราฟิก) มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเมื่อเทียบกับ Snapdragon 7 Gen 2 และซีพียู (CPU: หน่วยประมวลผลกลาง) มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเมื่อเทียบกับ Snapdragon 782G ถึง 2 เท่า

ชิปเซตดังกล่าวยังทำงานร่วมกับแรม LPDDR4X ขนาด 8 GB, สตอเรจ UFS 3.1 ขนาด 128 GB หรือ 256 GB และซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ OxygenOS 14 ที่รองรับการอัปเดตซอฟต์แวร์หลัก 2 ปี และอัปเดตคตวามปลอดภัยต่อเนื่อง 4 ปี พร้อมฟีเจอร์ คือ การเสริมแรมแบบ Virtual อีก 8 GB อีกทั้งยัง

ในส่วนของแบตเตอรี่นั้น ได้รับการปรับปรุงให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น และมีความจุสูงขึ้น โดยมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5,500 mAh ที่ใช้เทคโนโลยีชาร์จไฟไว SuperVOOC ระดับ 100 W ที่ซึ่ง OnePlus อ้างว่าสามารถชาร์จจาก 0% – 100% ได้ใน 29 นาที และฟีเจอร์ Battery Health Engine ที่ช่วยยืดอายุรอบการชาร์จออกไปได้ถึง 4 ปี

OnePlus Nord CE4

อีกสิ่งที่ได้รับการอัปเกรด คือ กล้องหลักที่ใช้เซนเซอร์ Sony LYT-600 ขนาด 1/1.95 นิ้ว ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อม OIS เสริมด้วยกล้อง Ultrawide ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX355 ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล

OnePlus ยืนยันว่า อัลกอริทึมประมวลผลภาพใหม่จะช่วยยกระดับคุณภาพกล้องทุกตัว และมีฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจอย่าง Portrait Mode 2.0, บันทึกวิดีโอ 4K ที่ 30 เฟรมต่อวินาที หรือ 1080p ที่ 60 เฟรมต่อวินาที และบันทึกวิดีโอสโลโมชั่นที่ 120 เฟรมต่อวินาที

OnePlus Nord CE4

Nord CE4 ยังมาพร้อมหน้าจอ OLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด Full HD+, อัตราส่วน 20:9, รีเฟรชเรต 120 Hz, เรนเดอร์สีระดับ 10 บิต พร้อมรองรับ HDR+ และ Amazon Prime Video HDR

ภายในตัวเครื่องยังได้รับการติดตั้งวัสดุรองรับแรงกระแทก โดยรองรับการตกจากที่สูง 1.5 เมตร บนพื้นหินอ่อนได้ และมาตรฐานกันน้ำ IP54 ที่ช่วยป้องกันน้ำและฝุ่นได้เพียงระดับเริ่มต้นเท่านั้น

Nord CE4 มีด้วยกัน 2 สี คือ Dark Chrome (พื้นผิวให้ความรู้สึกคล้ายโลหะที่มีความมันวาว) และ Celadon Marble (พื้นผิวให้ความรู้สึกคล้ายหินอ่อนสีเขียวหยก) ซึ่งจะเริ่มวางจำหน่ายที่ประเทศอินเดียในวันที่ 4 เมษายน 2024 โดยมีราคาดังนี้

  • 8 GB/ 128 GB : 25,000 รูปิอินเดีย (ประมาณ 10,900 บาท)
  • 8 GB/ 256 GB : 27,000 รูปีอินเดีย (ประมาณ 11,800 บาท)